สัมผัสความสวยงามอลังการ ของพระธาตุภูปอ พระธาตุประจำอำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยาเก่าแก่อายุกว่าพันปี หลังได้รับการบูรณะและสร้างปฎิมากรรมทางพุทธศาสนา จำนวนมาก ส่งผลให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ของอำเภอ เนื่องจากประดิษฐานอยู่บนยอดเขาสูงสามารถมองเห็นทิวทัศน์อำเภอเชียงม่วนได้ทั้งเมือง ประติมากรรมทางพุทธศาสนา หลากหลายรูปแบบทั้งพระพุทธรูป เทพพนม รูปปั้นเกจิภาคเหนือและเรื่องราวทางพุทธประวัติ จำนวนมาก ถูกนำมาติดตั้งและประดับประดาบริเวณโดยรอบพระธาตุภูปอ บนยอดเขาในพื้นที่หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านมาง อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่พบเห็นและนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าเที่ยวชมความสวยงามของพระธาตุภูปอ พระธาตุเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 1 พันปี ซึ่งเป็นพระธาตุประจำอำเภอเชียงม่วน ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาสูง และสามารถมองเห็นทิวทัศน์อำเภอเชียงม่วนได้ทั้งเมือง นอกจากนั้นยังเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่คนในพื้นที่และต่างจังหวัดให้ความเคารพนับถือสักการบูชาอย่างต่อเนื่อง โดยพระเล็ก กันตะวีโร เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์พระธาตุภูปอ กล่าวว่า แต่เดิมนั้นพระธาตุ ดังกล่าวจากการศึกษาในตำราดั้งเดิมจากจังหวัดน่าน พบว่าเป็นพระธาตุที่สมัยพระพุทธกาลได้นำกำลังทหารนับพันนาย เข้าทำการก่อสร้างพระธาตุดังกล่าว ซึ่งในอดีตไม่มีปูนซีเมนต์ จึงได้นำก้อนหินเข้ามาเรียงเป็นรูปพระธาตุ และเรียกว่า ม่อนกองหิน หรือพระธาตุกองหิน ต่อมาในปี พ.ศ. 2474 หรือ 87 ปี ที่ผ่านมา พ่อขุนประธานเชียงเขต หรือกำนันในสมัยนั้นได้มีการก่อสร้างพระธาตุครอบไว้ คือพระธาตุภูปอดังกล่าว แต่มีลักษณะเป็นพระธาตุสีขาว และถูกปล่อยให้รกร้างไป โยอาตมาได้เดินทางมายังสำนักสงฆ์แห่งนี้ในปี 2556 และในปี 2557 จึงได้มีการบูรณะพัฒนา โดยความร่วมมือของชาวบ้านในอำเภอเชียงม่วนและจากที่อื่น จนถึงขณะนี้ โดยงานศิลปกรรมดังกล่าวที่ได้สร้างขึ้นนั้นก็ทำด้วยตนเองกับลูกศิษย์ซึ่งเป็นช่างอยู่ในพื้นที่ ได้ร่วมมือกันทำจนถึงขณะก็สามารถที่จะทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา ซึ่งได้มีการนำเทวดา มาประดับประดารอบบริเวณพื้นที่กว่า 1,300 องค์ และจะมีการก่อสร้างและนำไปติดตั้งที่บริเวณบันไดนาคอีก 1,400 องค์ เพื่อให้ผ็คนได้เดินทางเข้าเที่ยวชมและสักการบูชาต่อไป สำหรับพระธาตุภูปอ เป็นพระธาตุเก่าแก่ ที่เป็นพระธาตุประจำอำเภอ มีขนาดฐานกว้าง 6 เมตร สูง 8เมตร ซึ่งเป็นที่เคารพสักการบูชาของคนในพื้นที่ นอกจากนั้นยังตั้งตระหง่านอยู่บริเวณภูเขา ที่สามารถมองเห็นได้อย่างสวยงามจากตัวเมืองเชียงม่วน และหากขึ้นไปบริเวณพระธาตุก็จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของตัวเมืองเชียงม่วนได้ทั้งเมือง จึงนับสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่สำคัญของอำเภอเชียงม่วนและจังหวัดพะเยา ที่มีความสวยงามอลังการ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
0 Comments
เข้าสู่ช่วงหน้าหนาวอย่างเต็มตัวแล้ว หลายๆ คนต่างพากันเก็บกระเป๋า ขึ้นเหนือไปสัมผัสกับลมหนาวกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งในวันนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะจะไปในช่วงหน้าหนาวมาแนะนำให้ทุกคนได้ไปตามรอยกัน กับการไปชมใบเมเปิ้ลแดงบนดอยอินทนนท์ที่ในหนึ่งปีจะมีให้ชมเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งในช่วงนี้ต้นเมเปิ้ลบนดอยอินทนนท์ก็ผลิใบออกมาเป็นสีแดงสดงดงามเป็นอย่างมาก ทั่วทั้งบริเวณสถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์จะมีบรรยากาศเหมือนกับอยู่เมืองนอกเลยทีเดียว ยิ่งบวกกับอากาศที่มีความหนาวเย็น ต้นไม้เมืองหนาวอื่นๆ และหมอกจางๆ ในยามเช้า ยิ่งช่วยเพิ่มความฟินให้กับทั่วทั้งพื้นที่ของสถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์ หน้าหนาวนี้ใครยังไม่รู้จะไปเที่ยวไหน ลองแวะไปชมใบเมเปิ้ลแดง ไปถ่ายรูปในมุมสวยๆ และดื่มด่ำกับบรรยากาศที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับทุกคนที่ได้เห็นกันครับ ที่ตั้งสถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์ : ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
ตลาดน้ำท่าคา เป็นตลาดเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม บริเวณโดยรอบตลาดมีลักษณะเป็นสวน มองออกไปจะเห็นท้องร่องและต้นมะพร้าวมากมาย บรรยากาศสงบร่มเย็น ที่สำคัญยังรักษาความเป็นตลาดน้ำของชาวบ้านได้อย่างดี ร้านรวงสองข้างทางเรียงรายไปด้วยสินค้านานาชนิด พ่อค้าต่างพายเรือนำผลไม้สด ๆ จากสวนออกมารับลูกค้าอย่างไม่รีบร้อน ลักษณะตลาดตั้งบนทางเดินทอดยาว ขนานกับริมคลองสองข้างทาง ตรงกลางมีสะพานเชื่อมระหว่างกัน สามารถเดินข้ามไปมา หรือชมบรรยากาศตลาดจากมุมสูงได้อย่างดี ร้านค้าต่างมีเอกลักษณ์ของตัวเอง บางร้านออกมาร้องเพลงเก่าให้เราได้หวนคิดถึงวันวาน บ้างก็พูดคุยสนุกสนาน อย่างร้านก๋วยเตี๋ยวริมน้ำ แม่ค้าอยู่บนเรือ ลูกค้าอยู่บนบกแต่สามารถพูดคุยระหว่างกันได้อย่างออกรส รสชาติการสนทนาคงอร่อยไม่แพ้กับรสชาติก๋วยเตี๋ยวในชามแน่นอน หากใครไม่ค่อยชอบเดิน ลองมาเปลี่ยนเป็นนั่งเรือพายชมสวนกันก็สวยงามไปอีกแบบ ระหว่างนั้นอย่าลืมเอาเจ้าเรือดุ๊กดิ๊กไปลอยเล่นด้วย เรือดุ๊กดิ๊กคือเรือของเล่นที่ทำจากใยมะพร้าวนำมาตัด ๆ ขูด ๆ ปิ๊ง! ออกมาเป็นเจ้าเรือขนาดเล็กน่ารัก ใช้ลอยเล่นระหว่างนั่งบนเรือชมธรรมชาติ ใครกลัวว่าเรือดุ๊กดิ๊กจะลอยหายก็ไม่ต้องห่วง เพราะมีไม้และเชือกผูกติดไว้รับรองไม่ไปไหนไกลแน่นอน และสาเหตุสำคัญที่ทำให้เรือชื่อดุ๊กดิ๊กเพราะว่าเวลาลอยอยู่ในน้ำแล้วกระทบคลื่น เรือก็จะส่ายซ้ายทีขวาทีนั่นเอง แน่นอนว่าเรามาถึงทั้งที ต้องบอกถึงแลนด์มาร์คเด็ด คือร้านนิทานกาแฟ คาเฟ่เล็ก ๆ ตั้งอยู่สุดปลายทางเดินริมน้ำ นอกจากจะได้สัมผัสอาหารและเครื่องดื่มสุดแสนอร่อยแล้ว ยังได้ฟังดนตรีโฟล์คไพเราะเคล้าคลอไปกับสายน้ำไหล รับรองได้ว่าจะรู้สึกสบายจนเคลิ้ม ระวังจะหลับคาเสียงเพลงไม่รู้ด้วยนะ ก่อนกลับเราได้แวะกิน แจงลอน หรือที่ชาวตลาดเรียกว่า ขนมจับหลัก ซึ่งพี่คนขายพายเรือมาขายอย่างใจเย็น น้องหมาหลายตัวกำลังนอนระหว่างทางพอเห็นคุณลุงขับเรือมาใกล้ ๆ ต่างมารุมล้อมอย่างกับคุณพี่คนขายกลายเป็นเซเลบในพริบตา เป็นภาพที่น่ารักไม่น้อยเลย แอบบอกว่าวิวบนสะพานไม้ข้ามฝั่งสวยงามมาก ใครได้มาเห็นบรรยากาศนี้กับตาคงจะชอบเหมือนเรา ลองมาใช้ชีวิตแบบคลาสสิค ล่องเรือชมสวน ชีวิตไม่ต้องเร่งรีบแล้วจะรู้ว่า สายน้ำเอื่อยประกอบกับลมพัดเรื่อยทำให้เรือล่องไหล ตลาดน้ำท่าคาพาหัวใจฉ่ำได้จริง ๆ ที่ตั้งตลาดน้ำท่าคา : ตำบลท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 6.00-12.00 น. ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , นายรอบรู้
จังหวัดสุโขทัยนั้นแน่นอนว่านอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว สุโขทัยยังมีพื้นที่ทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ด้วยความที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของประเทศไทยทำให้ที่นี่ร่ำรวยไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ผู้คนต่างช่วยกันรักษาความสงบและสวยงามนี้เอาไว้ สมดั่งคำพูดที่ว่าสุโขทัยนั้นคือรุ่งอรุณแห่งความสุข ซึ่งในวันนี้มีหนึ่งสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การเดินทางไปท่องเที่ยวอย่างมากในเมืองสุโขทัย เป็นวัดเก่าแก่โบราณที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่าก่อตั้งขึ้นตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงเลยทีเดียว วัดแห่งนี้มีชื่อว่าวัดศรีชุม วัดศรีชุมตั้งอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ นอกกำแพงเมืองวัดนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ซึ่งมีนามว่า "พระอจนะ" องค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในมณฑป พระพุทธอจนะ เป็นที่เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์และมีมนต์เสน่ห์และเอกลักษณ์ชวนให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมและสักการะอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งในบริเวณมณฑปที่ประดิษฐานพระอจนะนี้เองที่เป็นมุมถ่ายรูปสุดอันซีนที่สวยงามมากๆ อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองไป องค์พระขนาดใหญ่ที่เมื่อเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าแล้วจะรู้สึกได้ถึงความอลังการและความสวยงามองค์พระอจนะ ด้านบนไม่มีหลังคาเปิดกว้างสามารถมองเห็นท้องและหมู่เมฆลอยอยู่เหนือเศรียนของพระอจนะ เป็นมุมอันซีนที่อยากให้ทุกคนได้ยกกกล้องไปถ่ายภาพเก็บความประทับใจกันในมุมนี้ ข้อมูลเพิ่มเติม ที่ตั้งวัดศรีชุม : ภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ค่าเข้าชมวัดศรีชุม : คนไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
ลอยกระทงปีนี้ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกลๆ ชวนกันมาลอยกระทงใกล้กรุง กับ 12 พิกัดเช็กอินใกล้ๆ สะดวกที่ไหนชวนกันไปเที่ยวเลย 1.งานสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง “ลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง” เป็นการสืบสานประเพณีลอยกระทงกาบกล้วย ที่ถือปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่อง เป็นการเล่าเรื่องราววิถีชีวิตชุมชนริมน้ำ การดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ รวมถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม ถือเป็นสีสันการท่องเที่ยวในมุมมองใหม่ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากเมืองหลักสู่เมืองรอง ด้วยอัตลักษณ์ท้องถิ่น ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมมากมาย อาทิการแสดงร่วมสมัยและการแสดงทางวัฒนธรรม การออกร้านจำหน่ายสินค้าและอาหาร กิจกรรมสาธิตอาหารคาวหวาน การทำธูปและกระทงกาบกล้วย การลอยกระทงกาบกล้วยในแม่น้ำ แม่กลอง จำนวน 400,000 ใบ การปล่อยเรือไฟล่องในสายน้ำ จำนวน 12 ลำ ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 มีขบวนฟ้อนรำรับขบวนอัญเชิญพระประทีปพระราชทาน ขบวน นางนพมาศ ขบวนกระทง ผ่านเส้นทางตลาดแม่กลอง สิ้นสุดที่วัดภุมรินทร์กุฎีทอง สถานที่จัดงาน: วัดภุมรินทร์กุฎีทอง จังหวัดสมุทรสงคราม วันที่จัดงาน: 22 – 23 พฤศจิกายน 2561 2.River Festival 2018 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ครั้งที่ 4 “สุข แสง ศิลป์” ชมการแสดงทางวัฒนธรรมและร่วมสมัย กิจกรรมสาธิต การออกร้านค้าขายสินค้าของชุมชน กิจกรรมลอยกระทงริมแม่น้ำเจ้าพระยา สถานที่จัดงาน : 8 สถานที่ ได้แก่ ท่ามหาราช, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร, วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร, วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร, วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร, ยอดพิมาน ริเวอร์วอล์ค, ล้ง 1919 และ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ วันที่จัดงาน : 22 - 24 พฤศจิกายน 2561 3.Chao Phraya River of Live ร่วมกิจกรรม Krathong Workshop ปั้นกระทงจิ๋ว และเพ้นท์กระทงกะลามะพร้าว นิทรรศการกระทงจากแรงบันดาลใจของ 13 สถานทูต และการแสดงทางวัฒนธรรม สถานที่จัดงาน: ไอคอนสยาม วันที่จัดงาน : 19 - 22 พฤศจิกายน 2561 4.งานลอยกระทงตามประทีป ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ชมการแสดงทางวัฒนธรรมและร่วมสมัย กิจกรรมสาธิต การออกร้านค้าขายสินค้าของชุมชน การออกร้านของสินค้าจากศูนย์ศิลปาชีพฯ กิจกรรมลอยกระทงริมแม่น้ำเจ้าพระยา สถานที่จัดงาน : ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ พระนครศรีอยุธยา วันที่จัดงาน : 22 พฤศจิกายน 2561 5.งานลอยกระทงกรุงเก่า การประกวดกระทง การประกวดนางนพมาศ และหนูน้อยนพมาศ กิจกรรมอาบน้ำเพ็ญ ถนนคนเดิน การออกร้านขายสินค้าชุมชน มหรสพรื่นเริง สถานที่จัดงาน : อนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทุ่งภูเขาทอง พระนครศรีอยุธยา วันที่จัดงาน : 22 พฤศจิกายน 2561 6.งานเทศกาลลอยกระทงสี วัดไทรอารีรักษ์ ประจำปี 2561 ลอยกระทงสี เพื่อขอขมาพระแม่คงคากับชุมชนชาววัดไทรอารีรักษ์ ที่เน้นความเรียบง่ายโดยใช้กระดาษสี วัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ง่าย นำมาประดิษฐ์ขึ้นเป็นกระทง เป็นภูมิปัญญาของชาวมอญลุ่มน้ำแม่กลองที่สืบสานตามดำริของหลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี การจุดประทีปรอบโบสถ์ ตามประทีปรอบวิหาร ปิดทองรอยพระพุทธบาท บูชาพระสารีริกธาตุบนเจดีย์จำลอง ลอดโคม 12 นักษัตร ถวายพวงมะโหตรต้นโพธิ์ และร่วมพิธีลอยเคราะห์แบบมอญ ณ วัดไทรอารีรักษ์ สถานที่จัดงาน : วัดไทรอารีรักษ์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี วันที่จัดงาน : 22 - 24 พฤศจิกายน 2561 7.งานลอยกระทง 2561 ณ สะพานพระราม 8 และ ริมคลองโอ่งอ่าง ร่วมสืบสานประเพณีไทย ภายในงานจัดกิจกรรม ประกวดกระทง การแสดงจากศิลปิน จำลองตลาดโบราณจำหน่ายสินค้าต่างๆ และรวบรวมของดีจากพื้นที่กรุงเทพฯ 50 เขต พร้อมเชิญชวนประชาชน ใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติ ห้ามจุดพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ และโคมลอย นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครจะเปิดสวนสาธารณะ 30 แห่งให้ประชาชนเข้าไปลอยกระทงได้ ตั้งแต่เวลา 17.00 – 24.00 น. สถานที่จัดงาน : บริเวณสะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี และ ริมคลองโอ่งอ่าง วันที่จัดงาน : 22 พฤศจิกายน 251 8.ประเพณีลอยกระทงสุพรรณบุรี ประจำปี 2561 ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จะสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ อนุรักษ์ประเพณีอันดีงามให้ชนรุ่นหลังได้รู้จักและร่วมกันสืบทอดประเพณีอันดีงามนี้ไว้สืบไป อีกทั้งยังส่งเสริมให้ประชาชนได้มีกิจกรรมร่วมกัน ก่อให้เกิดความรักความสามัคคีของคนในชุมชน มีการออกร้านจำหน่ายสินค้าชุมชน/สาธิตการผลิตสินค้า - จัดแสดงนิทรรศการประเพณีลอยกระทง/ประวัติคุ้มขุนแผน ร่วมกันลอยกระทงเพื่อสืบสานวัฒนธรรมแห่งสายน้ำ /กิจกรรมประกวดนางนพมาศ กิจกรรมประกวดกระทง กิจกรรมลอยกระทงของประชาชน / ประกวดเพลงอีแซว และการประกวดขับเสภา สถานที่จัดงาน : บริเวณคุ้มขุนแผน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี วันที่จัดงาน : 22 - 24 พฤศจิกายน 2561 9.งานลอยกระทง วัดอู่ตะเภา จังหวัดชัยนาท พบกับกิจกรรมต่าง ๆ มีกองบุญกองกุศล, ไหว้พระขอพร, ตักไข่พาโชคการกุศล, ชิงของรางวัลใหญ่มากมาย และทำบุญกระทงกับทางวัด สถานที่จัดงาน : วัดอู่ตะเภา อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท วันที่จัดงาน : วันที่ 21-22 พฤศจิกายน 2561 10.งานคืนเพ็ญงามอร่าม...พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ภายในงานพบกับกิจกรรมต่าง ๆ ย้อนยุคไปสมัยที่ใช้ชีวิตกลมกลืนกับธรรมชาติ โดยจัดงานยึดนโยบาย NO FOAM และส่งเสริมรณรงค์ให้ใช้กระทงที่ทำจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสามารถย่อยสลายตามธรรมได้ง่าย รณรงค์ให้ทุกคนแต่งกายด้วยชุดไทยย้อนยุคไปในรัชสมัยรัชกาลที่ 6 ร่วมกันน้อมสำนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ 6 และรำลึกถึงอดีตที่เคยจัดงานลอยกระทงในพระราชวังสนามจันทร์ซึ่งปีนี้ได้กลับมาจัดงานที่พระราชวังสนามจันทร์ครั้งแรก หลังจากที่ว่างเว้นไปกว่า 10 ปี พร้อมทั้งมีการประกวดแม่ลูกงาม โดยแต่งกายย้อนยุคไปรัชสมัยของรัชกาลที่ 6 สถานที่จัดงาน : พระราชวังสนามจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม วันที่จัดงาน : 22 พฤศจิกายน 2561 11.งานประจำปีและงานลอยกระทงภูเขาทอง 2561 ไฮไลต์ของงานอยู่ที่การเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวได้สักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญจากกรุงกบิลพัสดุ์ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่เวลา 07.00 - 24.00 น. ในโอกาสนี้ขอเชิญชวนชาวไทยร่วมตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเฉลิมพระเกียรติถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทั้งนี้ทางวัดสระเกศราชวรมหาวิหารได้แจ้งว่าของดการออกร้านจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ รวมทั้งการแสดงงานรื่นเริงทุกประเภท สถานที่จัดงาน : วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วันที่จัดงาน : 15-24 พฤศจิกายน 2561 12.ประเพณีลอยกระทงย้อนยุคจอมพล ป.พิบูลสงคราม ขอเชิญเที่ยวงานลอยกระทงย้อนยุค ภายใต้ธีม “มาลานำไทย แต่งกายย้อนยุค ร่วมสนุกลอยกระทง” ระหว่างวันที่ 21-22 พฤศจิกายน 2561 ณ บริเวณวงเวียนศรีสุริโยทัย(สระแก้ว) อ.เมือง จ.ลพบุรี ภายในงานพบกับบรรยากาศการแต่งกายย้อนยุคสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ ขบวนแห่กระทงยักษ์ การประกวดหนูน้อยนพมาศ การประกวดนางนพมาศ การแข่งขันชกมวย สนุกสนานกับการรำวงย้อนยุค การแสดงมหรสพ และการจำหน่ายสินค้าชุมชน สถานที่จัดงาน : บริเวณวงเวียนศรีสุริโยทัย(สระแก้ว) อ.เมือง จ.ลพบุรี วันที่จัดงาน : 21-22 พฤศจิกายน 2561 ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
“เชียงใหม่” จังหวัดท่องเที่ยวภาคเหนือสุดฮิตของประเทศไทย ไม่ว่าจะเที่ยวขึ้นเขา ไหว้พระขอพร กินเมนูท้องถิ่น ชมวิวธรรมชาติ แล้วไปใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ในวันหยุดพักผ่อน ออกเดินทางจากกรุงเทพโดยรถบัสรอบตอนกลางคืน ถึงเชียงใหม่ในตอนเช้า ขึ้นรถตู้จากตัวเมืองเชียงใหม่ เดินทางไปยังหมู่บ้านแม่กำปอง แวะเที่ยวก่อนถึงหมู่บ้านแม่กำปองที่ “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก” ชมธรรมชาติ ฟังเสียงลำธารให้ผ่อนคลายกัน ฟินกับธรรมชาติกันเสร็จ เดินทางต่ออีกนิดก็ถึง “หมู่บ้านแม่กำปอง” เก็บกระเป๋า เข้าที่พัก เปลี่ยนชุดแล้วไปเดินชิลๆ ในหมู่บ้าน ไปชมโบสถ์หลังเล็กกลางน้ำตก ไหว้พระวัดที่เป็นศูนย์รวมใจของชาวบ้าน ที่ “วัดแม่กำปอง” จิบกาแฟ ชมวิวหมู่บ้านที่ร้าน “ชมนกชมไม้” นั่งห้องขา มองวิวธรรมชาติ เดินไปชิล เอาขาจุ่มน้ำที่ “น้ำตกแม่กำปอง” น้ำตกเล็กๆ ที่ร่มรื่นไปด้วยธรรมชาติสีเขียว กินข้าวเย็นที่ร้าน “ลุงปุ๊ดป้าเป็ง” ร้านเด่นประจำหมู่บ้าน บรรยากาศติดลำธาร พร้อมมุมถ่ายรูปสวยๆ ทั้งภายในและภายนอกร้าน ชมบรรยากาศหมู่บ้านในตอนเย็น ก่อนเข้าที่พัก กินข้าวมื้อเช้าที่ร้าน “ลุงปุ๊ดป้าเป็ง” จิบกาแฟ กินข้าวต้ม ซึบซับบรรยากาศยามเช้า สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด เก็บกระเป๋า เดินทางเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ กินอาหารพื้นเมืองที่ร้าน “เฮือนม่วนใจ๋” อิ่มมื้อเที่ยงกันแล้ว ไปสัมผัสความเงียบสงบกันที่ “วัดอุโมงค์” เดินทางต่อที่ “พระธาตุดอยสุเทพ” พระธาตุคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ กราบไหว้ พร้อมรับชมวิวสวยๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ ไหว้พระ ชมวิวยามเย็นที่ “วัดพระธาตุดอยคำ” เก็บกระเป๋าเข้าที่พัก เปลี่ยนชุด ไปกินมื้อเย็นที่ “ถนนนิมานเหมินทร์” กินมื้อเย็นที่ร้าน “คั่วไก่นิมมาน” ร้านเด็ด เก่าแก่ของที่ถนนเส้นนี้ ไปต่อของหวานที่ร้าน “ไอเบอรี่” ถ่ายรูปเก๋ๆ ไว้เป็นที่ระลึก เดินถนนคนเดิน ซื้อของฝาก ซื้อของที่ระลึก ก่อนเข้าห้องพักผ่อน กินมื้อเช้ากันที่โรงแรม เก็บกระเป๋า เตรียมตัวกลับบ้าน ไหว้พระก่อนกลับบ้านที่ “วัดพระสิงห์” เดินทางไปที่บขส เดินทางกลับกรุงเทพ จบทริป 3 วัน 2 คืน เที่ยวเชียงใหม่ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , พาไป
วันนี้ จะพาทุกคนไปเที่ยวอีสานแบบชิคๆ คูลๆ กับแหล่งถ่ายรูปแห่งใหม่ของบึงกาฬ ทุ่งดอกขี้กลากบึงโขงหลง ซึ่งในช่วงนี้กำลังบานสะพรั่งสวยงามมากๆ เป็นแบ็คกราวด์ในการถ่ายภาพที่น่าแต่งตัวสวยๆ พกกล้องตัวเก่งไปถ่ายสุดๆ ทุ่งดอกขี้กลากนี้จะมีระยะเวลาในการบานประมาณ 1 เดือนเท่านั้นเมื่อถึงเวลาก็จะร่วงโรยหายไป ปีหนึ่งจะมีให้เห็นเพียงแค่ช่วงเดียวเท่านั้น บรรยากาศท่ามกลางสวนดอกไม้ที่ดูแปลกตาเช่นนี้รับรองว่าคุณต้องได้รูปภาพสวยๆ ไปอวดบนโลกโซเชี่ยลแน่นอน โดยจุดที่สามารถไปชมทุ่งดอกขี้กลาก ได้นั้นจะอยู่บริเวณริมบึงโขงหลง ตำบลหมากแข้ง จังหวัดบึงกาฬ ใครกำลังมีแผนจะไปเที่ยวบึงกาฬกันอยู่ลองแวะไปเที่ยวถ่ายรูปสวยๆ กันดูครับ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : Sanook Travel , Peeranut P.
งานประเพณีแห่หลวงพ่อปานทางน้ำ งานประเพณีสุดยิ่งใหญ่แห่งจังหวัดสมุทรปราการ ที่ห่างหายจากการจัดงานไปถึง 2 ปี แต่ในปีนี้การรอคอยของชาวคลองด่าน สมุทรปราการก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว เมื่อทางหน่วยงานราชการและชาวบ้านร่วมกันจัดงานแห่หลวงพ่อปานทางน้ำขึ้น ความยิ่งใหญ่อลังการของเทศกาลนี้ต้องมาเห็นด้วยตาตนเองจริงๆ ขบวนเรือทั้งลำเล็กลำใหญ่ที่ต่างฝ่าฝันเกลียวคลื่นออกสู่ท้องทะเล เสียงประทัดดังตามหลังไปตลอดระยะทางที่องค์หลวงพ่อปานแห่ผ่าน ประเพณีนมัสการหลวงพ่อปาน เป็นงานประจำปีของชาวอำเภอบางบ่อ ทั้ง 8 ตำบลร่วมแรงร่วมใจกันจัดขึ้นเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของหลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานเกิดที่ตำบลบางเหี้ย เป็นเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง เป็นพระที่เมตตา มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ วัตถุมงคลของท่านมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไป คือ เขี้ยวเสือ จากคุณงามความดีของท่านปัจจุบันยังฝังอยู่ในจิตใจของชาวอำเภอบางบ่อ ทุกปีขึ้น 8 ค่ำ เดือน 12 ประชาชนจะร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้พร้อมกันจัดงานนี้ขึ้น โดยในปีนี้ด้วยความที่ประเพณีนี้ได้เว้นว่างไปถึง 2 ปีทำให้มีนักท่องเที่ยว ช่างภาพ รวมไปถึงเรือประมงของชาวบ้านเข้ามาร่วมงานกันเป็นจำนวน จนผืนทะเลที่เคยกว้างใหญ่นั้นดูคับแคบไปเลยทีเดียว ในพิธีการชาวบ้านจะตั้งขบวนแห่หวงพ่อปานไปที่ปากอ่าว หลังจากนั้นจะแล่นเรือวนปากอ่าว 3 รอบ ก่อนจะแจกธงหลวงพ่อปาน ที่ชาวบ้านเคารพนับถือให้แก่เรือประมงของชาวบ้านและผู้ที่เดินทางไปร่วมงานที่บริเวณกลางทะเลเป็นจำนวนมาก ก่อนอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบกแห่ทั่วสมุทรปราการ ให้ชาวบ้านนมัสการ ต้องขอบอกเลยว่างานประเพณีนี้เป็นความงดงามอลังการเป็นอย่างมาก มีคนรู้จักเทศกาลนี้ไม่มากนักนอกเสียจากชาวบ้านในพื้นที่ แต่ความสวยงามของเทศกาลนี้เป็นสิ่งที่อยากให้ทุกคนได้มาเห็นด้วยตาตนเองจริงๆ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อสิ่งดีที่สุดของประเทศไทย โคจรมาบรรจบพบเจอกับสิ่งที่ดีที่สุดของโลก! แน่นอนว่าผลลัพธ์คือ “ไอคอนสยาม” อภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคต ซึ่งเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อค่ำวานนี้ (9 พฤศจิกายน 2561) คงไม่มีใครปฏิเสธว่า “ไอคอนสยาม” คือจุดหมายปลายทาง หรือ Destination แห่งใหม่ในกรุงเทพมหานครที่กำลังได้รับการจับตามองมากที่สุด ณ ขณะนี้ กับการสร้างสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้คอนเซ็ปต์ Creating Shared Value (การสร้างประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่ายป และ Co-Creation (การร่วมกันรังสรรค์อย่างเป็นรูปธรรมและเต็มรูปแบบ) ในสเกลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกใบนี้ อาณาจักรไอคอนสยามนั้นประกอบไปด้วย ศูนย์การค้าแห่งยุค และ คอนโดมิเนียมสุดหรู อย่างละ 2 อาคาร โดยไฮไลต์ของศูนย์การค้าสุดอลังการคงหนีไม่พ้น Global Iconic Stores จากแบรนด์หรูระดับโลกมากมาย กับสถาปัตยกรรมสุดวิจิตรตระการตาที่จะทำให้คุณอ้าปากค้าง รวมไปถึงสินค้าสุดพิเศษจากแบรนด์ไทยและเทศกว่า 7,000 แบรนด์ที่วางจำหน่ายเฉพาะที่ไอคอนสยามเท่านั้น! และ 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่ง ไอคอนสยาม ที่คุณควรไปสัมผัสด้วยตัวของคุณเองสักครั้ง จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน… 1 River Park นี่คือ Community Space ขนาดใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มีพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร มีไว้สำหรับผู้คนในชุมชนโดยรอบให้สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ทุกวัน 2 ICONIC Multimedia Water Features ตื่นตาตื่นใจไปกับ “ระบำสายน้ำที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” แลนด์มาร์กสำคัญที่เทียบชั้นมหานครอื่นๆ ทั่วโลก อาทิ London Eye กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หรือแม้แต่ Botanic Garden ณ Marina Bay Sand สิงคโปร์ ได้อย่างสบายๆ บอกได้เลยว่า แม่น้ำเจ้าพระยาจะกลายเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศแน่นอน 3 สุขสยาม พื้นที่ที่ได้รับการขนานนามว่า “เมืองมหัศจรรย์” ครั้งแรกในประเทศไทยที่ถือกำเนิด Co-Creation Space ขึ้น จากการผนึกกำลังสร้างสรรค์ร่วมกันระหว่างชุมชนท้องถิ่น 77 จังหวัดทั่วประเทศ ที่ได้สร้างแพลตฟอร์มธุรกิจและพื้นที่เชิงวัฒนธรรมขึ้นมา ต่อยอดไปสู่การเรียนรู้กลไกการค้าปลีกและค้าส่งสู่ต่างประเทศ ด้วยตลาดการค้ารูปแบบใหม่แบบครบวงจรที่เรียกว่า Commercial Ecosystem ที่สามารถสร้างงานและรายได้ให้คนในชุมชนในวงกว้าง รวมถึงนำเสนอคุณค่าของสิ่งขึ้นชื่อของเมืองไทยได้อีกด้วย 4 ทรูไอคอนฮอลล์ สุดล้ำกับศูนย์ประชุมแห่งนวัตกรรมมาตรฐานสากล สามารถรองรับการจัดงานประชุมระดับชาติ จัดแสดงโชว์ หรือแม้แต่งาน MICE ระดับโลกก็จัดได้อย่างสมเกียรติและยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าจะส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจ รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็จะได้รับผลดีไปด้วย (เปิดให้บริการเดือนกรกฎาคม 2562) 5 รถไฟฟ้าสายสีทอง การเชื่อมต่อการคมนาคมในรูปแบบ รถ-ราง-เรือ ที่เชื่อมโยงการสัญจรทั้งสามเข้าไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะท่าเรือขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นใหม่ถึง 4 ท่าในไอคอนสยาม นับเป็นระบบขนส่งมวลชนสาธารณะที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่แนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพิ่มทางเลือกในการเดินทาง และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนทั่วไปได้อีกด้วย 6 ริเวอร์ มิวเซียม แบงค็อก แวะชมพิพิธภัณฑ์ระดับโลก พื้นที่ที่จะมอบการเรียนรู้และเข้าถึงศิลปะ ให้ศิลปะได้ก้าวเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวัน ภายใต้รูปแบบ Cultural Space ที่หมุนเวียนงานศิลปะล้ำค่าจากทั่วทุกมุมโลกมาจัดแสดงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคม 2562 เช่นเดียวกับทรูไอคอนฮอลล์ 7 รวมโลกในรอยไทย ปรากฏการณ์การรวมสุดยอดผลงานจากศิลปินทุกแขนงกว่า 100 คน ไม่ว่าจะเป็นศิลปินท้องถิ่นจากทุกภาคของประเทศไทย ศิลปินแห่งชาติ รวมไปถึงศิลปินระดับโลก ที่มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกซึ่งไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน อาทิ เสาจิตรกรรมจาก 4 ภาคของไทย, รูปปั้นผีตาโขน, ประทีปต้นผึ้ง หรือแม้กระทั่งงานเพลงและภาพถ่ายระดับมาสเตอร์พีซ ก็ได้รับการนำมาจัดแสดงเช่นกัน ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Chanon B.
ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งที่ราบสูง ภาคอีสานเลยอุดมไปด้วยภูผาและเทือกเขาน้อยใหญ่ ท่ามกลางผืนป่าอันเขียวขจี ผสานด้วยวัฒนธรรมที่น่าตื่นตา หนาวนี้หากใครกำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวรับลมหนาว จุดชมวิวสวยๆ ไว้ทอดสายตาจากมุมสูง ตามมากันเลยกับ 5 พิกัดจุดชมวิวภาคอีสาน 1.อุทยานแห่งชาติภูกระดึง สำหรับนักเดินทางขาลุย ยอดภูกระดึง คงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ต้องมาเช็คอินซักครั้งในชีวิต เพราะความท้าทายของระยะเดินเท้าขึ้นเขากว่า 9 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลา 4-6 ชั่วโมงในการไต่ระดับขึ้นไปจนถึงยอดภู แต่ความสวยงามของป่าสนและธารน้ำตกบนนั้นก็ตอบแทนหยาดเหงื่อของนักเดินทางอย่างคุ้มค่า โดยจุดชมวิวที่กลายเป็นภาพจำของภูกระดึงนั่นคือ ผาหล่มสัก ที่มีชะง่อนหินยื่นออกไปกับกิ่งสน มุมถ่ายภาพสุดฮิตที่ใครก็ต้องมาต่อคิวรอเวลาพระอาทิตย์ลับฟ้า นอกจากนี้ก็ยังมีผานกแอ่น ซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นซึ่งแทบทุกคนที่ขึ้นมาบนภูกระดึงจะต้องตื่นมารับอรุณด้วยกัน ที่ตั้ง : ต.ศรีฐาน อ.ภูกระดึง จ.เลย เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เดินขึ้นลงภู 07:00–14:00 น. ทุกวัน ระหว่างเดือนตุลาคม-พฤษภาคม 2.อุทยานแห่งชาติภูเรือ ใครที่อยากสัมผัสอากาศ “หนาวสุดแดนสยาม” จนถึงขั้นเห็นแม่คะนิ้ง ต้องมาที่นี่ จุดชมวิวที่รู้จักกันดีคือ ผาโหล่นน้อย ซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม และหากเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 700 เมตร จะพบกับ ยอดภูเรือ ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,365 เมตร เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทั้งแม่น้ำเหืองและแม่น้ำโขง ซึ่งกั้นระหว่างพรมแดนไทย-ลาว นอกจากจะได้ชมแสงสาดกระทบยอดเขาอย่างงดงามแล้ว บนนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปนาวาบรรพต มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติชมดอกไม้ป่าช่วงหน้าหนาว และบริการลานกางเต๊นท์อีกด้วย ที่ตั้ง : ต.หนองบัว อ.ภูเรือ จ.เลย เวลาเปิด-ปิด : 05:30–20:00 น. ทุกวัน 3.ภูป่าเปาะ เป็นจุดชมวิวที่สามารถมาได้ทั้งวัน โดยไฮไลท์อยู่ที่วิว “ภูหอ” หรือเรียกเก๋ๆ ว่า “ฟูจิเมืองเลย” ซึ่งถือเป็นวิวที่ใครต่างก็ตั้งใจนั่งรถอีแต๊กชาวบ้านขึ้นมาชมกัน ลักษณะเป็นภูเขายอดตัดราบ มองไกลๆ คล้ายชามคว่ำดูแปลกตา จนมีคนเชื่อมโยงว่าเหมือนภูเขาไฟฟูจิที่ญี่ปุ่นเพียงแต่ไม่มีหิมะปกคลุมเท่านั้นเอง บนยอดภูป่าเปาะมีจุดชมวิวเตรียมไว้ให้ถึง 4 จุด โดยจุดชมวิวที่อยู่สูงสุดจะสามารถมองเห็นวิวได้รอบตัว 360 องศา เรียกว่าจะมารอพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมสายหมอก หรือจะมาชมพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติกก็ได้ ทิวทัศน์ที่เห็นก็สวยงามแตกต่างไปในแต่ละฤดูกาล สามารถมาเที่ยวได้ทั้งปี ที่ตั้ง : ต.ปวนพุ อ.หนองหิน จ.เลย เวลาเปิด-ปิด : 05:00–18:00 น. ทุกวัน 4.จุดชมวิววัดผาตากเสื้อ เป็นจุดชมวิวสกายวอล์กทรงเกือกม้ายาว 16 เมตร ที่สามารถเดินออกไปชมวิวพาโนรามาน่าตื่นตาของแม่น้ำโขงกว้างใหญ่ไกลถึงฝั่งสปป.ลาว ประเทศเพื่อนบ้าน แถมในช่วงน้ำลดยังสามารถมองเห็นสันทรายเป็นคลื่นคล้ายเกล็ดพญานาคจากระยะไกลด้วย ส่วนใครที่อยากมาสัมผัสทะเลหมอกจะต้องมาเช้าหน่อย โดยเฉพาะช่วงหลังคืนฝนตกและฤดูหนาวที่หมอกจะลอยตัวคลุมเหนือพื้นด้านล่างจนมิด กลายเป็นวิวสุดอลังการราวกับยืนอยู่เหนือปุยเมฆก็ไม่ปาน ชมวิวแล้วก็อย่าลืมเดินขึ้นบันไดนาคไปสักการะพระประธานบนพระอุโบสถของวัด พร้อมกับทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล ที่ตั้ง : ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย เวลาเปิด-ปิด : 09:30–16:30 น. ทุกวัน 5.ภูห้วยอีสัน ป็นจุดชมวิวลำน้ำโขงที่หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นชื่อนัก จุดนี้อยู่บนเนินเขาเล็กๆ ที่สามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกได้อย่างสวยงามอีกแห่งหนึ่งของจ.หนองคาย เมื่อนั่งรถอีแต๋นที่จัดไว้บริการนักท่องเที่ยวขึ้นมาถึงจุดชมวิวสูงสุด จะมองเห็นทั้งบ้านเรือนในอ.สังคม จ.หนองคาย ลำน้ำโขง และเกาะแก่ง ที่คั่นระหว่างชายแดนไทย-ลาว พร้อมด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อนเป็นฉากหลัง ความงดงามอยู่ที่เวลาพระอาทิตย์เริ่มสาดกระทบสายหมอกและลำน้ำโขง บรรยากาศทุ่งหญ้ารอบตัวจะทาไปด้วยสีส้มอุ่นๆ ราวกับอยู่ในความฝัน ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือระหว่างเดือนตุลาคม-พฤษภาคม ที่ตั้ง : อ.สังคม จ.หนองคาย เวลาเปิด-ปิด : 05:30–08:00 น. ทุกวัน ขอคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
|
AuthorWrite something about yourself. No need to be fancy, just an overview. Archives
January 2021
Categories |