ถ้าพูดถึงจังหวัดท่องเที่ยวที่ไม่ว่าจะร้อน จะฝน จะหนาว ก็ต้องมาที่ “เชียงใหม่” ฤดูไหนก็มาเที่ยวได้ ยิ่งหน้าฝนบอกเลยว่าคูลสุดๆ ทั้งธรรมชาติสีเขียว อากาศเย็นสบาย ไม่ต้องแย่งกันเที่ยวอีกด้วย จะมีที่ไหนน่าไปเที่ยวบ้าง มาดูกันเลย 1.อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ “ดอยอินทนนท์” ยอดเขาที่สูงสุดในประเทศไทย สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตชมวิวสวยๆ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติแบบกว้างไกล ชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าที่ลอดผ่านเมฆหมอก จากจุดชมวิวสามารถมองเห็นพระธาตุคู่สูงเด่นของพระธาตุมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ภายในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ยังมีท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น เส้นทางเดินธรรมชาติกิ่วแม่ปาน น้ำตกแม่ยะ บ้านแม่กลางหลวง 2.หมู่บ้านแม่กำปอง หมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขาโดยมีธรรมชาติสีเขียวรอบล้อมให้ความร่มรื่นแบบสุดๆ มีลำห้วยเล็กๆ ไหลผ่านหมู่บ้าน เหมาะสำหรับการมาใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ บรรยากาศเงียบสงบๆ สุดชิลล์ อากาศเย็นสบาย และยังมีสถานที่ท่องเที่ยว วัด น้ำตก ร้านกาแฟสวยๆ ชมวิวธรรมชาติ 3.ดอยอ่างขาง มหัศจรรย์แห่งพืชพันธุ์ดอกไม้หลายสีสัน ที่ออกดอกเบ่งบานสะพรั่งชวนให้ดูชม สร้างความตื่นเต้นตื่นตาให้กับนักท่องเที่ยวที่มาชมกันอย่างเป็นที่สุด มองดอกไม้สีสันสวยงามท่ามกลางทุ่งสีเขียว พร้อมรับอากาศเย็นสบาย นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชมธรรมชาติที่สวยงามอีกมากมาย 4.ม่อนแจ่ม อีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมใกล้ตัวเมือง สัมผัสอากาศเย็นสบายและรับชมทัศนียภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของธรรมชาติแบบองศา 360 องศา ท่ามกลางทุ่งดอกไม้หลากสีสันสดใส ภูเขาสีเขียว ท้องฟ้าสีฟ้า เป็นภาพที่สวยงามน่ามาชมแบบสุดๆ พร้อมมีมุมถ่ายรูปวิวธรรมชาติอีกมากมายให้ได้เลือกไว้ถ่ายเป็นที่ระลึกกัน นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวภายในจังหวัดเชียงใหม่ ให้คุณได้รับชมธรรมชาติที่สวยงาม ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบายๆ เย็นๆ เปียกนิดๆ แต่จะสดชื่นเมื่อได้พบกับวิวที่สวยงาม ที่มา >>> sanook,paapaii
0 Comments
แกรนด์แคนยอนหล่มสัก ชื่อนี้เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายๆ คน อาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อนแน่นอนเพราะที่นี่เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวลับที่ไม่ค่อยจะมีใครเคยไปเท่าไหร่นัก แกรนด์แคนยอนหล่มสักเป็นชั้นดินที่ยกตัวขึ้นสูงขึ้นมาเองตามธรรมชาติเป็นเวลาหลายร้อยปี เป็นภูมิทัศน์ที่ดูแปลกตา และมองดูคล้ายแกรนด์แคนยอนของประเทศสหรัฐอเมริกา แกรนด์แคนยอนหล่มสัก เป็นฉากหลังในการถ่ายรูปที่งดงามและแปลกใหม่สำหรับนักท่องเที่ยว และถือเป็นอันซีนไทยแลนด์ที่ควรมาเห็นด้วยตาตนเองสักครั้ง ใครกำลังวางแผนจะมาเที่ยวเพชรบูรณ์ ที่นี่ไม่ได้มีแค่เขาค้อ หรือภูทับเบิกอีกต่อไป เพราะแกรนด์แคนยอนหล่มสักแห่งนี้จะกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินห้ามพลาดของเพชรบูรณ์ ลองมาสัมผัสด้วยตาตนเองกันดูครับ รับรองว่าจะได้รับความประทับใจและรูปถ่ายสวยๆ กลับไปแน่นอน ที่ตั้งแกรนด์แคนยอนหล่มสัก : บ้านติ้ว อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่มา >>> sanook, Noi Nongkawas
พาไปรู้จักกับเขาชีจรรย์ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของพัทยาและจังหวัดชลบุรี พร้อมให้ข้อมูลและเกร็ดท่องเที่ยวเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งประวัติความเป็น การเข้าเที่ยวชม และการเดินทาง ภาพของพระพุทธรูปแกะสลักลายเส้นขนาดใหญ่บนหน้าผาภูเขาหิปูน ได้กลายเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างหนึ่งของพัทยา จังหวัดชลบุรี ด้วยเป็นการสร้างในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร และยังสวยงามน่าศรัทธา เรียกกันว่า "เขาชีจรรย์" หลายคนอาจจะสงสัยว่าที่นี่มีเรื่องราวความเป็นมาอย่างไร เปิดให้เข้าเที่ยวชมไหม วันนี้เราจึงจะพาไปทำความรู้จักเขาชีจรรย์ให้มากขึ้นค่ะ พร้อมกับมีเกร็ดท่องเที่ยวเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากด้วย อยากจะบอกว่ามีเวลาวันเดียวก็ไปเที่ยวกันได้นะ 1. ที่ตั้งเขาชีจรรย์ เขาชีจรรย์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดชลบุรีมายาวนานมากกว่า 20 ปี โดยตั้งอยู่ที่ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ติดกับทางหลวงชนบท ชบ. 1003 ใกล้กับไร่องุ่นซิลเวอร์เลค พัทยา, สวนน้ำรามายณะ พัทยา, บ้านกลับหัว พัทยา และวัดญาณสังวราราม วรมหาวิหาร 2. ภูเขาหินปูนรูปทรงสวยแปลกตา ถ้ามองจากระยะไกลจะเห็นว่าเขาชีจรรย์มีลักษณะเป็นภูเขาสูงโดดเด่น รูปร่างสวยแปลกตา คล้ายกรวยคว่ำ ทรงยอดแหลม ด้านหนึ่งจะเป็นหน้าผาตัดสูงชัน เนื่องจากเคยมีการระเบิดหินเพื่อใช้เป็นวัสดุก่อสร้างมาก่อน จึงเปิดให้เห็นเนื้อหิน เป็นหน้าผาค่อนข้างเรียบจนถึงยอดเขา จากฐานจนถึงยอดเขาสูงประมาณ 180 เมตร สูงจากระดับน้ำทะเลราว ๆ 248 เมตร 3. สร้างเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในหลวง ร.9 ทรงครองศิริราชสมบัติครบ 50 ปี แรกเริ่มการปรับปรุงเขาจีจรรย์ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังของจังหวัดชลบุรีนี้ เกิดจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ทรงเสียดายเขาชีจรรย์ที่มีภูมิทัศน์สวยงาม แต่กำลังจะถูกทำลาย จึงได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดสร้างเป็นพระพุทธรูปประจำรัชกาลที่ 9 ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองศิริราชสมบัติครบ 50 ปี และเมื่อได้ทำการก่อสร้างก็มีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นผู้อุปถัมภ์โครงการ มีบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลบลาสเตอร์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินโครงการ มีสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย (AIT) เป็นวิศวกรที่ปรึกษาและผู้ควบคุมงาน 4. พระพุทธรูปแกะสลักด้วยแสงเลเซอร์ใหญ่สุดในโลก ความโดดเด่นและเอกลักษณ์ของเขาชีจรรย์อยู่ตรงที่พระพุทธรูปแกะสลักแบบลายเส้น รูปประทับนั่งปางมารวิชัย ซึ่งได้แรงบัลดาลใจมาจาก "พระพุทธนวราชบพิตร" ศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา พระพุทธรูปแกะสลักแบบลายเส้นนี้ ก่อนการดำเนินการก่อสร้างนั้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชวินิฉัยฯ สรุปไว้ว่าควรจัดสร้างเป็นแบบลายเส้น แต่ให้ลึกและชัดขึ้นเห็นเป็นรูปพระพุทธรูปในระยะไกล ซึ่งจะดีกว่าการสร้างแบบนูนต่ำ ซึ่งจะสามารถตัดปัญหาเรื่องการบำรุงรักษา ระยะเวลาก่อสร้างที่ยาวนาน และค่าก่อสร้างไปได้มาก และด้วยเขาชีจรรย์เป็นเขาหินปูน จึงต้องมีมาตรการด้านความปลอดภัย โดยกันพื้นที่ด้านหน้าใกล้องค์พระเป็นเขตห้ามเข้าเด็ดขาด เมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ก็ปรากฏว่าพระพระพุทธรูปแกะสลักลายเส้นมีความสูงมากถึง 109 เมตร หน้าตักกว้าง 70 เมตร มีฐานบัวสูง 21 เมตร รวมความสูงจากฐานของพระพระพุทธรูปแกะสลักลายเส้นแล้วก็มีความสูงทั้งหมด 130 เมตร ลักษณะของลายเส้นที่แกะสลักหินนั้น จะเป็นการแกะสลักลงในเนื้อหินให้เป็นร่องลึกกว้างประมาณ 30-40 เซนติเมตร ลึก 10 เซนติเมตร ฝังด้วยกระเบื้องโมเสกสีทองเต็มร่อง มีชื่อพระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา แปลว่า พระพุทธเจ้า ทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรือง สว่าง ประเสริฐดุจดังมหาวชิระ ซึ่งเป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยปีที่ทำการสร้างคือ พ.ศ. 2539 ปรากฏอยู่ด้านล่างของพระพระพุทธรูป นับว่าเป็นพระพุทธรูปแกะสลักในลักษณะพระพุทธฉายที่ใหญ่ที่สุดในโลก 5. สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย หลังจากที่เขาจีจรรย์ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ยลโฉมความสวยงามอลังการของพระพุทธรูปแกะสลักลายเส้น "พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา" บนหน้าผาสูง ที่นี่ก็กลายเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของจังหวัดชลบุรี ด้วยมีลักษณะการก่อสร้างที่แปลกใหม่ และยังงดงามทรงคุณค่า น่าศรัทธา พุทธศาสนิกชนก็สามารถมาไหว้ขอพร ทำกิจกรรมทางพระพระพุทธศาสนาและวัฒฯธรรมได้ นักท่องเที่ยวทั่วไปก็สามารถเดินทางมาเที่ยวชม ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกได้ด้วย นอกจากพระพุทธรูปแกะสลักลายเส้นแล้ว บริเวณโดยรอบของเขาชีจรรย์ยังสวยงามน่าเที่ยวชม มีต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย พร้อมด้วยสวนสวย ตกแต่งไปด้วยดอกไม้หลากหลายสีสันตามฤดูกาล มีการนำไม้ประดับจากต่างถิ่นเข้ามาใช้ประดับตกแต่งภูมิทัศน์ มีสนามหญ้าเปิดโล่ง แบ่งพื้นที่ตามกิจกรรมการใช้งานอย่างชัดเจน เช่น ลานสำหรับชมพระพุทธรูปแกะสลัก จุดถ่ายรูปที่สามารถมองเห็นพระพุทธรูปได้อย่างชัดเจน อาคารอเนกประสงค์ พื้นที่พักผ่อน และพื้นที่จอดรถ ซึ่งเหมาะสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ จึงได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กลายเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของทั้งจังหวัดชลบุรีและประเทศไทย สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าเที่ยวชมเขาชีจรรย์ สามารถมาเที่ยวชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. เข้าเที่ยวชมได้ฟรี ไม่มีค่าบริการใด ๆ 6. แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงเขาชีจรรย์ เมื่อมาเที่ยวเขาชีจรรย์แล้ว ก็ยังสามารถเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของพัทยาได้อีกหลากหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นไร่องุ่นซิลเวอร์เลค พัทยา, สวนน้ำรามายณะ พัทยา, บ้านกลับหัว พัทยา, สวิส ชีพ ฟาร์ม พัทยา, วัดญาณสังวราราม วรมหาวิหาร, สวนนงนุช, อ่างเก็บน้ำห้วยตู้ 2, เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน, วันเดอร์ฟาร์ม พัทยา, ไทธานี หมู่บ้านวัฒนธรรม และศิลปะ พัทยา เป็นต้น 7. การเดินทาง การเดินทางไปยังเขาชีจรรย์ จากกรุงเทพฯ ให้ใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (ถนนชลบุรี-พัทยา) มุ่งหน้าไปพัทยา เมื่อถึงทางออกจากทางหลวงพิเศษที่ตำบลโป่ง อำเภอบางละมุง ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 36 (ถนนบายพาสพัทยา-ระยอง) ขับไปเรื่อย ๆ จนถึงช่วงตัดกลับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 331 ให้เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 331 มุ่งหน้าสัตหีบ พอถึงตำบลนาจอมเทียน ให้สังเกตถนนบานเย็น (ทางหลวงชนบท ชบ. 1003) อยู่ทางด้านขวามือ ขับไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร ก็จะเห็นเขาชีจรรย์อยู่ทางด้านซ้ายมือ ส่วนถ้ามาจากทางเมืองพัทยา ให้ขับมาตามถนนสุขุมวิท (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3) มุ่งหน้าไปตำบลนาจอมเทียน พอถึงแยกซอยหนองจับเต่า สังเกตมีเซเวนอีเลฟเวนอยู่หน้าปากซอย ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนบานเย็น (ทางหลวงชนบท ชบ. 1003) ขับตรงไปประมาณ 4.7 กิโลเมตร ก็จะเจอเขาชีจรรย์อยู่ทางด้านขวามือ เขาชีจรรย์ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่มีความน่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยนะคะ มีเวลาวันเดียวก็เที่ยวได้ และยังสามารถไปเที่ยวต่อที่เที่ยวพัทยาอื่น ๆ ได้ด้วย ใครกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อพาคนพิเศษ หรือครอบครัวไปเที่ยวก็ลองพิจารณาที่นี่กันดูนะ ที่มา >>> Sanook,onep.go.th, geothai.net
ในหน้าฝนแบบนี้หากจะพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการไปเยี่ยมชมและสวยงามในหน้าฝนนั้น น้ำตกถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ด้วยความที่ในหน้าฝนแบบนี้มีน้ำเยอะ ทำให้รู้สึกสดชื่นและสวยงาม วันนี้เรามีน้ำตกสวยแห่งเมืองชัยภูมิมาแนะนำให้ทุกคนไปตามรอยกัน น้ำตกตาดโตน น้ำตกกลางป่าที่เมื่อได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองแล้วจะเหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว ในช่วงหน้าฝนแบบนี้จะมีน้ำไหลแรง เหมาะสำหรับไปถ่ายรูปธรรมชาติกันแบบอลังการ น้ำตกตาดโตนเป็นหน้าผาน้ำตกที่ไหลมาจากลำธารหินขนาดใหญ่ ตั้งอยุ่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกตาดโตน ใช้เวลาเดินเท้าเข้าไปจากลานจอดรถประมาณ 500 เมตรเท่านั้น บริเวณน้ำตกมีความร่มรื่น สามารถลงเล่นน้ำได้ น้ำที่นี่ใสสะอาดเพราะไหลมาจากแหล่งลำธารธรรมชาติ แช่น้ำตกเย็นสบายกันได้แบบชิล ๆ ใครกำลังมองหาน้ำตกสวยๆ ไว้ไปเช็คอินท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดนี้ ลองแวะไปเที่ยวน้ำตกตาดโตนกันดูครับ สวยงามประทับใจแน่นอน ที่ตั้งน้ำตกตาดโตน : อุทยานแห่งชาติตาดโตน ตำบลนาฝาย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ที่มา >>> sanook,Peeranut P.
อยากมองวิวสวยจากในมุมสูงโดยไม่ต้องเดินป่าไกลๆ ให้เมื่อยขากันไหม? วันนี้เรามีสถานที่เที่ยวสวยๆ แห่งใหม่ของจังหวัดขอนแก่นมาแนะนำให้รู้จักกัน หินช้างสีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติน้ำพอง หลังจากที่มีการปรับปรุงภูมิทัศน์สำหรับการท่องเที่ยว ทำให้ที่นี่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก่อนหน้านี้แม้แต่คนขอนแก่นเองยังแทบไม่เคยมีโอกาสได้ขึ้นมาชมความสวยงามที่นี่กันเลย บนยอดหินช้างสีนั้น จะมีการปูพื้นเป็นบันไดเหล็ก เป็นหอชมวิวเขื่อนอุบลรัตน์และความเขียวขจีของป่าเขาด้านล่างได้อย่างสวยงาม พักผ่อนสูดอากาศที่เป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มองเห็นฝั่งอำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น และฝั่ง อำเภอโนนสังข์ จังหวัดหนองบัวลำภู อีกทั้งยังเป็นจุดที่สามารถศึกษาธรรมชาติได้อีกด้วย ข้อมูลเพิ่มเติม - การเข้าเที่ยวชมจุดชมวิวหินช้างสี เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. - มีค่าเข้าเที่ยวชมอุทยานแห่งชาติน้ำพอง สำหรับผู้ใหญ่คนไทย 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท - การเดินทางไปยังหินช้างสี จากตัวเมืองขอนแก่นให้ขับรถมาตามทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 12 หรือถนนมะลิวรรณ (ชุมแพ–ขอนแก่น) จนถึงบริเวณตำบลหนองบัว อำเภอฝาง จะมี ทางแยกไปถนนทาง หลวงชนบท ขก. 4064 อยู่ทางขวามือ ให้ไปยูเทิร์นรถกลับมาเพื่อวิ่งเข้าถนนเส้นนี้ จากนั้นก็ขับตรงไปเรื่อย ๆ พอถึงสี่แยกโคกงามจะเห็นป้ายทางเข้าอุทยานและจุดชมวิวหินช้างสี ให้ขับตรงไป ตามถนนทางหลวงชนบท ขก. 5035 อีกประมาณ 12 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ตั้งหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ หินช้างสี รวมระยะทาง ทั้งหมด 53 กิโลเมตร ใช้เวลาราว ๆ 1.10 ชั่วโมง ที่มา >>> Peeranut P.,sanook
เกาะสีชัง…เกาะแห่งความรักความสงบเงียบ เต็มไปดวยความสวยงามของธรรมชาติและวิถีชีวิตอันเรียบง่าย ในช่วงวันหยุดพักผ่อนไม่ต้องเดินทางออกจากบ้านไปไกลๆ ก็สามารถพบความสุขได้แค่เอื้อม เมื่อข้ามมาถึงเกาะเอาฤกษ์เอาชัยกันที่ศาลจ้าพ่อเขาใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวสีชังให้ความเคารพนับถือ เชื่อกันว่าถ้าได้กราบไหว้ติดต่อกัน 3 ครั้งภายในเวลา 3 ปี จะทำให้ร่ำรวย ไปต่อกันที่พิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชสถาน เป็นสถานที่ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวเกาะสีชัง ห่างจากท่าเรือเทววงศ์มาทางตอนใต้ของเกาะ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับฤดูร้อน ภายในบริเวณมีสภาพภูมิทัศน์สวยงาม ด้านหน้าเป็นชายหาดท่าวังมี ‘สะพานอัษฎางค์’ สะพานสีขาวบริสุทธิ์ที่ทอดตัวยาวลงสู่ทะเลเป็นไฮไลท์ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันเป็นประจำ ไม่ไกลนักเป็นที่ตั้งของ ‘พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์’ ซึ่งปัจจุบันยังคงสภาพให้เห็นกันแต่เพียงฐานของตัวพระที่นั่งเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเรือนต่างๆ ให้เข้าชมทั้ง ตึกวัฒนา ตึกผ่องศรีหรือศาลาแปดเหลี่ยม ตึกอภิรมย์ และจุดสุดท้ายคือวัดอัษฏางค์นิมิตร ส่วนใครอยากพักผ่อนรับลมทะเลก็แวะไปที่หาดถ้ำเขาพัง เป็นชายหาดเล็กๆ ที่สวยงาม เหมาะแก่การลงเล่นน้ำมากๆ ส่งท้ายวันกันที่ช่องเขาขาด หรือ ช่องอิศริยาภรณ์ ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งพลับพลาชมวิวทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5 อีกด้วย ที่นี่คือจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดบนเกาะสีชัง สามารถมองเห็นขอบฟ้าบรรจบกับทะเลสุดสายตาและได้ยินเสียงคลื่ซัดเข้าฝั่งตลอดเวลา มีสะพานสำหรับเดินชมทิวทัศน์ทอดตัวยาวลงสู่เบื้องล่างลดระดับไปตามไหล่เขา เกาะสีชังไปยังไง มีเรือโดยสารออกจากเกาะลอย อ.ศรีราชา ไปเกาะสีชังทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-20.00 น. ออกทุกชั่วโมง อัตราค่าโดยสารสุดประหยัดคนละ 40 บาท ใช้เวลาเดินทางประ 45 นาที ก็ถึงเกาะสีชังแล้ว ส่วนขากลับ จากเกาะสีชัง มีเรือบริการข้ามายังเกาะลอย อ. ศรีราชา ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00-18.00 น. เรือออกทุกชั่วโมง เลือกพาหนะก่อนเที่ยวรอบเกาะ
การเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะสีชัง สามารถเลือกเดินทางได้หลายรูปแบบ ทั้งเหมาสองแถวพาเที่ยวรอบเกาะ ราคาประมาณ1,000 บาท/วัน แต่ถ้ามาเป็นครอบครัวประมาณ 4-6 คน ก็เลือกนั่งสามล้อหรือสกายแล็ป ซึ่งคล้ายรถตุ๊กตุ๊ก ราคาประมาณ 500 บาท/วัน หรือจะเช่ามอเตอร์ไซต์ตะลุยรอบเกาะก็ได้ คันละประมาณ 300 บาท/วัน ข้อมูลเพิ่มเติม - เกาะสีชัง - มีเรือโดยสารออกจากเกาะลอย อ.ศรีราชา ไปเกาะสีชังทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-20.00 น. - ออกทุกชั่วโมง อัตราค่าโดยสารสุดประหยัดคนละ 40 บาท - ใช้เวลาเดินทางประ 45 นาที ก็ถึงเกาะสีชังแล้ว - ส่วนขากลับ จากเกาะสีชัง มีเรือบริการข้ามายังเกาะลอย อ. ศรีราชา ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00-18.00 น. - เรือออกทุกชั่วโมง วันนี้จะพาทุกคนไปชมองค์พ่อแก่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!!! ซึ่งสำหรับลูกศิษย์ลูกหาของพ่อแก่สถานที่แห่งนี้ถือเป็นสถานที่ห้ามพลาด! องค์พ่อแก่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่ที่อุทยานปู่ฤาษีนารอด อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นอุทยานธรรมที่รวบรวมสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาไว้มากมาย เช่น องค์พระพิฆเนศขนาดใหญ่ พระศิวะ พ่อแก่ และตัวละครในวรรณคดีรามเกียรติ์ เป็นต้น เป็นแลนด์มาร์คใหม่ที่เหมาะจะพาครอบครัวไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไปเที่ยวที่เดียวได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายองค์เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพ ที่ใช้เวลาไม่นานในการขับรถมา เดินทางได้ง่ายสะดวกสบาย มีเวลาแค่วันเดียวก็มาเที่ยวได้ ใครกำลังมองหาสถานที่ทำบุญอยู่อย่าลืมแวะมาชมองค์พ่อแก่ใหญ่ที่สุดในโลก และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในอุทยานปู่ฤาษีนารอดแห่งนี้กันครับ ข้อมูลเพิ่มเติม ที่ตั้งอุทยานปู่ฤาษีนารอด : ตำบลหนองโอ่ง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เวลาเปิดปิด : 8.00 - 17.30 น. ที่มา >>> sanook,Peeranut P.
วันนี้เรามีข่าวดีมาบอกสำหรับคนที่ชื่นชอบในการชมดอกไม้สวยงาม และกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ใกล้กรุงเทพ อย่าพลาดไปชม งานมหัศจรรย์ไม้เมืองหนาว ครั้งที่ 7 : ทิวลิปบานที่ระยอง ที่จัดขึ้น ณ สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตำบลมาบข่า กิ่งอำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 - 15 สิงหาคม 2561 สัมผัสความงดงามของดอกทิวลิปและดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์ พร้อมกิจกรรมภายในงานอีกมากมาย รายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมงาน นำไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อมอบให้กับศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลเมืองมาบตาพุด ใครสนใจสามารถไปร่วมงานกันได้ถึงวันที่ 15 สิงหาคมนี้ รับรองว่าจะต้องเป็นสวรรค์สำหรับคนรักดอกไม้อย่างแน่นอน ที่มา >>> sanook
ถ้ำ ประติมากรรมจากธรรมชาติ ที่เก็บความลึกลับซ่อนความพิศวงเอาไว้ ให้ผู้คนได้เข้าไปค้นหาในความลี้ลับของธรรมชาติ ซึ่งความเชื่อในเรื่องตำนานบางครั้งได้กล่าวไว้ว่า มีถ้ำบางถ้ำคือประตูมุ่งเข้าไปสู่เมืองลับแล ดินแดนอารยธรรมของโลกคู่ขนานกับบนโลกแห่งความจริง บางตำนานก็เล่าว่ามีถ้ำบางถ้ำ คือประตูที่มุ่งไปสู่เมืองบาดาลดินแดนแห่งวังของพญานาคราช แต่ความเชื่อทางวิทยาศาสตร์ความสวยงามของถ้ำคือ แร่ธาตุที่หล่อหลอมรวมกับสภาพภูมิประเทศผสมกับอุณหภูมิ จึงเกิดเป็นแสงสีสันแสนสวยอย่างหลากสี "ถ้ำหินปูน" เกิดขึ้นจากการกัดเซาะของน้ำจนเกิดเป็นโพรงถ้ำ "ถ้ำน้ำแข็ง" เกิดจากการละลายจากธารน้ำแข็ง "ถ้ำชายฝั่ง" เกิดจากการกัดเซาะหินผาจนเกิดเป็นโพรงถ้ำด้วยเกลียวคลื่น "ถ้ำภูเขาไฟ" เกิดจากการเย็นตัวของลาวาจากภูเขาไฟ จนก่อเกิดเป็นถ้ำที่สวยงามดังที่คุณจะได้เห็น 10 ถ้ำที่สวยงามที่สุดในโลกมีที่ไหนกันบ้าง ต้องลองมาชมไปด้วยกัน 1.Reed Flute Cave (China) The Reed Flute Cave หรือถ้้ำขลุ่ยอ้อ ตั้งอยู่ที่กวางสี (Guangxi) ประเทศจีน Reed Flute Cave เป็นถ้ำหินปูน ภายในตัวถ้ำที่มีหินงอก หินย้อยที่มีสีสันสวยงาม ซึ่งบริเวณปากถ้ำมีต้นพืชปกคลุมขึ้นอยู่ ที่สามารถนำมาทำขลุ่ยได้ จึงเป็นที่มาของชื่อถ้ำว่า "The Reed Flute Cave" ตัวของถ้ำนี้มีอายุมานานมากกว่า 1,200 ปี 2.Phraya Nakhon Cave (Thailand) ถ้ำพระยานคร เป็นถ้ำที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประเทศไทย ถ้ำพระยานครมีหลุมที่ด้านบนของเพดาน จึงทำให้แสงแดดสามารถส่องผ่านเข้ามาได้ ซึ่งด้านบนหลุมของถ้ำมีสะพานที่มีชื่อว่า "สะพานแห่งความตาย" ภายในถ้ำเป็นที่ตั้งของพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เวลาเสด็จมาทอดพระเนตรอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด 3.Antelope Canyon (USA) Antelope Canyon (แอนเทอโลปแคนยอน) ตั้งอยู่ในรัฐแอริโซนา สถานที่ยอดนิยมในการเข้าไปถ่ายรูปจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา แอนเทอโลปแคนยอนถูกแกะสลักโดยธรรมชาติ ผ่านช่วงเวลามานับเป็นพันปี จากสายลมและน้ำท่วมฉับพลัน ในช่วงฤดูมรสุมของทะเลทรายแห่งแอริโซนา 4.Vatnajokull Glacier Cave (Iceland) ถ้ำน้ำแข็ง ที่ตั้งอยู่ใกล้ Vatnajokul ในประเทศ Iceland ถือได้ว่าเป็นถ้ำธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เปิดประสบการณ์สัมผัสกับความงดงามที่ซ่อนตัวอยู่ในช่องว่างของถ้ำน้ำแข็ง ที่ก่อตัวขึ้นเรียงรายด้วยความหนาวเย็นจนเป็นสีสันที่งดงาม คุณจะได้พบกับคริสตัลน้ำแข็งหลากสีที่รายล้อมไปรอบตัว เป็นดั่งอัญมณีที่มีความล้ำค่าจากธรรมชาติ 5.Batu Caves (Malaysia) ถ้ำ Batu (บาตู) ตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย เป็นถ้ำหินปูนที่มีอายุมากว่า 400 ล้านปีมาแล้ว ซึ่งในสมัยนั้นถ้ำได้ถูกใช้เป็นที่พักพิงของชนพื้นเมือง แล้วยังมีการทำการเกษตร ภายในถ้ำมีรูปปั้นฮินดูที่ได้รับการยกย่องเพื่อให้เป็นสถานที่สักการะบูชา มีเพดานถ้ำที่สูงมากด้านทางเข้ามีบันไดเพื่อเดินเข้าไปในตัวถ้ำ ถ้ำบาตูยังมีถ้ำหลักแบ่งเป็นสามส่วน โดยมีถ้ำใหญ่สุดเป็นวิหารถ้ำสร้างในแบบศาสนาฮินดู 6.Mendenhall Glacier Cave (USA) ถ้ำน้ำแข็ง Mendenhall ตั้งอยู่ใกล้กับ Juneau, Alaska USA ถ้ำแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็ง Mendenhall ถ้ำแห่งนี้ความสวยงามเกิดจาก การละลายตัวของน้ำแข็งที่เปลี่ยนไปตามสภาพภูมิอากาศ จนเกิดเป็นความสวยงามที่ธรรมชาติได้สร้างมาให้ ซึ่งมีน้ำไหลผ่านโขดหินด้านบนเพดานธารน้ำแข็งสีฟ้า เหมือนกระจกกั้นห่างไปไม่เกินปลายฝ่ามือ 7.Cave in Algarve (Portugal) ถ้ำแห่ง Benagil ชื่อที่ถูกเรียกว่าแอลการ์ฟ คือชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศโปรตุเกส เป็นสถานที่ยอดนิยมที่สุดในการท่องเที่ยวของประเทศโปรตุเกส ถ้ำแห่งแอลการ์ฟมีหน้าผาหินก่อตัวยาวจากพื้นทรายของทะเลขึ้นไปด้านบนเพดาน มีช่องว่างมองเห็นท้องฟ้าสีสดใส ส่วนด้านล่างทอดตัวยาวด้วยหาดทรายสีขาวอันน่าไปเยือน 8.Glowworms Cave (New Zealand) ถ้ำ Waitomo Glowworms Cave ตั้งอยู่ทางเหนือของประเทศ New Zealand เป็นถ้ำหินปูนเกิดจากการก่อตัวของฟอสซิลปะการัง, เปลือกหอย และสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในทะเลที่บีบอัดตัวจนเป็นหินปูน ผ่านเวลามามากกว่า 30 ล้านปี ภายในถ้ำมีแมลงขนาดเล็กที่สามารถเรืองแสงได้ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "Glowworms" สายพันธุ์ที่พบได้เฉพาะในนิวซีแลนด์ที่เดียว 9.Tham Lod Cave (Thailand) Tham Lod Cave (ถ้ำลอด) ตั้งอยู่ที่อำเภอ ปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถ้ำลอดเป็นถ้ำหินปูน มีจุดเด่นที่มีลำธารน้ำจืดไหลผ่านระหว่างกลางถ้ำประมาณ 200-300 เมตร ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม โครงสร้างภายในของกำแพงถ้ำ มีลักษณะเป็นเสาใหญ่จากการรวมตัวกันของหินงอกหินย้อย 10 Kyaut Sae Cave (Myanmar) ถ้ำ Kyaut Sae ตั้งอยู่ในประเทศพม่า เพดานถ้ำมีช่องขนาดเล็กซึ่งในตอนกลางวัน มีแสงสีส้มผสมสีฟ้าสาดส่องเข้ามาภายในถ้ำจนสวยงาม ตามตำนานโบราณของถ้ำ Kyaut Sae นั้น ได้ถูกใช้เป็นที่หลบซ่อนของชาวบ้านในยุคศตวรรษที่ 13 จากการรุกรานของจักรวรรดิมองโกล เป็นสถานที่ทำสมาธิและพลังแห่งศรัทธาของผู้ที่นับถือทางพระพุทธศาสนา ที่มา >>> Pepper,sanook
หลังจากครั้งที่แล้วะได้พาคุณผู้ชมไปทำความรู้จักจังหวัดชัยภูมิกันไปแล้ว ที่นี่ยังมีอีกหลายแลนด์มาร์คที่น่าสนใจอีกมากมาย ที่ขอบอกไว้เลยว่าใครที่เป็นสายลุย สายรักธรรมชาติต้องถูกใจแน่นอนค่ะ !! ตื่นแต่เช้ารับอากาศบริสุทธิ์ ที่ไม่ต้องออกไปไหนไกล แค่เปิดระเบียงห้องพักที่ “Pocket Park Chaiyaphum” ก็ได้รับความสดชื่นแบบกรีนๆ เขียวๆ เพิ่มพลังพร้อมออกเดินทางแล้วค่ะ ออกไปหาอะไรรองท้องกันก่อนในตัวเมืองที่ “ร้านส้มตำใต้ถุน” เป็นร้านที่คนชัยภูมิแนะนำว่าห้ามพลาด! ซึ่งมีเมนูส้มตำ รวมถึงขนมจีน ที่มีทีเด็ดอยู่ที่ น้ำยาลาว ซึ่งร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่เปิดมากว่า 41 ปีแล้วค่ะ ก่อนออกเดินทางไกล ขอสักการะ “พระธาตุปรางค์กู่” สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชัยภูมิกันก่อน .. และออกเดินทางไปที่ “มอหินขาว” ใช้เวลาเพียงแค่ 40 นาที ก็มาถึงสถานที่ Unseen ของชัยภูมิ ที่เป็นเสาหิน 5 ต้นขนาดใหญ่ ที่มีตำนานความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่ะ ออกเดินทางกันต่อประมาณ 2 ชม.จากตัวเมือง ก็มาถึงที่นี่ “ทุ่งกระมัง” ที่ตั้งอยู่ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ที่ขอบอกเลยว่า แนะนำให้มาคุ้มค่าตื่นกันที่นี่ .. เพราะที่นี่เรียกได้ว่าเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติที่สมบูรณ์ที่มีกิจกรรมส่องสัตว์ รวมถึงกางเตนท์ใกล้ชิดธรรมชาติได้ด้วย น็อตโตะก็ขอฝากคุณผู้ชมทุกคน ถ้าอยากให้ธรรมชาติอยู่กับเราไปนานๆ ก็ควรจะช่วยกันรักษาไว้ด้วยนะคะ ติดตามทริปชัยภูมิครั้งนี้แบบเต็มๆได้ในรายการMake Awake คุ้มค่าตื่น วันพฤหัสนี้ เวลา 22.45 ทางช่อง Workpoint ค่ะ ที่มา >>> sanook
|
AuthorWrite something about yourself. No need to be fancy, just an overview. Archives
January 2021
Categories |