จังหวัดนครปฐม ได้กลายเป็นจุดมุ่งหมายใหม่ที่นักท่องเที่ยวชาวกรุงให้ความสนใจ เพราะนอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายแบบให้ได้เลือกสรรไปพักผ่อนกันแล้ว ยังอยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ ไปแบบเช้าไป-เย็นกลับได้สบาย ๆ ไปหลาย ๆ รอบก็ไม่มีเบื่อ จะมีแหล่งท่องเที่ยวที่ไหนในนครปฐมที่ห้ามพลาดบ้าง ไปดูกัน 1. วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงลังกากลมสูงใหญ่ มีความสูงราว ๆ 120 เมตร มีวิหาร 4 ทิศ กำแพงแก้ว 2 ชั้น ซึ่งได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระโคตมพุทธเจ้า ทางด้านทิศเหนือขององค์พระฯ เป็นที่ประดิษฐานของ "พระร่วงโรจนฤทธิ์" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่พุทธศาสนิกชนทั่วไทยให้ความเคารพนับถือ ในทุก ๆ ปี ช่วงวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ถึง วันแรม 5 ค่ำ เดือน 12 จะมีการจัดงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์อย่างยิ่งใหญ่ มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเที่ยวชมมากมาย 2. พระราชวังสนามจันทร์ พระราชวังสนามจันทร์ ตั้งอยู่ที่ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม อยู่ห่างจากองค์พระปฐมเจดีย์เพียงแค่ 2 กิโลเมตรเท่านั้น สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2450 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อใช้เป็นสถานที่ประทับครั้งมานมัสการพระปฐมเจดีย์ ภายในพระราชวังสนามจันทร์มีพระที่นั่งและพระตำหนักที่สวยงามมากมาย อาทิ พระที่นั่งพิมานปฐม, พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี, พระที่นั่งวัชรีรมยา, พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์, พระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศไนย, พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์, พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์, พระตำหนักทับแก้ว, พระตำหนักทับขวัญ เป็นต้น 3. วัดสามพราน วัดสามพราน ตั้งอยู่ที่ตำบลสามพราน อำเภอสามพราน มีเนื้อที่ทั้งหมดราว ๆ 38 ไร่ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ไทย-จีน โดยเฉพาะตึกมังกรตะกายฟ้า อาคารทรงกลมสีแดง มีรูปปั้นมังกรพันล้อมรอบไปจนถึงด้านบนอาคาร นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ อาทิ หลวงพ่อพุทโธภาวนา, แก้วเก้าประการ, พระแม่กวนอิม, ตุ่มสมบัติ, สะพานพญานาค, พญาช้างเผือก, สะพานมังกร, พญาเต่าเรือน, พระบรมรูปรัชกาลที่ 5 เป็นต้น สามารถเข้าเที่ยวชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.30 น. โปรดแต่งกายสุภาพ ที่มา ...kapook
0 Comments
เข้าสู่ช่วงต้นฤดูฝนกันอีกแล้วค่ะ สำหรับในเดือนพฤษภาคมนี้ก็มีแหล่งท่องเที่ยวไทยสวย ๆ มานำเสนอเพียบอีกเช่นเคย ซึ่งมีทั้งแหล่งท่องเที่ยวภูเขา ทะเล และประเพณีวัฒนธรรม เรียกได้ว่าสนุกครบทุกรสชาติเลยจริง ๆ อย่ารอช้าค่ะ ไปดูกันสิว่าที่เที่ยวเดือนพฤษภาคมที่เรานำมานำเสนอนั้นจะโดนใจบ้างไหม :) 1. ชมโลมาสีชมพู อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช โลมาสีชมพู สัตว์ท้องทะเลที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ แต่นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นได้ตลอดปีบริเวณอ่าวขนอม อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ด้วยท้องทะเลบริเวณนั้นเป็นมีความอุดมสมบูรณ์ และเหมาะแก่การอยู่อาศัยของโลมาสีชมพู ช่วงฤดูกาลที่น่าไปเที่ยวชมจะอยู่ในช่วงคลื่นลมสงบ ซึ่งทางอ่าวไทยก็จะน่าเที่ยวในช่วงราว ๆ พฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคมค่ะ นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเหมาเรือไปเที่ยวได้ทุกวัน มีท่าเรือให้บริเวณอยู่ 3 แห่ง คือท่าเรือแหลมประทับ ท่าเรือเขาออก และท่าเรืออ่าวเตล็ด ค่าเรือประมาณ 1,000 บาท นั่งได้ 7 ท่าน 2. เทศกาลผลไม้ภาคตะวันออก 2561 ริ่มต้นแล้วค่ะ สำหรับฤดูกาลแห่งการไปชิมผลไม้ไทยสุดอร่อยทางภาคตะวันออก และบุฟเฟ่ต์สวนผลไม้ก็กำลังจะกลับมาอีกครั้งด้วยเช่นกัน ใครอยากกินทุเรียน มังคุด ลองกอง เงาะ สละ และอื่น ๆ แบบอิ่มจุใจ ได้กินสดใหม่ถึงในสวนในไร่ เตรียมตัวกันไว้ได้เลยค่ะ มีหลายสวนที่เริ่มเปิดให้ชมเข้าชมกันแล้ว ทั้งจากทางจังหวัดจันทบุรี ระยอง และตราด เที่ยวแหล่งท่องเที่ยวงาม ๆ ของภาคตะวันออกแล้ว ก็อย่าลืมมากินของเด็ดของดี ผลไม้อร่อยในสวนผลไม้ต่าง ๆ กันด้วยนะ 3. ทะเลชุมพร ทะเลทางฝั่งชุมพรเริ่มเที่ยวได้อีกครั้งแล้วค่ะ ที่นี่มีทั้งหาดทรายสวย ๆ และเกาะต่าง ๆ ให้ได้ไปเที่ยวชมมากมาย โดยเฉพาะใครที่ชอบดำน้ำ อยากจะบอกว่าที่นี่เป็นสวรรค์แห่งโลกใต้ทะเลอีกแห่งของเมืองไทยเลย เต็มไปด้วยปะการังแข็ง ปะการังอ่อน และดอกไม้ทะเลนานาชนิด พร้อมทั้งสัตว์ทะเลอีกหลากหลายสายพันธุ์ หนึ่งในพระเอกของที่นี่ก็คือ "ฉลามวาฬ" ที่จะโผล่มาทักทายกันทุกปี ใครโชคดีก็อาจจะได้ว่ายน้ำไปพร้อม ๆ กับเจ้าฉลามวาฬด้วย ใครมีเวลาสั้น ๆ ก็สามารถมาเที่ยวดำน้ำได้แบบวันเดย์ทริป เกาะที่น่าไปเที่ยว อาทิ เกาะร้านเป็ด ร้านไก่, เกาะง่ามน้อย-ง่ามใหญ่, เกาะลังกาจิว เป็นต้น 4. งานประเพณีบุญบั้งไฟประจำปี 2561 จังหวัดยโสธร งานประเพณีบุญบั้งไฟ หรืองานบุญเดือนหก เป็นประเพณีโบราณที่ทำสืบต่อกันมายาวนานตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยมีความเชื่อว่าการจุดบั้งไฟพญานาคนั้นเป็นการแสดงความเคารพต่อพญาแถน และเป็นการขอฝนต่อเทวดาเพื่อมีน้ำทำนาตามฤดูกาล โดยในปีนี้จะการจัดงานระหว่างวันที่ 9-13 พฤษภาคม 2561 โดยขบวนแห่จะจัดขึ้น ณ ถนนแจ้งสนิท เขตเทศบาลเมืองยโสธร ไปจนถึงบริเวณสวนสาธารณะพญาแถนและวิมานพญาแถน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอื่น ๆ อาทิ การแสดงศิลปวัฒนธรรม การประกวดเซิ้งบั้งไฟ การแสดงแสง สี เสียง, การแข่งขันจุดบั้งไฟขึ้นสูง, การออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองและของอร่อยจากเมืองยโสธร เป็นต้น ที่มา >>> kapook
“จังหวัดพังงา” หรือสมญานามที่ว่า “ดินแดนแห่งป่าเกาะ” คือ หนึ่งในจังหวัดหนึ่งของประเทศที่เต็มไปด้วย สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งธรรมชาติแบบท้องทะเล โดยเฉพาะกลุ่มเกาะสวยงามน้อยใหญ่ที่วางตัวเรียงรายอยู่อย่างสวยงามในทะเลอันดามัน รวมทั้งยังมีพื้นที่ป่าชายเลนหนาแน่นและอุดมสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทยพังงา อีกทั้งยังเต็มไปด้วยวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะความหลากหลายของผู้คน ทั้งไทย จีน มุสลิม และชาวเล เป็นต้น นอกจากเกาะน้อยใหญ่แล้ว แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก คือ โลกใต้น้ำกับดงปะการังหลากหลาย ปลาฝูงปลาน้อยใหญ่ ที่ล้วนเป็น ความล้ำค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นเหมือนจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเสมอ วันนี้กระปุกดอทคอมจึงแวะไปรวบรวมเอา 20 สถานที่ท่องเที่ยวพังงา มาแนะนำกัน ส่วนจะมีที่ไหนน่าสนใจบ้างนั้น ไปดูกันเลยจ้า 1.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ตั้งอยู่ภายในตำบลเกาะพระทอง มีพื้นที่ 80,000 ไร่ และได้ประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2525 ส่วนชื่อของ "เกาะสิมิลัน" สิมิลันเป็นภาษายาวี หรือ มลายู แปลว่าเก้า หรือ หมู่เกาะเก้า เป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ ในทะเลอันดามันมีทั้งหมด 9 เกาะ เรียงลำดับจากเหนือมาใต้ ได้แก่ เกาะหูยง, เกาะปายัง, เกาะปาหยัน, เกาะเมี่ยง (มี 2 เกาะติดกัน), เกาะปายู, เกาะหัวกะโหลก (เกาะบอน), เกาะสิมิลัน และเกาะบางู เป็นต้น ส่วนบริเวณที่ทำการอุทยานฯ อยู่ที่เกาะเมี่ยง เพราะเป็นเกาะที่มีน้ำจืด ส่วนเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายนเป็นช่วงที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุด และเดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายนเป็นฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มีคลื่นลมแรง เป็นอันตรายต่อการเดินเรือ ทางอุทยานฯ จะมีการประกาศปิดเกาะในเดือนพฤษภาคมเพื่อเป็นการฟื้นฟูธรรมชาติทุกปี 2.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เป็นหมู่เกาะในทะเลอันดามันห่างจากฝั่งไปทางทิศตะวันตกประมาณ 70 กิโลเมตร เป็นหมู่เกาะที่อยู่ติดกับเขตชายแดนไทย-พม่า มีพื้นที่ประมาณ 84,375 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่บนบกประมาณ 20,594 ไร่ ประกอบด้วยเกาะสำคัญ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ, เกาะสุรินทร์ใต้, เกาะไข่ (เกาะตอรินลา), เกาะกลาง (เกาะปาจุมบา) และเกาะรี (เกาะสต๊อก) เป็นหมู่เกาะที่มีแนวปะการังน้ำตื้นที่สมบูรณ์สวยงาม มีปลาสีสันต่าง ๆ มากมาย เป็นแหล่งเหมาะสำหรับชมปะการังน้ำตื้น โดยเฉพาะเกาะตอรินลาและเกาะปาจุมบา 3.เกาะปันหยี เกาะเล็ก ๆ ที่นี่ถือเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพังงา เพราะเกาะปันหยีเป็นเกาะที่มีชุมชนชาวประมงโบราณอาศัยอยู่กว่า 200 ปีมาแล้ว ด้วยการตั้งหมู่บ้านบริเวณพื้นที่ราบริมชายฝั่งของเกาะเป็นที่หลบฝน มีการสร้างบ้านโดยการยกพื้นสูงเหนือน้ำ ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ภายในบริเวณเกาะจึงได้มีการสร้างมัสยิดให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คน รวมทั้งมีการสร้างแพสำหรับใช้เล่นฟุตบอลบนน้ำอีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งเกาะที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เป็นมิตร ความเงียบสงบของเกาะจึงเป็นแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวที่เกาะอีกด้วย ที่มา >>> kapook
บ่อน้ำผุดปากช่อง หรือบ่อน้ำพุธรรมชาติบ้านท่าช้าง สถานที่ท่องเที่ยวลับๆ ที่ยังไม่เป็นรู้จักกันอย่างกว้างขวางนัก ที่นี่คือแหล่งน้ำบริสุทธิ์จากธรรมชาติที่มีความพิเศษคือมีน้ำสีฟ้าและใสแจ๋วส่วนการเดินทางไปบ่อน้ำผุดเขาใหญ่ ใช้รถส่วนตัวจะสะดวกที่สุด ใช้เส้นทางถนนธนรัชต์มุ่งหน้าเขาใหญ่ประมาณ กม.ที่ 15 จะมีซอยเล็กๆ ให้เลี้ยวเข้าไป หรือไม่ก็ปักหมุดลงไปใน Google Map ว่า บ่อน้ำพุธรรมชาติบ้านท่าช้างได้เลย สถานที่นี้จะขึ้นอยู่อย่างชัดเจนใน Google Map เส้นทางขับเข้าไปเป็นทางราดยางขับง่ายๆ สะดวกสบาย เมื่อมาถึงบ่อน้ำผุดเราจะต้องเดินเท้าต่อเข้าไปจนถึงต้นน้ำอีกประมาณ 50 เมตร ซึ่งเมื่อได้มาเห็นกับตาของจริงก็ทำให้สิ่งที่เราสงสัยอยู่ในใจนั้นกระจ่างขึ้นมา บ่อน้ำแห่งนี้มีสีฟ้าจริงๆเป็นบ่อน้ำสีฟ้าที่มีน้ำใสแจ๋วมองลงไปเห็นพื้นดินข้างล่าง มีนักท่องเที่ยวลงไปว่ายน้ำเล่นกันในช่วงเช้าๆ แบบนี้อยู่เพียงไม่กี่คน บรรยากาศเงียบสงบ โดยรอบบ่อน้ำรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่สีเขียวขจีดูร่มรื่น เหมาะที่จะมานั่งปูเสื่อปิคนิคกันบริเวณนี้ และที่นี่เป็นสถานที่คลายร้อนที่คนแถวเขาใหญ่รู้จักกันเป็นอย่างดี แต่สำหรับนักท่องเที่ยวโดยทั่วไปแล้วอาจจะยังไม่รู้ว่ามีสถานที่ที่สวยงามขนาดนี้ซุกซ่อนอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ด้วยความที่เราอยากรู้ว่าเหตุใดน้ำบริเวณนี้จึงมีความใสสะอาดและมีสีฟ้างดงามเช่นนี้จึงได้ถามเอาความรู้จากเจ้าหน้าที่ได้คำตอบว่า บริเวณนี้คือตาน้ำน้ำผุด ที่ผุดขึ้นมาเองจากธรรมชาติ โดยน้ำที่ผุดออกมานั้นคือน้ำฝนที่ผ่านการกรองจากก้อนหินก้อนกรวด ที่มีแคลเซียมคาร์บอเนตสูง ทำให้น้ำมีความใส และมีสีฟ้าเป็นสระมรกตแบบนี้ ซึ่งหากใครนึกภาพไม่ออกให้ลองคิดถึงภาพของสระมรกตที่จังหวัดกระบี่ ที่นี่แทบจะสวยงามไม่ต่างกันเลย สำหรับวันหยุดสงกรานต์นี้หากใครกำลังหาที่เที่ยวพักผ่อนคลายร้อนสำหรับครอบครัว ลองขับรถออกมาจากกรุงเทพแค่ 3 ชั่วโมงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่นี่กำลังรอคุณมาสัมผัสด้วยตนเองอยู่ ที่มา >>> sanook
1.อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในเรื่องความท้าทาย ผจญภัย เพราะทุกย่างก้าวของการเดินขึ้นภูกระดึงต้องอาศัยความมานะ ความอดทน และความพยายาม เพื่อนำตัวเองขึ้นไปพิชิตยอดภูกระดึงสักครั้งในชีวิต โดยภูกระดึงมักได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว ด้วยความสูง บรรยากาศ และสภาพอากาศที่เย็นสบาย ดูเหมือนจะเป็นแรงจูงใจสำคัญทำให้นักท่องเที่ยวอยากที่จะมาสัมผัสธรรมชาติที่ภูกระดึงมากยิ่งขึ้น นอกจากความหนาวเย็นสุดขั้วหัวใจ ที่ภูกระดึงยังมีสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเฝ้ารอชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน ชมสระอโนดาตตอนเย็น เที่ยวน้ำตกตามหาใบเมเปิล ที่สำคัญถ่ายรูปคู่กับป้าย "ครั้งหนึ่งในชีวิตเราคือผู้พิชิตภูกระดึง" เป็นอันครบสูตรการท่องเที่ยวที่ภูกระดึง 2.อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย ป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย ภายในอุทยานมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ซึ่งเป็นพรมแดนทางธรรมชาติกั้นระหว่างไทย-ลาว ทั้งนี้ยังสามารถมองเห็นบ้านห้วยน้ำผักอยู่ด้านล่าง และเห็นวิวของภูสอยดาว ภูเวียง ประเทศลาว ได้อีกด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีธรรมชาติอันงดงามทั้งจุดชมวิว ดอกไม้ป่า และน้ำตกให้เที่ยวชมกันหลายแห่ง และเพราะความสมบูรณ์ของป่าธรรมชาติ ซึ่งมีพรรณไม้อยู่หนาแน่น ในช่วงฤดูหนาวอากาศค่อนข้างจะหนาวเย็น สิ่งที่น่าสนใจของที่นี่คือการได้มาชมทะเลหมอกที่งดงามในยามเช้ารวมถึง บรรยากาศของพระอาทิตย์ตกที่จุดชมวิวภูหัวฮ่อม ซึ่งทะเลหมอกจะพบเห็นได้ง่ายในช่วงปลายฝนประมาณเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม 3.วัดเนรมิตวิปัสสนา โดดเด่นเป็นสง่าด้วยตำแหน่งของวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขา พระอุโบสถและเจดีย์ภายในวัดก่อสร้างด้วยศิลาแลงทั้งหลัง ตระการตาด้วยพระอุโบสถที่ได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง ซึ่งประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัยซึ่งมีพุทธลักษณะคล้ายกับพระพุทธชินราช ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังลวดลายอ่อนช้อยเกี่ยวกับพุทธประวัติ ภาพพระเวสสันดรชาดกและภาพทศชาติ นอกจากนี้บริเวณพื้นที่โดยรอบยังมีการจัดแต่งสวนและต้นไม้ร่มรื่นสวยงาม และมีต้นไม้ที่สำคัญทางพุทธศาสนา คือ "ต้นสาละ" ซึ่งเป็นต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ และเป็นสถานที่ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้มาวัดนี้จะต้องไม่ลืมมานมัสการและเที่ยวชม 4.ถนนคนเดินเชียงคาน ถนนช้อปปิ้งสุดคลาสสิกริมฝั่งแม่น้ำโขง ที่ห้อมล้อมทั้งสองฟากฝั่งด้วยบ้านไม้เก่า อันเป็นเอกลักษณ์ที่หาไม่ได้จากถนนคนเดินที่อื่น ในวันปกติธรรมดาบรรยากาศของถนนคนเดินสายนี้จะเงียบสงบ เรียบง่ายไม่ต่างจากวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ แต่เมื่อถึงช่วงบ่ายของช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ถนนสายนี้จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่บ้างออกมาเดินซื้อของ บ้างออกมาเดินเล่น ทำให้ถนนสายนี้คึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตา ซึ่งถนนคนเดินเชียงคานแห่งนี้มีสินค้าจำหน่ายมากมาย ทั้งงานศิลปะพื้นเมือง ศิลปะร่วมสมัย เสื้อผ้าที่ระลึก และร้านอาหารที่มีของกินให้เลือกหลากหลาย เช่น ข้าวจี่ทอด ข้าวจี่ย่าง กุ้งทอด ไอศกรีมโบราณ ซาลาเปาปุยฝ้าย ข้าวเกรียบว่าว ขนมปังสังขยา ชา กาแฟ และอื่น ๆ อีกมากมายเกินกว่าจะบรรยายได้หมด เรียกว่าถ้าหิว ๆ แล้วเดินเข้าไปที่นี่คงได้อิ่มพุงกางพอดี ที่มา >>> kapook
ใครที่กำลังเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ คันไม้คันมืออยากจะไปเที่ยว แต่ก็มีวันหยุดอยู่ในมือแค่วันหรือสองวันเท่านั้น บอกเลยว่าวันหยุดเท่านี้ก็เพียงพอให้คุณได้หนีเที่ยวไปสูดอากาศและซึมซับธรรมชาติได้แบบเต็มปอด ว่าแต่วันหยุดน้อยแบบนี้จะไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง น่าจะเป็นโจทย์ที่ทุกคนอยากจะรู้คำตอบ ใครอยากจะได้ประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบเต็มเปี่ยม ลองดูทริปทั้ง 10 ทริปสำหรับเที่ยว 2 วัน 1 คืน และเที่ยวได้แบบชิล ๆ มาฝากกัน รับรองว่าทั้งสุขและสนุกอย่างแน่นอน ทริปที่ 1 เที่ยวภูทับเบิกฉบับ 2 วัน 1 คืน ไปสูดอากาศดี ๆ กัน ธรรมชาติที่ภูทับเบิกเป็นที่รู้กันว่าสวยงามมากแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูเขาในช่วงหน้าฝน นักท่องเที่ยวจะได้เห็นสายหมอกที่ออกมาลอยเคล้าคลอเคลียให้ได้ยลโฉมกัน สายลมเย็น ๆ พัดเอื่อย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศทิวเขาสูง ทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตา เป็นใครจะไม่อยากเอาตัวเองไปสัมผัสกับความรื่นรมย์แบบนี้บ้าง และยังว่ากันว่า ที่นี่เป็นสถานที่ชมสายหมอกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ทำให้ภูทับเบิกเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่นิยมมาสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติที่บริสุทธิ์กันให้ฉ่ำปอด ทริปที่ 2 เที่ยวชะอำ 2 วัน 1 คืน แบบครบรส ต้องไม่พลาดสิ่งเหล่านี้ ชะอำ สถานที่ท่องเที่ยวตากอากาศสุดคลาสสิก หากแต่ชะอำในวันนี้ไม่ได้มีแต่ท้องทะเลสีฟ้าสวย ๆ เท่านั้น แต่ที่นี่ยังเต็มไปด้วยสีสันการท่องเที่ยวสนุก ๆ ที่เรียกได้ว่าครบวงจร เที่ยวกันได้แบบเพลิน ๆ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เดินทางได้สะดวกและไม่ไกล แถมที่พักก็มีให้เลือกมากมายหลากหลายประเภทและราคา มีให้เลือกได้ตามใจชอบ ใครก็ตามที่เลือกมาเที่ยวชะอำ รับรองว่าไม่มีทางช้ำใจแน่นอน ทริปที่ 3 เอาใจไปพักผ่อน เที่ยวเกาะสีชัง ในแบบฉบับ 2 วัน 1 คืน เกาะสีชัง ที่เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพฯ ที่ไปเที่ยวได้ง่าย ๆ เดินทางไม่นาน ไม่มีรถส่วนตัวก็ไปเที่ยวได้ ที่สำคัญ ธรรมชาติท้องทะเลของที่นี่ยังคงสวยงาม และยังมีที่พักสวย ๆ และร้านอาหารอร่อย ๆ มากมาย เป็นเกาะที่น่าท่องเที่ยว ในบรรยากาศแบบท้องถิ่น ซึ่งสามารถแวะท่องเที่ยวในวันเดียวหรือพักค้างคืนก็ยังได้ มีที่พักหลายแบบหลากสไตล์ ทั้งแบบถูก ๆ ประเภทโฮมสเตย์ ไปจนถึงโรงแรม รีสอร์ท สวยหรูริมหาด ทริปที่ 4 เที่ยวหัวหิน 2 วัน 1 คืน ด้วยงบเบา ๆ 800 บาท ใครที่รู้ตัวว่าร่างกายตอนนี้ต้องการทะเล หัวหิน น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดข้อหนึ่ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ที่นี่มีทั้งที่เที่ยว และที่ชิลซ่อนอยู่เพียบ แต่ถ้าใครมีงบประมาณในเรื่องเที่ยวหัวหินค่อนข้างจำกัด แต่ก็อยากจะเที่ยวให้คุ้ม ก็สามารถทำได้สบายหายห่วง เอาที่แบบพกเงินไปไม่ถึงพัน แต่ได้กิน ได้นอน ได้เที่ยวในระดับหลักพันเลยทีเดียว ทริปที่ 5 เมื่อร่างกายต้องการทะเล ตรงดิ่งไปรับลมเกาะล้านชิล ๆ เกาะล้าน ที่เที่ยวพักผ่อนสำหรับช่วงวันหยุดสบาย ๆ วันเสาร์-อาทิตย์ เดินทางสะดวก ใช้เวลาไม่นาน แถมน้ำทะเลสวย ฟ้าใส มีที่พัก ที่กินให้เลือกไม่อั้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม วันหยุดสุดสัปดาห์ทีไร หากว่าใครอยากจะไปเที่ยวทะเล เกาะล้านจึงมักโผล่มาเป็นตัวเลือกแรก ๆ ในหัวของทุกคน และแม้ว่าคนอาจจะเยอะไปเสียหน่อยในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้เสน่ห์ของเกาะล้านลดระดับความนิยมลงไปได้เลย เป็นยังไงบ้างคะ ? กับทริปท่องเที่ยวสำหรับ 2 วัน 1 คืน ที่เราเอามาฝากเพื่อน ๆ กัน จริง ๆ แล้วเรื่องการไปเที่ยวไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากเลยนะคะ และถึงแม้ว่าเพื่อน ๆ จะมีงบประมาณไม่มาก หากแต่มีการวางแผนที่ดี ทริปนั้นของเพื่อน ๆ ก็สามารถมีความสุขและประทับใจได้แน่นอน ใครที่อ่านจบแล้ว หวังว่าเพื่อน ๆ จะมีทริปในดวงใจ ถึงวันหยุดครั้งต่อไป จะได้เก็บกระเป๋าไปเที่ยวกันให้สมใจอยาก ที่มา >>> kapook
ใครจะไปคิดว่าเพียงแค่ไม่กี่ชม.จากกทม. ก็สามารถเห็นทะเลสวย น้ำใส ทรายละเอียด ได้ที่พัทยานี่เอง .. ทริปนี้แนะนำเลย การเดินทางก็สะดวกสบายทั้งรถส่วนตัว หรือขนส่งสาธารณะก็มีบริการจนถึงพัทยา แล้วนั่งเรือต่อมาเพียง 30 นาที ก็ถึงแล้ว...เกาะล้าน เช็คอินเข้าที่พักเกาะล้านกันก่อน ครั้งนี้น็อตโตะเลือกที่นี่ “ริมทะเล รีสอร์ท” ที่พักเปิดใหม่ แต่โดดเด่นไปด้วยโลเคชั่นที่ตั้งอยู่ริมหาด หันหน้าออกทะเล ส่วนห้องพักก็มีให้เลือกหลายแบบ ทั้งบ้านพักส่วนตัว หรือห้องพักขนาดใหญ่ที่รองรับได้มากถึง 20 คน แถมที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก เช่น ตกปลา ตกหมึก หรือปาร์ตี้ปิ้งย่างชิวๆก็ได้ พักหายเหนื่อยกันไปแล้ว ตะลุยหามุมถ่ายรูปสวยๆกันดีกว่าค่ะ เริ่มกันที่ “จุดชมวิวหาดตาแหวน” ที่สามารถมองเห็นวิวหาดได้กว้าง และรอบด้านเลย พักหายเหนื่อยกันไปแล้ว ตะลุยหามุมถ่ายรูปสวยๆกันดีกว่าค่ะ เริ่มกันที่ “จุดชมวิวหาดตาแหวน” ที่สามารถมองเห็นวิวหาดได้กว้าง และรอบด้านเลย ปิดท้ายทานอาหารพร้อมเสพบรรยากาศดีๆกันที่ “Sea Space” ร้านที่ตกแต่งแนวโมเดิร์นผสมความเรียบง่าย มีความเท่และอบอุ่นได้อย่างลงตัว มีที่นั่งชิวริมทะเล และบริการทั้งอาหารซีฟู้ด ของหวาน และเครื่องดื่มแบบจัดเต็ม ออกไปเที่ยวกันในวันหยุดนี้ ที่มา >>> sanook
ตลาด 800 ปี กรุงสุโขทัย ณ ลานศาลตาผาแดง อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตลาดศิลปวัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ จัดขึ้นทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ จนถึงวันที่ 29 เมษายน 2561 หากพูดถึง "สุโขทัย" หลายคนน่าจะรู้จักในฐานะราชธานีเก่าแก่ของไทยที่เต็มไปด้วยโบราณสถานทรงคุณค่า แต่ถึงอย่างนั้นสุโขทัยก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อาหารการกิน และงานฝีมือล้ำค่าชวนให้น่าช้อป ถ้าใครมาเที่ยวสุโขทัยและอยากเต็มอิ่มทั้งเรื่องกินและเรื่องเที่ยว เราแนะนำให้คุณมาเที่ยวที่ "ตลาด 800 ปี กรุงสุโขทัย"ตลาดศิลปวัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ รอต้อนรับให้นักท่องเที่ยวแวะไปเช็กอิน ตลาด 800 ปี กรุงสุโขทัย ตั้งอยู่ที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย ที่เที่ยวสุโขทัยแห่งใหม่ ให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลิน สนุกสนาน เดินเลือกชิมและช้อป ท่ามกลางกลิ่นอายอารยธรรมกรุงเก่ากว่า 800 ปี เพลินตากับการแต่งกายของบรรดาพ่อค้าแม่ขายในชุดไทย ที่ต่างขนเอาของดีและของเด็ด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแปรรูป เครื่องสังคโลก ไม้แกะสลัก และของที่ระลึกต่าง ๆ มาจำหน่าย ละลานตากับของกินอาหารพื้นเมืองสุโขทัย บอกเลยว่าแต่ละอย่างไม่ได้หากินจากที่ไหนง่าย ๆ เช่น ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย, ขนมพระร่วง, ก๋วยเตี๋ยวพระร่วง และขนมโบราณหากินยากอื่น ๆ อีกเพียบสนุกกับการช้อปปิ้งสินค้าแฮนด์เมดจากชาวบ้านทั้ง 12 ชุมชนของตำบลเมืองเก่า รวมทั้งของฝากของที่ระลึก ซึ่งเป็นศูนย์รวมของที่ระลึกของฝากจากสุโขทัยอีกด้วย พลาดไม่ได้กับการชมแสง สี และเสียง กับโชว์พิเศษตระการตา เช่น การแสดงแสง สี เสียง การแสดงโขน ลิเกโบราณ การละเล่นเพลงพื้นบ้าน การแสดงศิลปะการต่อสู้โบราณ มวยโบราณ และโชว์การผลิตหัตถกรรมอีกนับร้อยรายการ ที่จะคอยสร้างความสุขและความสนุกกับการเดินเที่ยวตลาด 800 ปี กรุงสุโขทัย ได้แบบไม่รู้เบื่อ ที่มา >>> kapook
ภาพกลุ่มวัยรุ่นสาวสวย เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศ อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส แต่งชุดไทยถ่ายภาพ คล้ายกับละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ซึ่งสร้างความแปลกตาแปลกใจในสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก และได้ทราบข้อมูลภายหลังว่าเป็นสาวสวยจากจังหวัดอุดรธานีที่คิดไอเดียประชาสัมพันธ์ผ้าไทยให้ชาวต่างได้รู้จัก จุดถ่ายภาพดังกล่าวอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จังหวัดอุดรธานียังเป็นแหล่งผลิตผ้าทอมือที่มีชื่อเสียงระดับประเทศจึงไม่แปลกที่จะเป็นเมืองแห่งแฟชั่นของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและจากกระแสละครเรื่องบุพเพสันนิวาสทำให้ทางจังหวัดอุดรธานีร่วมกับเทศบาลนครอุดรธานีได้รณรงค์ให้ประชาชนทุกภาคส่วนแต่งกายด้วยผ้าไทย ใส่บาตรพระทุกวันอังคาร ณ สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม เวลา 7.00 น.เป็นต้นไปอีกด้วย ที่มา >>> sanook
เกาะเขาใหญ่ จังหวัดสตูล อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทะเลทางฝั่งอันดามัน และที่เที่ยวสตูลห้ามพลาด ใครอยากหาที่เที่ยวทะเลใหม่ ๆ ร้อนนี้ต้องไปสัมผัสเกาะเขาใหญ่ จังหวัดสตูล กัน ใครหลายคนไปเที่ยวสตูลอาจจะนึกถึงเพียงแค่ท้องทะเลของหลีเป๊ะ แต่อยากจะบอกว่าจังหวัดนี้มีทะเลสวย ๆ เด็ด ๆ ให้ไปค้นหาอีกเพียบ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งเกาะสวย ๆ ของจังหวัดสตูลอย่าง "เกาะเขาใหญ่" กันค่ะ เป็นเกาะที่อยู่ไม่ไกลจากฝั่งด้วย สามารถไปเที่ยวแบบวันเดย์ทริปได้เลย เกาะเขาใหญ่ เป็นเกาะหินปูนกลางทะเล อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ห่างจากชายฝั่งบริเวณที่ทำการอุทยานประมาณ 10 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากท่าเรือปากบารา เพียงแค่ประมาณ 3-5 กิโลเมตรเท่านั้น บนเกาะเขาใหญ่จะมีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนเสียส่วนใหญ่ มีชายหาดบางส่วน อ่าวที่มีชื่อเสียงคือ "นะปุลา" เป็นชายหาดที่เงียบสงบสวยงาม นอกจากนี้เวลาที่น้ำลดก็จะสามารถลอดช่องหินเข้าไปชมความสวยงามของ "ปราสาทหินพันยอด" สิ่งอัศจรรย์สุดอันซีนที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นจากการกัดเซาะหินของน้ำฝน จนกลายเป็นแท่งหินแหลมรูปร่างสวยงามแปลกตาคล้ายกับบนปราสาทในเทพนิยาย ชาวบ้านจึงเรียกกันว่าปราสาทหินพันยอด อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ธรณีวิทยา มีการพบฟอสซิลอายุมากกว่า 480 ล้านปี ชาวบ้านในชุมชนใกล้เคียงและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงสนับสนุนการท่องเที่ยวให้เป็นไปในลักษณะเชิงอนุรักษ์ สร้างจิตสำนึกดี ๆ ให้กับทั้งชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงและนักท่องเที่ยวเอง ไม่เพียงเท่านั้นรอบ ๆ เกาะยังมีแนวปะการัง, กัลปังหา, ดอกไม้ทะเล และสัตว์ทะเลอื่น ๆ ที่อุดมสมบูรณ์ แต่ด้วยความที่เกาะเขาใหญ่อยู่ใกล้ฝั่ง ทัศนียภาพในการดำน้ำอาจจะไม่เหมาะสม การไปเที่ยวเกาะเขาใหญ่ มีระบบจัดการและการทำข้อตกลงกันระหว่างอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ประกอบการ ว่าจะยกสิทธิในการนำเที่ยวให้แก่กลุ่มชุมชน เพื่อการสร้างรายได้ในรูปแบบการท่องเที่ยวโดยชุมชน เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวจึงสามารถติดต่อได้โดยตรงที่การท่องเที่ยวโดยชุมชนบ่อเจ็ดลูก ซึ่งมีคอนเซ็ปต์การท่องเที่ยวสุดเก๋ไก๋ว่า มาแลต๊ะ (มาดูสิ) ใครสนใจก็ติดต่อไปได้เลยที่ โทรศัพท์ 08 0139 2436, 08 1542 0071 (ประธานกลุ่มการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ่อเจ็ดลูก) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก การท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก ทั้งนี้เกาะเขาใหญ่ยังไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมอย่างเป็นทางการ นักท่องเที่ยวจึงอาจจะยังไม่ได้รับความสะดวกมากนัก ยังอยู่ระหว่างการจัดรูปแบบการท่องเที่ยว การปรับปรุงหน่วยฯ ขณะนี้มีทุ่นจอดเรือแล้ว 2 จุด ถ้าใครกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวทะเลแบบเงียบสงบ บอกเลยว่าเกาะเขาใหญ่ เป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ แต่อาจจะต้องอดใจรออีกนิด เพื่อให้เจ้าหน้าที่และชุมชนจัดการรูปแบบการท่องเที่ยวที่ลงตัว แต่รับรองได้เลยว่าถ้าคุณได้ไปสัมผัสที่นี่จะต้อองหลงรักแน่นอน ที่มา : kapook
|
AuthorWrite something about yourself. No need to be fancy, just an overview. Archives
January 2021
Categories |