เชียงราย จังหวัดที่ถือได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมายอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวในช่วงหน้าหนาว ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปะวัฒนธรรม และในช่วงสิ้นปีแบบนี้ที่เชียงรายก็จะมีอีเว้นท์ใหญ่ที่จัดขึ้นที่ สิงห์ปาร์ค เชียงราย ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชมกัน กับความยิ่งใหญ่อลังการของต้นคริสต์มาสยักษ์ ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากขวดน้ำพลาสติกมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแลนด์มาร์คของปีนี้ครับ โดยกิจกรรมนี้ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ภายใต้แคมเปญที่พิเศษกว่าที่ใด โดยเน้นงานสร้างสรรค์ต้นคริสต์มาสจากขวดน้ำพลาสติกที่สูงที่สุดในโลก ได้เนรมิต "อาคารซิปไลน์" ที่มีความสูงถึง 29 เมตร ก่อนนำชิ้นงานที่รังสรรค์จากขวดพลาสติกที่ใช้แล้วมาประดับประดาจนสวยงามย่ามเมื่อเปิดไฟจะสวยงามตระการตาไม่แพ้ที่ใดในโลก สื่อให้เห็นถึงการปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนทิ้งขยะที่สามารถนำกลับไปรีไซเคิลอย่างถูกวิธีและเป็นการรณรงค์ให้เลิกใช้ถุงพลาสติก โดยต้นคริสต์มาสนี้จะเปิดให้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมความสวยงามไปจนถึงวันที่ 12 มกราคม 2563 จากนั้นจะนำขวดทั้งหมดกว่า 1 แสนใบ ส่งให้กับโรงงานนำไปทำด้ายเพื่อรีไซเคิลทำให้เป็นเสื้อยืดกว่า 5 พันตัว สำหรับต้นคริสต์มาสนี้เป็นโครงการที่เริ่มต้นจากความร่วมมือจากพนักงานของบุญรอดฯ และบริษัทในเครือทั่วประเทศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงพลังรักษ์โลก โดยต้นคริสต์มาสจากขวดน้ำพลาสติกต้นแรกของโลก เกิดจากการรวบรวมขวดน้ำพลาสติกที่ใช้แล้ว ของแบรนด์น้ำดื่มสิงห์ และน้ำแร่เพอร์ร่ามากกว่า 100,000 ขวด โดยขวดที่นำมาใช้เป็น "PET 1" ซึ่งสามารถเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ 100% ถือเป็นสถิติต้นคริสต์มาสประดับจากขวดน้ำพลาสติกรีไซเคิลที่สูงที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ นายพงษ์สิงห์ พิมพ์สุวรรณ ผู้บริหาร บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ที่ดูแลการจัดสร้างต้นคริสต์มาสยักษ์ในครั้งนี้ กล่าวว่า "สิ่งที่ภูมิใจ ไม่ใช่การทำงานของพนักงานสิงห์ปาร์ค เชียงรายหรือบุญรอดฯเท่านั้น แต่เป็นความร่วมมือร่วมใจจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนจากโรงเรียนบ้านปางคึกตำบลแม่กรณ์ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย น้องๆจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายและศูนย์พัฒนาราษฎรพื้นที่สูงจังหวัดเชียงราย (ชนเผ่า) ที่ได้มาช่วยกันทำ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นมาจากความร่วมแรงร่วมใจ เกิดขึ้นบนความภูมิใจของพวกเราที่ได้ทำให้จังหวัดเชียงราย มีจุดสนใจ มีจุดที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความนิยมมากขึ้น" ทั้งนี้ต้นคริสต์มาสยักษ์ที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าสัมผัสความอลังการ พร้อมเก็บภาพประทับใจและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกได้ทุกวัน จนถึงเวลา 21.00 น. พร้อมกันนี้ ยังมีกิจกรรมที่ให้ร่วมสนุกอีกมากมาย รวมถึงกิจกรรม สิงห์ปาร์ค วินเทอร์ มาร์เก็ต พบกับร้านอาหารอร่อยและเครื่องดื่มมากมาย และเพลิดเพลินไปกับวงดนตรีสด ทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2562 - 12 มกราคม 2563 ที่สำคัญ เมื่อสิ้นสุดเทศกาลจะนำขวดพลาสติกทั้งหมด เข้าสู่กระบวนการ "upcycling" ซึ่งเป็นการนำขวดพลาสติกเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นเส้นใย นำไปทอเป็นผ้าและตัดเย็บเป็นผลิตภัณฑ์ โดยขวดน้ำพลาสติกขนาด 600 มล. จำนวน 18 ขวด สามารถนำมาแปรรูปเป็นเส้ยใยเพื่อทอเป็นเสื้อยืดได้ 1 ตัวแล้ว พร้อมกับใช้เทคโนโลยี zeroH2O ที่ไม่ใช้น้ำในกระบวนการย้อมเลย จึงไม่มีน้ำเสียปล่อยออกมาในกระบวนการผลิต ถือได้ว่าเป็นกระบวนการลดการใช้น้ำได้ 100% และช่วยประหยัดพลังงานได้มากถึง 50% โดยจำนวนขวดทั้งหมดนี้จะถูกแปรรูปเป็นเสื้อยืดกว่า 5,500 ตัว เพื่อจัดจำหน่ายเป็นของที่ระลึกที่สิงห์ปาร์คเชียงรายต่อไป ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook
0 Comments
ทะเลหน้าหนาวใครว่าไม่สวย! จริงๆ แล้วหน้าหนาวแบบนี้ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นที่น่ามาเที่ยวทะเลมากๆ น้ำทะเลสวยใส อากาศที่ไม่ร้อนอบอ้าวจนเกิดไป ฟ้าเปิดไม่มีคลื่นลมแรง รู้อย่างนี้แล้วคุณจะรออะไรไปเที่ยวทะเลกันดีกว่า วันนี้ จะพาคุณล่องใต้ไปสู่จังหวัดภูเก็ต ไข่มุกแห่งอันดามัน จังหวัดที่ขึ้นชื่อในเรื่องทะเลสวยและสามารถเดินทางไปได้อย่างง่ายดาย การเดินทางไปที่ภูเก็ตนั้นก็สามารถไปได้ทั้งทางรถและทางเครื่องบิน ซึ่งวิธีที่สะดวกที่สุดและประหยัดเวลาที่สุดก็คือการนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงที่สนามบินภูเก็ตใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น อย่างในทริปนี้เราใช้บริการของการบินไทย บินตรงแบบฟูลเซอร์วิสในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง ความสะดวกสบายแม้จะเพียงชั่วโมงเดียวแต่ก็ทำให้เราสามรถพักผ่อนได้อย่างเต็มอิ่มก่อนจะออกไปเที่ยวทะเลกัน จุดหมายปลายทางที่เราจะไปกันในวันนี้นั้นก็คือ เกาะรอก เกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งท้องทะเลอันดามัน เกาะรอกจริงๆ แล้วนั้นตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาจังหวัดกระบี่ รอยต่อจังหวัด ภูเก็ต และตรัง ซึ่งเราสามารถขึ้นเรือไปเที่ยวจากฝั่งภูเก็ตได้เช่นกัน การเดินทางสู่เกาะรอกในครั้งนี้เราใช้บริการทัวร์ของ Love Andaman จองทริปวันเดย์ทริปสู่เกาะรอก ไปตามหาสวรรค์กลางทะเลที่โด่งดังไปทั่วโลกที่เกาะรอก เริ่มต้นเดินทางกันที่ท่าเรือ Visit Panwa โดยทางบริษัททัวร์จะมีห้องรับรอง รวมไปถึงอุปกรณ์ในการดำน้ำให้บริการแก่เราในบริเวณท่าเรือนี้ รวมไปถึงมีของว่างให้ทานก่อนออกเดินทางใครยังไม่ได้ทานข้าวเช้าก็สามารถฝากท้องที่นี่ได้ เมื่อเตรียมตัวกันพร้อมแล้วทาง Love Andaman ก็จะพาเราไปบรีฟกำหนดการรวมไปถึงข้อกำหนดในการเที่ยวเกาะรอกในวันนี้ ก่อนที่จะออกเดินทางด้วยเรือสปีดโบ๊ทลำใหญ่นั่งสบายๆ ฟังเพลงไปชิลๆ พร้อมรับลมทะเล ใช้เวลาเดินทางจากฝั่งภูเก็ตประมาณ 2 ชั่วโมงก็จะมาถึงเกาะรอกแล้ว เมื่อมาถึงเกาะรอก ราชินีแห่งอันดามันก็เผยตัวให้กับเราได้เห็น น้ำทะเลสีฟ้าสดใสสวยงามตัดกับภาพของหาดทราย สวยงามจนเราสัมผัสได้แม้จะยังอยู่บนเรือ น้ำใสสวยงามขนาดที่ว่าสามารถมองเห็นลงไปถึงก้นทะเลได้ด้วยตาเปล่าเลย เป็นช่วงเวลาที่ทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราตกอยู่ในภวังค์จริงๆ เห็นแบบนี้ทุกคนไม่รอช้ารีบพาตัวเองขึ้นไปสู่ชายหาด เพื่อดื่มด่ำกับความสวยงามของเกาะรอกแห่งนี้ให้ได้นานที่สุด ความโชคดีอีกอย่างหนึ่งของเราในวันที่ไปก็คือนักท่องเที่ยวบนเกาะมีไม่เยอะมากนัก เราสามารถชมทัศนียภาพของชายหาดที่ไร้ซึ่งผู้คนได้อย่างสวยงาม หามุมถ่ายภาพสวยๆ กันได้อย่างเต็มที่ ประทับใจมากจริงๆ เราแวะทานข้าวกลางวันกันบนเกาะ ซึ่งทาง Love Andaman ก็ได้จัดเตรียมอาหารไว้ให้เราอย่างพร้อมเสร็จทั้งของคาว ของหวาน และเครื่องดื่ม ได้นั่งทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศบนเกาะแบบนี้บอกเลยว่าฟินจริงๆ หลังจากทานอาหารกันจนอิ่มแล้วก็ได้เวลาไปเดินเล่นสำรวจเกาะกันต่อ ได้เห็นความสมบูรณ์ของธรรมชาติกลางทะเลนี้อย่างเต็มที่ สมฉายาราชินีแห่งอันดามันจริงๆ ยอมรับเลยว่านี่คือเกาะกลางทะเลที่สวยงามไม่แพ้ที่ใดที่เราเคยเจอมาเลยทีเดียว หลังจากเก็บภาพความทรงจำบนเกาะรอกกันจนเต็มอิ่มแล้วก็ได้เวลามูฟออนสู่จุดดำน้ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรแกรมทัวร์ของเราในวันนี้ ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชม. เรือก็พาเรามาสู่จุดดำน้ำเกาะห้า ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่าเกาะห้านั้นก็เพราะว่าบริเวณนี้มีเกาะเล็กเกาะน้อยอยู่รอบๆ รวมทั้งหมด 5 เกาะนั่นเอง ที่จุดนี้ถือได้ว่าเป็นจุดดำน้ำชมปะการัง และปลาทะเลที่สมบูรณ์มากๆ โลกใต้น้ำเต็มไปด้วยสัตว์ทะเล ปะการงสีสันสวยงาม ใครที่ชอบดำน้ำแนะนำเลยว่าที่นี่จะทำให้คุณประทับใจแน่นอน เราเดินทางกลับฝั่งภูเก็ตกันพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มและความประทับใจทีได้พิสูจน์ความสวยงามระดับโลกของทะเลไทยอย่างเต็มอิ่ม ราชินีแห่งอันดามันนั้นสวยงามสมชื่อจริงๆ เป็นหนึ่งในเกาะแห่งความทรงจำที่อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองไปสัมผัส ได้ลองไปเห็นด้วยตาตัวเอง สักครั้งจริงๆ ข้อมูลเพิ่มเติม - ค่าทัวร์วันเดย์ทริปเกาะรอก : ผู้ใหญ่ 2,800 บาท / เด็ก 2,100 บาท - ติดต่อ Love Andaman : 076 390 250 , 260 โปรแกรมวันเดย์ทริปเกาะรอก - 05:30-06:00 : รถตู้รับจากที่พัก มุ่งหน้าสู่ท่าเรือวิสิษฐ์พันวา ( Visit Panwa ) จ.ภูเก็ต - 07:30 : เดินทางถึงท่าเรือวิสิษฐ์พันวา ( Visit Panwa ) เพื่อทำการเช็กอิน รับประทานของว่างเบเกอรี่ เครื่องดื่ม ( ชา, กาแฟ, น้ำผลไม้, ) จากนั้นฟังคำแนะนำจากมัคคุเทศก์พร้อมอธิบายโปรแกรม - 08:00 : เดินทางจากท่าเรือเลิฟอันดามันเพื่อมุ่งหน้าสู่เกาะรอกด้วยเรือสปีดโบ๊ท ที่มีความปลอดภัยด้วยเสื้อชูชีพ และอุปกรณ์ครบครัน - 10:00-10:30 : เดินทางถึงเกาะรอก เพลิดเพลินกับการเที่ยวชมธรรมชาติ บริเวณชายหาดที่เต็มไปด้วยปูเสฉวน เดินเล่นถ่ายรูปพักผ่อน หรือดำน้ำตื้น - 12:00 : พักรับประทานอาหารกลางวันแบบบุฟเฟต์จัดเต็มจากทางอุทยานฯ พร้อมทั้งอิ่มอร่อยกับของว่าง เค้ก ขนมนานาชนิด และเครื่องดื่ม น้ำผลไม้ ริมชายหาดบนเกาะรอกนอก พร้อมสัมผัสกลิ่นไอธรรมชาติ - 13:00 : ออกเดินทางจากเกาะรอก สู่หมู่เกาะห้า - 14:00 : ถึงหมู่เกาะห้า จุดดำน้ำตื้นที่มีแนวปะการังหลากสี อัดแน่นด้วยความสมบูรณ์และความหลากหลายทางธรรมชาติ ทั้งฝูงปลานานาชนิด และปลาที่เป็นเอกลักษณ์อย่างปลาปักเป้า หอยมือเสือ และฝูงปลาสีน้ำเงิน - 15:15 : ออกเดินทางจากห้า มุ่งหน้าสู่ท่าเรือวิสิษฐ์พันวา ( Visit Panwa ) - 16:30 : เดินทางถึงท่าเรือ และส่งกลับที่พัก ขอบคุณข้อมูลและภาะประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
ภูลมโล เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่บนรอยต่อ ของสามจังหวัด คือพิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ภูลมโลอยู่ในเขตพื้นที่ของอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย สูงจากระดับน้ำทะเล 1,664 เมตร อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในเวลานี้ เป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่เยอะที่สุดในประเทศไทย ในพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ มีต้นนางพญาเสือโคร่งนับหมื่นต้น ภูลมโลอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ประมาณ 15 กิโลเมตร ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวภูลมโลอยู่ในช่วงฤดูหนาว ประมาณปลายเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ โดยดอกนางพญาเสือโคร่งจะบานในช่วงเดือน มกราคมของทุกปี ทั้งนี้ในแต่ละปีดอกนางพญาเสือโคร่งจะบานไม่ตรงกัน ก่อนเดินทางต้องเช็คข้อมูลกับทางอุทยานฯก่อนทุกครั้ง - ที่อยู่ : อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตู้ ปณ. 3 ตำบลเนินเพิ่มอ.นครไทย จ.พิษณุโลก 65120 - ชื่อผู้ติดต่อ:อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า - เบอร์โทรศัพท์:081 596 5977 - กิจกรรมท่องเที่ยว:ภูลมโล หนึ่งในสถานที่ชม ซากุระเมืองไทย หรือ ดอกนางพญาเสือโคร่งพากันออกดอกเบ่งบานชมพูสะพรั่ง จะย้อมพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นสีชมพู จนได้รับฉายาว่า “ภูลมโล – หุบเขาสีชมพู” กลายเป็นทัศนียภาพที่งดงามตรึงใจ - สิ่งอำนวยความสะดวก :อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ไม่อนุญาตให้นำยานพาหนะส่วนเข้าไปในเขตภูลมโล แต่ให้ใช้รถบริการของชุมชนในพื้นที่ เนื่องจากเส้นทางขึ้นไปชมดอกนางพญาเสือโคร่งเป็นถนนลูกรัง ลดเลี้ยวเคี้ยวโค้ง ขึ้นเขาลงเขา หากนักท่องเที่ยวที่ไม่ชำนาญเส้นทางขับรถขึ้นไป อาจเกิดอันตราย หรือประสบอุบัติเหตุได้ ราคาเหมาคันอยู่ที่ 1,500 บาท ต่อ 10 คน (ราคานี้ไม่รวมค่าเข้าอุทยาน) - แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง: อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า วัดผาซ่อนแก้ว ร้านกาแฟ Pino Latte Resort & Caféเขาค้อ ภูทับเบิก เวลาทำการ: เปิดทำการทุกวัน 08.00-18.00 น. ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,INN News
ชวนไปติดเกาะ สัก 2 วัน 1 คืน ที่ “หลีเป๊ะ” จังหวัดสตูล กับทริปพักผ่อนบนเกาะเล็ก ๆ ทางตอนใต้ของทะเลอันดามัน ที่มีความงดงามของน้ำทะเลสีฟ้าใส หาดทรายสีขาวเนียนนุ่ม และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์รอทุกคนไปสัมผัส ถ้าคิดจะเที่ยวจงอย่ารอช้า การผจญภัยในที่ที่ไม่เคยไปนั้น คุ้มค่าแก่การเดินทางเสมอ ว่าแล้วก็ตามทีมงาน ไปกันเลยดีกว่า ทริปนี้เราเดินทางด้วยเครื่องบินไปลงที่ “สนามบินหาดใหญ่” โดยเลือกไฟท์เช้าสุด และนั่งรถตู้ต่อเพื่อไปลงที่ “ท่าเรือปากบารา” ซึ่งเป็นท่าที่ข้ามไป “เกาะหลีเป๊ะ” เหตุผลที่เรารีบมาก็คือ ต้องการมาขึ้นเรือสปีดโบ๊ทก่อนรอบ 11.30 น. เพราะ ทางเรือจะพาเราแวะจอดเที่ยวที่ “อุทยานแห่งชาติตะรุเตา” และ “เกาะไข่” ก่อนไปถึง “เกาะหลีเป๊ะ” นั่นเอง เรือออกจากท่ามาประมาณ 30 นาที เราก็มาถึงจุดจอดแรก “อุทยานแห่งชาติตะรุเตา” ที่นี่บรรยากาศดีมาก เงียบสงบ ลมพัดเย็นสบาย ทะเลสวยน้ำใส และเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทยอีกด้วย หลังออกจากอุทยานแห่งชาติตะรุเตา เดินทางกันต่ออีกประมาณ 30 นาที คราวนี้เรามาถึงจุดจอดที่สอง นั่นก็คือ “เกาะไข่” ที่นี่มีไฮไลท์อยู่ที่การไป “ลอดซุ้มประตูหิน” ซึ่งชาวบ้านมีความเชื่อกันว่า คู่รักคู่ใดได้ลอดซุ้มประตูหิน จะสมหวังในความรัก มีความสุขในชีวิตคู่ รักกันยาวนาน และมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง นอกจากนี้เสน่ห์อีกหนึ่งอย่างของ “เกาะไข่” ก็คือ ธรรมชาติที่แสนอุดมสมบูรณ์ ทะเลสีฟ้าสวยใส และบรรยากาศดี ๆ ซึ่งเหมาะแก่การมาพักผ่อนมาก ๆ หลังจากนั้นนั่งเรือกันต่ออีกประมาณ 30 นาที ก็จะถึงที่หมายของเรา “เกาะหลีเป๊ะ” ทะเลสวยประจำ “จังหวัดสตูล” ซึ่งฉายาที่นักท่องเที่ยวนิยามให้ทะเลแห่งนี้คือ “มัลดีฟส์เมืองไทย” ซึ่งมีความสวยงามมาก ๆ ไม่แพ้ต่างประเทศเลย แต่เมื่อมาถึง “เกาะหลีเป๊ะ” แล้ว เราจะยังไม่เที่ยวที่นี่นะครับ เพราะ เราวางแผนจะนั่งเรือไปชิลที่ “เกาะอาดัง” กันก่อน ซึ่งเกาะอาดังนั้น เป็นเกาะกลางทะเลอันดามัน สามารถมองเห็นวิวของเกาะหลีเป๊ะได้ บรรยากาศเงียบสงบ น้ำทะเลสีฟ้าใสแจ๋ว หาดทรายขาวสวยเนียนนุ่มน่าสัมผัส และยังเล่นน้ำกันได้เพลิน ๆ แถมบรรยากาศไม่วุ่นวายอีกด้วย วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งมาก หลังจากเราเล่นน้ำเสร็จ จึงไม่พลาดที่จะขึ้นมาชมวิวสวย ๆ บนเกาะอาดังอย่าง “จุดชมวิวผาชะโด” มองเห็นท้องทะเลกว้างไกลสุดสายตา เมฆบนฟ้าก็สวยสุด ๆ และในอดีตที่นี่เคยเป็นจุดที่เอาไว้สังเกตการณ์ว่า มีเรือโจรสลัดบุกโจมตีเรือสินค้าอีกด้วย จากนั้นเราเดินทางข้ามกลับมาที่ “เกาะหลีเป๊ะ” กันอีกรอบ เพื่อเตรียมไป “ดำน้ำดูปะการัง” กันต่อ บอกเลยว่าวันนี้เราเที่ยวสุดมาก จัดเต็มแบบไม่กลัวเหนื่อยกันเลยทีเดียว ปะการังบริเวณรอบ ๆ “เกาะหลีเป๊ะ” อุดมสมบูรณ์มาก มีสีสันสวยงาม ส่วนน้ำทะเลสีฟ้าใส ยิ่งดำลงไปก็เจอเหล่าปลาการ์ตูนมากมาย และนี่คือสิ่งที่ยืนยันว่าทะเลแห่งนี้อุดมสมบูรณ์จริง ๆ ตกเย็นเรามานั่งพักเหนื่อย และใช้ชีวิตช้า ๆ ที่ “หาดซันเซ็ท” สถานที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมวิว “พระอาทิตย์ตก” ที่สวยที่สุดบนเกาะหลีเป๊ะ ความงดงามของแสงสุดท้ายวันนี้ คุ้มค่าแก่การมาเยือนจริง ๆ และช่วงเช้าวันนี้เราขอแนะนำให้ทุกคนรีบตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อเดินทางมาที่ “หาดซันไรซ์” ซึ่งชาวบ้านบอกกับเราว่า การมารอชม “พระอาทิตย์ขึ้น” ที่นี่จะสวยงามมาก และพอเราได้มาเห็นกับตา จึงรู้เลยว่ามันจริงอย่างที่พูดทุกประการ ช่วงสาย ๆ เราเดินเล่นพักผ่อนชิล ๆ บริเวณชายหาด และหามื้อเช้ากินลองท้องกันก่อนนั่งเรือกลับบ้าน เป็นอันปิดทริป เที่ยว “เกาะหลีเป๊ะ” 2 วัน 1 คืน สิ่งที่เราได้เห็นตลอดทริปนี้ก็คือ ทะเลสีฟ้าที่ใสมาก ๆ ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และความสุขจากการได้มาพักผ่อนสุดชิล ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Paapaii
ถ้าหากจะนึกถึงทะเลสวยๆ ในเมืองไทย แน่นอนว่าทะเลในฝั่งอันดามันนั้นถือได้ว่าเป็นที่หนึ่งในเรื่องของความสวยงาม ทั้งน้ำทะเลที่ใสสะอาด และความสวยงามของชายหาด สีน้ำที่ตัดกับผืนทรายได้อย่างลงตัว เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวสายทะเลทุกคน ในวันนี้ จะพาคุณบินลัดฟ้าไปสัมผัสกับความงดงามของท้องทะเลอันดามันที่จังหวัดภูเก็ต โดยทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบินไทย บินตรงฟูลเซอร์วิสภายในประเทศ ที่มอบความสบายต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในเรื่องอาหารการกิน ความสะดวกสบายของที่นั่ง ทำให้เวลาหนึ่งชั่วโมงนิดๆ จากสุวรรณภูมิไปสู่ภูเก็ตนั้น ไร้ซึ่งความเหนื่อยล้า แต่เติมเต็มไปด้วยความสะดวกสบายอย่างแท้จริง ภูเก็ต เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งทะเลอันดามัน ล้อมรอบไปด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่หลายสิบเกาะที่รอคอยให้นักท่องเที่ยวได้ไปสำรวจ โดยวันนี้เราเลือกเดินทางไปที่เกาะไม้ท่อน เกาะที่เราเคยได้ยินชื่อเสียงมานานมากแล้วแต่ยังไม่เคยมีโอกาสได้ไป หลายๆ คนแนะนำว่านี่คือเกาะที่อยู่ใกล้ภูเก็ตที่สุดและมีความสวยงามไม่เป็นสองรองจากเกาะไหนเลย เมื่อได้ยินดังนี้ก็ช่วยให้ง่ายต่อการตัดสินใจไปเที่ยวในทันที เพราะเราต่างก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าช่วงเวลา 15 นาทีจากฝั่งภูเก็ตไปสู่เกาะไม้ท่อนนั้น เราจะได้พบได้เห็นอะไรบ้าง! เราเริ่มเดินทางจากโรงแรมโดยใช้บริการทัวร์วันเดย์ทริปของ Love Andaman ทางบริษัทจะมีรถมารับเราที่โรงแรมไปสู่ท่าเรือ สะดวกสบายมากๆ เลยทีเดียว หลังจากนั้นก็ถึงขั้นตอนของการเช็กอิน และรับอุปกรณ์ในการดำน้ำพร้อมกับผ้าขนหนู โดยที่เราสามารถไปจับตองที่นั่งเพื่อทานอาหารว่างและเครื่องดื่มระหว่างรอขึ้นเรือก่อนได้ที่ห้องรับรองของ Love Andaman รอเวลาไม่นานก็ได้เวลาออกไปผจญภัยในท้องทะเลอันดามันกันแล้ว นั่งเรือสปีดโบ๊ทลำใหญ่ใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น 15 นาทีจริงๆ เรียกได้ว่าหลับตายังไม่ทันจะสนิทเรือก็มาจอดถึงฝั่งแล้ว และภาพที่ได้เห็นเมื่อเรือมาจอดเทียบท่าเกาะไม้ท่อน ก็ทำให้ความง่วงงัวเงียของทุกคนบนเรือหายไปจนปลิดทิ้ง! นี่มันมัลดีฟส์ชัดๆ! น้ำทะเลสีฟ้าอมเขียวใสจนมองเห็นพื้นด้านล่างแม้จะยังอยู่บนเรือ คือน้ำทะเลสีสวยและใสมากๆ! ตัดกับสะพานไม้ที่เป็นท่าเรือพาเราเข้าสู่เกาะ เมื่อมองดูแล้วคล้ายกับมัลดีฟส์เลย จากมุมนี้สามารถมองเห็นศาลาไม้ที่เป็น"อไลท์ของเกาะไม้ท่อนถูกรายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีเทอควอยส์อีกด้วย เป็นช่วงเวลาที่เราได้ยินแต่เสียงชัตเตอร์ของผู้ร่วมทริป รวมถึงตัวเราเองที่รัวถ่ายรูปเหมือนกับว่าถูกสะดกด้วยความงดงามของธรรมชาติ หลังจากนั้นเราก็ไปพักผ่อนทานข้าวกันที่จุดรับรองของ Love Andaman ซึ่งต้องบอกก่อนว่าเกาะไม้ท่อนนี้เป็นเกาะส่วนตัวที่อนุญาตให้เพียงแค่แขกผู้มาเข้าพักในโรงแรมเข้ามาเที่ยวนั้น นอกจากนั้นจะมีแค่ Love Andaman เจ้าเดียวที่ทางเจ้าของเกาะอนุญาตให้นำเที่ยวภายในเกาะได้ เพราะฉะนั้นบนเกาะนี้จะมีคนน้อยมาก! คือสามารถเดินเล่นถ่ายรูปได้ทั่วเกาะเหมือนกับว่าเป็นเกาะส่วนตัวของตัวเองเลย ในจุดนี้ถือว่าดีงามมากๆ ซึ่งบนเกาะไม้ท่อนนั้นก็ถือได้ว่ามีมุมถ่ายรูปให้เลือกเก็บภาพความประทับใจกันหลายจุดเลยทีเดียว ทั้งบริเวณศาลาไม้บนโขดหินริมทะเล หรือจะเป็นบริเวณโซนชิลๆ ริมชายหาด ที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกตา หาดทรายขาวเนียนละเอียดที่สำคัญไม่มีผู้คนหนาแน่นทำให้สามารถเดินเล่นถ่ายรูปได้แบบฟินๆ ทะเลที่นี่ก็สวยมากจริงๆ มองไปทางไหนก็ดูสบายตา สมราคาไข่มุกแห่งอันดามัน นอกจากนี้ที่เกาะไม้ท่อนยังมีจุดชมวิวที่ต้องใช้เวลาเดินเท้าขึ้นไปบนยอดเขาประมาณ 200 เมตร ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากบนนี้เราสามารถมองเห็นภาพของน้ำทะเลสีสันตัดกันได้อย่างสวยงาม แนะนำว่าให้ลองขึ้นไปชม เราใช้เวลาอยู่ที่เกาะไม้ท่อน นั่งเล่น นอนเล่น ถ่ายรูปเล่น ตั้งแต่เช้ายันบ่าย ก่อนจะเดินทางกลับฝั่งภูเก็ตพร้อมกับความประทับใจที่ถูกเติมเต็มจากทริปนี้อย่างเต็มเปี่ยม ไม่น่าเชื่อว่าเวลาแค่ 15 นาทีจากภูเก็ตจะทำให้เราได้เห็นความสวยงามของทะเลอันดามันได้มากขนาดนี้ เป็นทริปเที่ยวทะเลที่เหมาะสำหรับคนไม่อยากเดินทางไกลๆ แต่อยากจะเห็นวิวทะเลสวยๆ น้ำใสๆ ทริปเกาะไม้ท่อนนี้ถือว่าเหมาะสมมาก หากใครกำลังมองหาทริปเที่ยวทะเลครั้งต่อไป แนะนำเลยว่าที่นี่ควรเป็นหนึ่งในเช็กลิสต์ที่คุณต้องมาเก็บสักครั้งในชีวิต! ข้อมูลเพิ่มเติม - ค่าทัวร์วันเดย์ทริปเกาะไม้ท่อน : ผู้ใหญ่ 2,800 บาท / เด็ก 2,100 บาท - ติดต่อ Love Andaman : 076 390 250 , 260 - Website : loveandaman.com โปรแกรมวันเดย์ทริปเกาะไม้ท่อน - 7:00-8:00 : รถตู้รับจากที่พัก มุ่งหน้าสู่ท่าเรือวิสิษฐ์พันวา ( Boat Ramp ) จ.ภูเก็ต - 9:00 : เดินทางถึงท่าเรือของเลิฟอันดามัน เพื่อทำการเช็กอิน รับประทานของว่างเบเกอรี่ เครื่องดื่ม ( ชา, กาแฟ, น้ำผลไม้, ) จากนั้นฟังคำแนะนำจากมัคคุเทศก์พร้อมอธิบายโปรแกรม - 10:00 : เดินทางจากท่าเรือวิสิษฐ์พันวา ( Boat Ramp ) เพื่อมุ่งหน้าสู่เกาะไม้ท่อนด้วยเรือสปีดโบ๊ท ที่มีความปลอดภัยด้วยเสื้อชูชีพ และอุปกรณ์ครบครัน โดยใช้เวลาการเดินทางแค่เพียง 15 นาที - 10:15 : เดินทางถึงเกาะไม้ท่อน พักผ่อนถ่ายภาพตามอัธยาศัย - 10:45 : ดำน้ำชมแนวปะการังสมบูรณ์ขนานไปกับแนวหาด พร้อมปลาการ์ตูน สวนหอยมือเสือ และฝูงปลานานาชนิด - 12:00 : จัดเต็มกับขนมเครื่องดื่มและอาหารกลางวันระดับพรีเมี่ยม พร้อมด้วยไอศกรีม เครื่องดื่มปั่น และอาหารซีฟู้ด กุ้งเผา ปลาหมึกย่างสดอร่อย - 13:00 : เดินชมจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทั้งสามจังหวัด และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธ์ขอพร - 14:00 : พักผ่อนถ่ายรูปตามอัธยาศัย - 15:10 : ออกเดินทางจากเกาะไม้ท่อน มุ่งหน้าสู่ท่าเรือวิสิษฐ์พันวา ( Boat Ramp ) - 15:30 : เดินทางถึงท่าเรือและส่งกลับที่พัก ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Peeranut P.
จุดชมวิว“เขารัง อยู่ด้านหลังตัวเมืองภูเก็ต มีทางรถยนต์ขึ้นไปได้โดยสะดวก ด้านบนเขารังเป็นจุดชมวิวเมืองภูเก็ต มองเห็นบ้านเรือนที่อยู่ด้านล่าง และสามารถมองไปได้ไกลถึงทะเล เกาะเล็กๆ ใกล้ภูเก็ต โดยเทศบาลเมืองภูเก็ตได้จัดทำสวนสุขภาพ สวนสาธารณะไว้เพื่อเป็นที่ออกกำลังกาย พักผ่อน ให้กับชาวภูเก็ต มีบรรยากาศร่มรื่น เหมาะกับการมาพักผ่อน นอกจากนี้บนเขารังยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ อดีตสมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต จุดชมวิวเขารัง จะมีอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกจะอยู่ใน ร้านทุ่งคา-กาแฟ เป็นร้านอาหารบนยอดเขารัง ที่เปิดให้บริการมากว่า 40 ปี บรรยากาศร่มรื่นอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ต้นไม้ใหญ่ ในช่วงค่ำคืน จะมีลูกค้า ทั้งคนในพื้นที่และต่างจังหวัด มา รับประทานอาหารกับทางร้าน อีกทั้งการตกแต่งที่สวยงาม เก๋ไก๋ เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงรสชาติอาหาร ที่ถูกปากทั้งคนภูเก็ต และแขกต่างบ้านต่างเมือง และทางร้านยังมีจุดชมวิวที่ยื่นออกไปจากตัวร้าน สามารถชมวิวได้กว้างกว่า 180 องศา ส่วนที่สองจะเป็นของเทศบาลนครภูเก็ตเป็นศาลาชมวิว “หอเกียรติยศ 100 ปี” ก่อสร้างด้วย สถาปัตยกรรมที่มีความสวยงามและมีสะพานยื่นออกไปชมวิวได้มากกว่า 180 องศา มีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันมากมาย เพราะเป็นจุดที่สามารถมองเห็น เมืองภูเก็ตได้เกือบทั้งเมือง ช่วงกลางวัน ที่ว่ามองเห็นความสวยงามของเมืองภูเก็ตได้อย่างชัดเจนแล้ว ในยามค่ำคืน ก็จะมีความสวยงามในอีกรูปแบบหนึ่ง นอกจากนี้ บริเวณเขารัง ยังมีร้านค้า ขายเครื่องดื่ม ขายของที่ระลึก ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อเป็นของฝาก อีกด้วย - ที่อยู่: 145/5 ถนน ปฏิพัทธิ์ ตำบล วิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000 - สิ่งอำนวยความสะดวก: ที่จอดรถ,ห้องน้ำ - แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง:ร้านอาหารเขารังบรีซภูเก็ต - เวลาทำการ: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,INN News
ในโครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ ที่ตั้งอยู่ด้านในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ได้ซุกซ่อนสมบัติทางด้านการท่องเที่ยวที่สวยงามเอาไว้อยู่ ซึ่งหลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยรู้หรือเคยได้เห็นมาก่อน กับทุ่งดอกระดาษ ที่ขึ้นอยู่สลับกับโขดหินใหญ่ นายศุภกุล จันทร์ลา หัวหน้าโครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า ได้บอกว่าในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ สัปดาห์นี้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ส่วนใหญ่ขึ้นมาถ่ายรูปเช็กอิน ตามจุดชมวิวต่างๆ เช่นที่ทุ่งดอกกระดาษแปลงสาธิต ที่ตอนนี้ดอกกระดาษบานสะพรั่งเต็มแปลง 100% หลากสีสันสวยงามมา ทางโครงการฯ ได้เตรียมแคร่เหล็กไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปถ่ายรูปเซลฟี โดยมีแปลงดอกกระดาษเป็นแบ็คกราวน์อย่างสวยงาม นอกจากนี้ตามจุดชมวิวหน้าผาพบรัก ผารักยืนยง ก็เป็นอีกจุดที่นักท่องเที่ยวไปยืนท้าสายลมถ่ายรูปคู่กับต้นค้อเดียวดายอย่างสวยงามเช่นเดียวกัน สำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดที่สนใจอยากเดินทางขึ้นมาสัมผัสอากาศหนาวเย็นท่ามกลางความสวยงามทางธรรมชาติ ที่โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า ก็สามารถมาเที่ยวได้ทุกวัน ทางโครงการฯ จัดเตรียมสถานที่จอดรถ ห้องน้ำ ไว้ให้บริการอย่างสะดวกสบาย โดยสามารถเข้าเที่ยวชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-17.00 น. สำหรับเส้นทางโครงการพระราชดำริฯ ห่างจากตัวอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Peeranut P.
ช่วงฤดูหนาวแบบนี้ หลายคนคงกางแผนที่หาจุดหมายที่จะไปพักผ่อน และหนึ่งในหมุดหมายที่หลายครอบครัวเล็งไว้คงจะเป็นพิกัด ภาคเหนือ ซึ่งวันนี้ มีอีกหนึ่งจังหวัดตัวเลือกที่น่าสนใจมาฝาก มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เป็นอีกหนึ่งสถานที่น่าไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาวเป็นอย่างมาก เนื่องจากบนพื้นที่สูงเราจะสัมผัสอากาศเย็นสบายได้อย่างเต็มที่ แถมช่วงนี้มีงานเทศกาลประจำปี สีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 6 ที่มาในธีม Family-Friendly Festival เวลานี้จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะยกครอบครัวมาเดินเที่ยว กิน เล่น ชม ช้อป ชิล ซึ่งปีนี้ทางมูลนิธิฯ สนับสนุนให้ชาวบ้านทำธุรกิจสีเขียว สร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน ผ่านตลาดถนนคนเดินอีกด้วย สำหรับใครที่ตกลงปลงใจจะมาเที่ยว ขอให้เช็ควันในการเดินทางสักนิด เพราะกิจกรรมจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2562 – 12 มกราคม 2563 (แบ่งออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่ วันที่ 4 – 10 ธ.ค. 62, วันที่ 14 – 15 ธ.ค. 62, วันที่ 21 ธ.ค. 62 – 5 ม.ค. 63 และ วันที่ 11 – 12 ม.ค. 63) โดยเปิดบริการนักท่องเที่ยวในเวลา 08:00 – 18:00 น.ที่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ในงานนักท่องเที่ยวจะได้พบกับ ดอกไม้เมืองหนาวนานาชนิด อาทิ ดอกเจอราเนียมสีสดใส ดอกไม้ทรงโปรดของสมเด็จย่า กล้วยไม้รองเท้านารีหลายสายพันธุ์ และกล้วยไม้พันธุ์ฟาแลนนอปซิส ที่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ ได้พัฒนาและเพาะพันธุ์เอง ตลอดจนกิจกรรมที่น่าสนใจให้นักท่องเที่ยวได้สนุกสนานและเพลิดเพลินซึ่งผู้เขียนขอแบ่งเป็น 5 โซนดังนี้ เมนูข้าวฟืนทอด เป็นอาหารชาวไทใหญ่ ทำจากแป้งข้าวจ้าวผสมถั่วเหลือง กิน : นักท่องเที่ยวจะได้ลิ้มลองอาหารชนเผ่าแบบดั้งเดิมและอาหารตำหรับชาววังจาก ครัวตำหนัก อาทิ เมนูข้าวปุ๊ก ของชาวลาหู่ ที่มีให้ชิมเฉพาะเทศกาลพิเศษหรือปีใหม่เท่านั้น, ข้าวฟืนทอด อาหารชาวไทใหญ่ ทำจากแป้งข้าวจ้าวผสมถั่วเหลือง, ข้าวกั๊นจิ้น เมนูยอดฮิตของชาวไทยภูเขา, ไส้อั่วอาข่า หนึ่งเดียวในเมืองไทย ที่ทำจากเนื้อหมูดำที่เลี้ยงด้วยหยวกกล้วย และ ซาจ๊อย เมนูประจำชนเผ่าลาหู่ ทำจากหมูหมักกับสมุนไพรในท้องถิ่น เป็นต้น เล่น : เตรียมตัวให้พร้อมกับความสนุกสนาน DoiTung Tree Top Walk ที่จะพาทุกคนไปผจญภัยบนกับเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนสะพานยอดไม้สูงจากพื้นดินกว่า 30 เมตร นอกจากนี้ยังมี Workshop งานฝีมือจากวัสดุเหลือใช้ หรือจะเล่นกิจกรรมท้องถิ่นอย่าง ฟอร์มูล่าดอย, ไม้ต่อขา, สะบ้าดอย ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเช่นกัน ชม : อย่าลืมขึ้นไปเช็คอินที่ ดอยช้างมูบ จุดสูงสุดของดอยตุง ที่นั้นมีน้องๆ มัคคุเทศก์น้อยคอยพานักท่องเที่ยวชมสวนรุกขชาติช้างมูบ นอกจากนี้ยังจะได้ชมความสวยงามของกุหลาบพันปีหลายสายพันธุ์, ป่าสนสามใบ, ลานพระอาทิตย์อัสดง จุดกำเนิดต้นกุหลาบพันปีคำแดง หรือจะแวะดื่มชาหอมๆ ที่ FAIDEE Café ฝีมือบาริสต้ารุ่นจิ๋ว พร้อมทำเวิร์คช็อปง่ายๆ จากวัสดุธรรมชาติด้วยตัวเอง เพื่อเป็นของฝากที่มีชิ้นเดียวในโลก ช้อป : ชมสินค้างานหัตถกรรมฝีมือชาวไทยภูเขาบนดอยตุงแบบดั้งเดิม อาทิ เสื้อผ้าชนเผ่าลาหู่ งานต่อผ้าฝีมือผู้เฒ่าผู้แก่ที่ทำกันมาแต่โบราณ ผสานการออกแบบและการจับคู่สีที่สมัยใหม่ เสื้อผ้าชนเผ่าอาข่า ที่มีทั้งรูปแบบดั้งเดิมและประยุกต์ ย่ามหลากสี หมวกและผ้าพันคอไหมพรม ถักทอโดยอาผิ (คุณย่าชาวอาข่า) นอกจากนี้ยังมี ตะกร้าเพ้นท์, หมวกไม้ไผ่, สายข้อมืออาข่า, สมุดโน้ต ฯลฯ จากเด็กนักเรียน โรงเรียนห้วยไร่สามัคคี ที่โชว์ไอเดียลงในงานฝีมือ พัฒนาผลิตภัณฑ์จากเศษผ้าที่เกิดขึ้นในโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ชิล : ชิลไปกับโซนถ่ายรูปเช็คอินมากมายในสวนแม่ฟ้าหลวง อาทิ ทางลงสวน มีหน้าต่างดอกไม้ และซุ้มฟักไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยว ต่อกันที่ ลานห่มหนาว ประติกรรมความต่อเนื่องแลนด์มาร์คที่ล้อมรอบด้วยดอกไม้ที่ถูกจัดเป็นลายผ้าของชนเผ่าทั้ง 6 และที่ตั้งของ ตัวโตยักษ์ มาสคอตสัตว์แห่งความโชคดีในตำนานของชาวไทยภูเขา ซึ่งออกแบบโดยศิลปินชื่อดัง โลเล-ทวีศักดิ์ ศรีทองดี ร่วมกับทีมช่างฝีมือดอยตุง ซึ่งจะมีให้เห็นที่งานนี้เท่านั้น พื้นที่ติดกันยังมี รังนกยักษ์ และที่นั่งเปลือกหอยยักษ์ ให้ได้เช็คอิน ส่วนบริเวณทางออกของสวนแม่ฟ้าหลวง ก็มีมุมน่ารักและสร้างพัฒนาการให้เด็กๆ ด้วยสนามเด็กเล่นกลางธรรมชาติ ส่วนผู้ใหญ่สามารถแวะแชะรูปได้ที่สวนดอกไม้ และซุ้ม Morning Glory นอกจากนี้ยังมีผลงานศิลปะจากศิลปิน วิชญ์ พิมพ์กาญจนพงศ์ ร่วมด้วย อาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กับผลงาน อัฒจันทร์สีสันแห่งดอยตุง จุดนัดพบ นั่งพักและถ่ายรูปในมุมสูงได้แบบชิลๆ ตลอดจน Eco House ที่รอต้อนรับคนรักสิ่งแวดล้อม ผลงานที่เต็มไปด้วยความรู้จาก “ศิลปินกลุ่มฉมา” และทีมช่างฝีมือของดอยตุง ทั้งนี้นอกจากสวยงามและความสนุกสนาน ปีนี้ผู้จัดงานยังเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยลดปริมาณของถุงพลาสติก พร้อมรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้นักท่องเที่ยวตระหนัก เข้าใจ และลงมือปฏิบัติจริงด้วยการช่วยกันแยกขยะเพื่อการกำจัดให้ถูกวิธี ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญที่ทำให้ โครงการพัฒนาดอยตุงฯ สามารถลดขยะสู่บ่อฝังกลบจนเหลือศูนย์ได้สำเร็จ (Zero waste to land fill) ในปี 2561 ที่ผ่านมา เพื่อนๆ คนไหนอยากติดตามข่าวสาร หรือขอรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปได้ที่ www.facebook.com/DoiTungClub โทร. 02-252-7114 ต่อ 212, 213 เชียงราย โทร. 053-767-015 (เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์) ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Peeranut P.
บรรยากาศการท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์หลายแห่งเป็นไปอย่างคึกคัก โดยบรรยากาศที่ตำหนักปู่ใหญ่อาจารย์น๊อต บ้านโนนสามัคคี หมู่ 5 ต.นามน อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ ที่ได้เนรมิตพื้นที่ว่างเปล่าสร้างเป็นวังพญานาคขนาดใหญ่และปรับเปลี่ยนพื้นที่เป็นป่าหิมพานต์ ต้นไม้ร่มรื่น น้ำตกลำธารอย่างสวยงาม ซึ่งเกิดจากการสร้างด้วยแรงศรัทธาของนายณัฐพงษ์ ศุภพิตร ที่อยากสร้างพื้นที่บริเวณบ้านของตัวเองให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวกราบไหว้ขอพรให้นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวชมความสวยงามได้ตลอดทั้งวัน นายณัฐพงษ์ ศุภพิตร บอกว่าที่สร้างตำหนักปู่ใหญ่ วังพญานาคและป่าหิมพานต์มาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว โดยค่อยๆสร้างจนเป็นรูปร่างอย่างที่เห็น คาดว่าในช่วงปีใหม่จะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งพอหลังที่ประชาชนทราบข่าวว่าสถานที่แห่งนี้มีวังพญานาคและป่าหิมพานต์ ตลอดทั้งวันก็จะมีประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบไหว้ขอพรปู่ใหญ่ พญานาค เพื่อความเป็นสิริมงคล และได้ชมความสวยงามของป่าหิมพานต์ที่มีต้นไม้ ดอกไม้ และสร้างน้ำตก มีลำธาร และสร้างเป็นทางเดินกลางลำธาร โดยทุกคนที่เดินทางมาเที่ยวชมต่างรู้สึกประทับใจ เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียบง่ายและบรรยากาศร่มรื่นตลอดทั้งวัน ซึ่งตนอยากขอเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจมาเที่ยวชมสามารถเดินทางมาได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ สามารถเดินทางมากราบไหว้ขอพรและสัมผัวความร่มรื่นของป่าหิมพานต์ได้ในช่วงอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งวัน ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Peeranut P.
มีเวลาว่างไม่เยอะ แต่อยากไปเที่ยว ต้องที่นี่เลย One Day Trip “เกาะแสมสาร” เยือนเกาะสวรรค์ฝั่งอ่าวไทยที่น้ำใสแจ๋วมาก ๆ แถมธรรมชาติอุดมสมบูรณ์สุด ๆ ไปพักผ่อนสบาย ๆ หนีร้อนชิล ๆ ที่จังหวัดชลบุรีกันดีกว่า ก่อนอื่นเลยทริปนี้ ทีมงาน อยากให้ทุกคนตื่นเช้า ๆ นะครับ เพราะ “เกาะแสมสาร” ไม่อนุญาตให้ค้างคืน ทำให้สามารถอยู่บนเกาะได้ถึงตอน 16.30 นาฬิกา เรือออกเที่ยวสุดท้ายเท่านั้น เราเลยรีบตื่นแต่เช้าเดินทางไป ท่าเรือเขาหมาจอตั้งแต่ 8 โมงเช้า โดยเรือเที่ยวแรกจะออกตอน 9 โมง เมื่อมาถึง “ท่าเรือเขาหมาจอ” รีบไปซื้อตั๋วให้เรียบร้อย เพราะ ถ้าคนเยอะอาจจะต้องรอคิวนาน และพลาดเรือเที่ยวแรก ๆ ได้ ส่วนเรามาถึงปุ๊บรีบไปซื้อตั๋วก่อนเลย ทำให้วันนี้เราได้ขึ้นเรือเที่ยวแรกในช่วง 9 โมงเช้า ข้ามไป “เกาะแสมสาร” หลังจากเวลาผ่านไป 15 นาที เราก็มาถึง “เกาะแสมสาร” โดยวันนี้เราจะปักหลักอยู่ที่ “หาดลูกลม” ซึ่งเป็นหาดที่ฮิตที่สุดบนเกาะแสมสาร บรรยากาศที่นี่ดีงามมาก น้ำทะเลสีฟ้าใสแจ๋วสุด ๆ ทรายก็ขาวเนียนนุ่ม เหยียบแล้วสบายเท้ามาก “หาดลูกลม” มีจุดชมวิวสวย ๆ ด้วยนะ ต้องเดินขึ้นไปบนเขาอีกประมาณ 200 เมตร จะได้เห็นวิวด้านบนของหาดที่สวยงามมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวหลายคนไม่ค่อยรู้ ใครไปก็อย่าพลาดขึ้นไปเก็บภาพสวย ๆ กันนะครับ นอกจากนี้กิจกรรมฮิต ๆ บน “หาดลูกลม” ก็จะมี 1.ดำน้ำ ดูปะการัง 2.พายเรือคายัค 3.นั่งเรือท้องกระจก ชมประการัง ซึ่งวันนี้เราจะทำ 2 กิจกรรมแรกกัน ด้วยการไป “ดำน้ำ” ชมปะการังสวย ๆ และไปทักทายเจ้าปลาการ์ตูนสักหน่อย พักเหนื่อยรับลมทะเลสักแปบ แล้วสั่งอาหารทะเลอร่อย ๆ มากินเติมพลังสักหน่อย แล้วเดี๋ยวไป “พายเรือคายัค” กันต่อ สำหรับเราที่พึ่ง “พายเรือพายัค” เป็นครั้งแรก การจะพายไปข้างหน้าช่างยากเหลือเกิน ฮ่า ๆ ต้องอาศัยความสามัคคีมาก ๆ และพอทำความเข้าใจสักพัก พายเป็นแล้วก็สนุกกันเลยทีเดียว หลังพายเรือเสร็จ บน “หาดลูกลม” ก็มีตาข่ายกั้นให้เล่น “วอลเลย์บอลชายหาด” ด้วยนะ แต่เหมือนวันนี้แดดจะร้อนไปหน่อย ทำให้เจ้าตาข่ายเปลี่ยวเหงาไปเลย ฮ่า ๆ หลังจากสนุกมาทั้งวัน ก็ได้เวลาเดินทางกลับกันแล้ว บอกลา “เกาะแสมสาร” หาดสวรรค์ที่ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มาก ๆ การมาที่นี่เราประทับใจกับน้ำทะเลสีฟ้าใสสุด ๆ ถือเป็นการพักผ่อน “One Day Trip” ที่เติมความสดชื่นให้ร่างกาย พร้อมกลับไปลุยการทำงานอีกครั้ง สำหรับใครที่ว่าง ๆ การมาเที่ยว “เกาะแสมสาร” สามารถเดินทางมาได้ง่าย ๆ แถมอยู่ใกล้แค่ “จังหวัดชลบุรี” ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ลองมาเที่ยวแบบพวกเรา กันนะทุกคน ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook,Paapaii
|
AuthorWrite something about yourself. No need to be fancy, just an overview. Archives
January 2021
Categories |