เมื่อลมฝนมา ได้เวลาไปตามหาทะเลหมอก … กับสถานที่ท่องเที่ยวรับหน้าฝน ชมความสวยงามของธรรมชาติ และทะเลหมอกแบบจัดเต็ม ฟินสายหมอก ชุ่มฉ่ำ เลยจัดสถานที่ฟิน ๆ เอาใจคนรักทะเลหมอก ต้องลองไปฟินกันในปีนี้ พร้อมแล้วไปดูกันเลยย ว่าจะมีที่ไหนน่าเก็บกระเป๋าไปฟินกันบ้าง 1.เขาหลวง จังหวัดสุโขทัย ถึงจะเดินระยะไกลถึง 3 กิโล เหนื่อยขนาดไหน ก็ต้องหายเหนื่อย เมื่อขึ้นมาเจอกับบรรยากาศดี ๆ ของธรรมชาติ และวิวสวย ๆ ของทะเลหมอกแบบนี้ในยามเช้าที่ “เขาหลวง” สถานที่ท่องเที่ยวสุดสวยของจังหวัดสุโขทัย ภายในอุทยานแห่งชาติรามคำแหง ซึ่งจะเปิดให้ท่องเที่ยวตั้งแต่เดือน 6 เป็นต้นไป … ใครอยากฟินกับธรรมชาติ กับหมอกสวย ๆ ลองมาชมกัน 2.ห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่ ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อในเรื่องทะเลหมอกสวย ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ มีมากมายหลายที่ แต่ที่ “อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง”แห่งนี้ จะมีความฟิน ความสวยงาม และไม่ต้องเหนื่อยเดินทางอย่างที่ไหน ๆ นอนกางเต็นท์ชมดาวยามค่ำคืน ท่ามกลางบรรยากาศที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ ตื่นเช้ามาดูทะเลหมอกสวย ๆ แบบใกล้ชิด ฟินทั้งกลางคืน ตอนเช้า และอากาศที่เย็นสบาย 3.ปางอุ๋ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน สวรรค์แห่งสายหมอก ไม่ต้องไปถึงสวรรค์จริง ๆ ก็พบเจอกันได้ที่ “โครงการพระราชดำริปางตอง 2” หรือที่รู้จักกันอีกชื่อ “ปางอุ๋ง”สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ชมสายหมอกพาดผ่านสายน้ำ สุดแสนโรแมนติก พร้อมล่องเรือชมบรรยากาศสุดฟิน ท่ามกลางความเงียบสงบในยามเช้า 4.บ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน สัมผัสบรรยากาศของหมู่บ้านจีนยูนนาน มากมายไปด้วยวัฒนธรรม และธรรมชาติสุดงดงาม ชิมอาหารท้องถิ่นขนานแท้แบบฉบับจีนยูนนาน ชมสายหมอกลอยเหนือแม่น้ำ ให้บรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติก ฟินในยามเข้า ชมไร่ชาขั้นบันได จิบชาหอม ๆ กันจากไร่ สดชื่นกันทั้งวัน 5.เขาตะเคียนโง๊ะ จังหวัดเพชรบูรณ์ สถานที่พักผ่อน ลานกางเต็นท์ สัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด พร้อมชมวิวทิวทัศน์ ขุนเขา สายหมอก แสงอาทิตย์ยามเช้า ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ อากาศเย็นสบาย 6.ไปรษณีย์เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของอำเภอเขาค้อ จุดรวมตัวของนักท่องเที่ยวที่มารอรับชมบรรยากาศทะเลหมอกยามเช้า ปลุกคลุมไปทั่วบริเวณรอบ ๆ พร้อมรับชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม ไม่แพ้กับที่ไหน ๆ ภายในจุดชมวิวยังมีมุมถ่ายรูปอีกมากมายให้รองรับนักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปเข็คอิน โชว์ความฟินของทะเลหมอกแห่งนี้ 7.ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ นึกถึงทะเลหมอกสวย ๆ ต้องมาที่ “ภูทับเบิก” สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของจังหวัดเพชรบูรณ์ จุดเช็คอินของคนรักทะเลหมอกที่จะมาเช็คอิน รอชมความสวยงามในยามเช้า รับอากาศเย็นสบายแห่งนี้ในทุกปี ไม่ว่าจะหน้าฝน หรือ หน้าหนาว มาที่นี่ฟินได้ทุกฤดู ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Paapaii
0 Comments
บรรยากาศที่มองดูคล้ายกับอยู่นอกโลก ด้วยธรรมชาติที่สร้างสรรค์ให้สันเขามีการหลดหย่อนไล่ระดับกันเหมือนกับพื้นผิวดาวดวงอื่นนอกโลกนี้ เป็นบรรยากาศที่คุณจะสัมผัสได้ที่ดอยตาปัง อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ดอยตาปัง ตั้งอยู่ที่อ.สวี จ.ชุมพร เป็นแหล่งท่องเที่ยวไม่ไกลจาก กรุงเทพมหานคร มากนัก การเดินทางขึ้นไปสู่ยอดดอยตาปังนั้นจะมีรถนำเที่ยวมารอรับที่ตลาดเขาปีบ เพื่อนำนักท่องเที่ยวขึ้นสู่ดอยตาปัง ที่นีมีชุมชนชาวบ้านอาศัยอยู่หลายหมู่บ้าน ทำอาชีพส่วนใหญ่ทำสวนทุเรียน, ยางพารา, มังคุด, เงาะ อยู่เต็มข้างทางที่เราเดินทาง ด้านบนจุดชมวิวซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็คือวิวสันเขาเหมอนี ที่ทอดยาวออกไปแบบพาโนรามา ในยามเช้ามีสายหมอกโอบล้อมสันเขาเหมอนี นี้เอาไว้ เหลือเอาไว้เพียงยอดเขาแหลมๆ ที่โผล่พ้นทะเลหมอกออกมา มองดูแล้วคล้ายกับหุบเขาอวตารที่ประเทศจีนมากๆ ยิ่งในยามเช้าที่มีแสงอาทิตย์ลอดผ่านมาอาบทะเลหมอกให้กลายเป็นสีทองด้วยยิ่งสวยงาม เป็นอีกหนึ่งอันซีนไทยแลนด์ที่หลายคนยังไม่รู้จัก เดินทางง่าย แถมเต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ใกล้ๆ ดอยตาปังมีน้ำตกคลองเพราที่สามารถไปเล่นน้ำกันได้แบบฟินๆ ด้วย เป็นการตอกย้ำกว่าดินแดนในแถบนี้เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามจริงๆ เหมาะแก่การมาเที่ยวในทุกฤดู หากใครเป็นนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติแล้วยังไม่เคยมาที่นี่แนะนำเลยว่าไม่ควรพลาด เก็บกระเป๋า แล้วมาเก็บความสุขที่ดอยตาปังกัน - ที่ตั้งดอยตาปัง : ตำบล เขาทะลุ อำเภอ สวี จังหวัด ชุมพร - ค่าบริการขึ้น-ลงดอย :1000 บาทต่อคัน นั่งได้ 10 คน - ค่ากางเต็นท์ : 100 บาท (เช่าเต็นท์ 300 บาท) ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
หากพูดถึงประเพณีงานบั้งไฟที่จัดขึ้นเพื่อบูชาพญาแถนและขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาลนั้น หลายๆ คนคงจะนึกถึงงานบั้งไฟที่ยโสธร หรือในหลายๆ จังหวัดของภาคอีสานกันเป็นส่วนมาก แต่จริงๆ แล้วงานบั้งไฟนั้นยังมีการจัดกันอย่างแพร่หลายในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ หนึ่งในนั้นก็คืองานฮักบั้งไฟพุเตย อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ พื้นที่รอยต่อภาคเหนือและภาคอีสาน ที่มีการจัดงานบั้งไฟขึ้นเป็นประจำทุกปี และที่สำคัญนี่คืองานบั้งไฟที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือด้วย! งานฮักบั้งไฟพุเตยได้จัดผ่านพ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2562 โดยมีการรวมตัวกันของชาวบ้านและหน่วยงานราชการในการจัดงาน มีขบวนแห่บั้งไฟ และการแสดงจากชุมชนต่างๆ ที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์และวิถีชีวิตของชาวพุเตยแต่โบราณนานมา นอกจากนี้ในวัดสุดท้ายยังมีการจัดแข่งขันบั้งไฟแสน และบั้งไฟหมื่น สร้างความตื่นตาตื่นใจและสนุกสนานให้แก่ผู้เข้าร่วมงานด้วย ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม หากปีหน้าใครอยากจะมาชมบรรยากาศของบั้งไฟด้วยตาตัวเอง อยากจะมาเห็นการจุดบั้งไฟของจริงว่าเป็นอย่างไร สามารถมาร่วมงานได้ที่บริเวณหน้าเทศบาลพุเตยแห่งนี้เช่นเคย บอกเลยว่าสนุก ตื่นเต้น ห้ามพลาด ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
วันนี้ จะพาคุณไปเปิดแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองนครสวรรค์ ซึ่งตั้งอยู่ริมปากแม่น้ำเจ้าพระยา มีชื่อเก๋ๆ ว่าพาสาน พาสานเป็นสถาปัตยกรรมรูปทรงสวยโดดเด่นที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของปากแม่น้ำเจ้าพระยาในจังหวัดนครสวรรค์ ตัวแบบจะมีทรงคล้ายๆ กับสายน้ำที่ไหลสลับซับซ้อนกันเป็นชั้นๆ มองดูสวยงามสะดุดตา ย้อมด้วยสีน้ำตาลเพิ่มความน่าค้นหาให้มากขึ้นไปอีก นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของปากแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว พาสานแห่งนี้ยังถือได้ว่าเป็นมุมถ่ายรูปที่เก๋ๆ มากๆ แนะนำให้มาถ่ายรูปเล่นกันในช่วงแดดร่มลมตก คุณจะได้รูปภาพที่ดูครีเอทไปแบบสุดๆ ไปเลย เรียกได้ว่าเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ที่น่าสนใจและมีความสร้างสรรค์มากๆ ใครอยากจะไปสัมผัสด้วยตาตัวเอง ลองแวะไปได้ที่บริเวณ ตำบลปากน้ำโพ ตัวเมืองนครสวรรค์นั่นเอง ที่ตั้งพาสาน : ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
เข้าสู่ช่วงหน้าฝนแบบนี้หลายๆ คนคงกำลังมองหาที่เที่ยวหน้าฝนกันอยู่ ฤดูที่ชุ่มฉ่ำและมีธรรมชาติที่สวยงามแบบนี้ มีสถานที่เที่ยวแห่งหนึ่งมาแนะนำให้คุณได้ลองไปดู วังเคียงคู่สายน้ำใสไหลเย็นที่เขาหลักจังหวัดพังงาคือจุดหมายปลายทางที่เราอยากจะให้ทุกคนได้ไปสัมผัส ที่วังเคียงคู่มีกิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ซึ่งถือเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวแนวธรรมชาติกึ่งแอดเวนเจอร์ ซึ่งเหมาะมากที่จะมาสัมผัสกันในช่วงหน้าฝน เพราะว่าน้ำในลำธารจะมีความใสสะอาดเนื่องจากถูกชะล้างจากสายฝน ต้นไม้ใบหญ้าสองฝั่งข้างทางจะถูกเติมเต็มไปด้วยความความชุ่มฉ่ำจากสายน้ำ เปล่งสีออกแสงสีเขียวไปทั่วทั้งผืนป่ามองดูแล้วน่าชื่นใจเป็นอย่างมาก โดยกิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ที่วังเคียงคู่นั้นจะใช้เวลาในการล่องแพประมาณ ครึ่งชั่วโมง ผ่านระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร ความเงียบสงบจะช่วยดึงคุณเข้าไปอยู่ในภวังค์แห่งธรรมชาติ และช่วยผ่อนคลายจากความเครียด ความเหนื่อยล้าให้กับคุณ ตลอดเส้นทางนั้นเราจะได้ดื่มด่ำกับความสมบูรณ์ของธรรมชาติ บางช่วงมีแก่งหินเป็นชั้นๆ ให้ได้ตื่นเต้นกันตลอดระยะทาง และหากโชคดีคุณจะได้เจอกับเจ้างูเขียว เจ้าถิ่นของวังเคียงคู่ซึ่งจะชอบนอนขดตัวอยู่ตามกิ่งไม้นั่นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณจะได้เจอในการล่องแพไม้ไผ่วังเคียงคู่ ไมว่าจะเป็นความเขียวขจีของป่าไม้ ความใสสะอาดของแหล่งน้ำ สัตว์ป่านานาชนิด ล้วนเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์และสวยงามของธรรมชาติ ที่ยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม เป็นแหล่งท่องเที่ยวในช่วงหน้าฝนของจังหวัดพังงาที่ควรค่าแก่การมาสัมผัสอย่างแท้จริง ข้อมูลเพิ่มเติม - ติดต่อล่องแพวังเคียงคู่ : บริษัท Komol Corner Bamboo Rafting โทร 089-727 3021 - ราคาล่องแพ : 500 บาทต่อแพหนึ่งลำ ( 1 ลำสามารถนั่งได้ 2-3 คน แล้วแต่ขนาดตัว) - สถานที่ขึ้นแพ : ร้านโกมล อาหารตามสั่ง ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
เชื่อเลยว่าหากใครได้เห็นภาพอุโมงค์ดอกไม้สีแดงต่อไปนี้จะต้องตื่นตาตื่นใจในความสวยงามแน่นอน บรรยากาศอันน่ามหัศจรรย์ราวกับอยู่เมืองนอกแบบนี้ เชื่อหรือไม่ว่าเป็นภาพที่ถ่ายที่ปากช่อง โคราชนี่เอง อุโมงค์ดอกไม้สีแดงหรืออุโมงค์ดอกหางนกยูง มีพิกัดอยู่ที่ บ้านกอก ถนนโยธาธิการ ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งในช่วงนี้ดอกหางนกยูงได้ออกดอกพร้อมเพียงกันบานสะพรั่งไปทั่วทั้งสองฝั่งถนนเกิดเป็นภาพความงดงามที่เกินจะบรรยาย กลายเป็นจุดเช็กอินถ่ายรูปแห่งใหม่ของปากช่องที่ใครต่อใครขับรถผ่านก็ต่างสะดุดตา ซึ่งในปีหนึ่งนั้นจะมีให้ชมเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น หากใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวในโซนปากช่องเขาใหญ่ ลองแวะไปถ่ายรูปเช็กอินที่อุโมงค์ต้นหางนกยูงกันครับ พิกัดอุโมงค์ต้นหางนกยูง : บ้านกอก ถนนโยธาธิการ ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ขอบคุณข้อมูลและภาพปะกอบจาก : sanook , Peeranut P.
หน้าฝนกำลังพัดผ่านเข้าสู่ในหลายๆ ภูมิภาคของประเทศไทยในช่วงนี้ เป็นอีกหนึ่งฤดูที่เหมาะแก่การออกมาท่องเที่ยวพักผ่อนดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดชุมฉ่ำในช่วง Green Season แบบนี้ ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าการมาเที่ยวทะเลในหน้าฝนนั้นอาจจะดูไม่เหมาะนัก แต่หากคุณได้ลองปรับมุมมอง ลองมาดูความสวยงามของทะเลในหน้าฝนแล้วจะรู้ว่าทะเลในช่วงนี้นั้นสดชื่นอย่าบอกใครเลยทีเดียว วันนี้ จะพาคุณไปสัมผัสกับกลิ่นของสายฝนและมนต์เสน่ห์ริมทะเลเขาหลัก จังหวัดพังงา กับที่พักสุดชิลไสตล์บาหลีที่อยากจะให้คุณได้ลองมาสัมผัส ที่ Eden Beach Resort Khaolak ที่นี่เป็นที่พักวิลล่าสไตล์บาหลีที่ถูกตกแต่งมาตามธีมได้อย่างสวยงาม ตั้งแต่หน้าล็อบบี้ไปยันตัวที่พักนั้นล้วนคงคอนเซ็ปต์ความเป็นบาหลีเอาไว้ได้อย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นการใช้หลังคามุงจากแบบที่เราเคยเห็นกันตามที่พักแบบบาหลีต่างๆ รวมไปถึงการปรับปรุงพื้นที่ให้ถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวขจี ซึ่งในหน้าฝนแบบนี้ยิ่งทำให้ต้นไม้นั้นดูสวยงามยิ่งขึ้นไปอีกมากเลยทีเดียว ในส่วนของอาคารที่พักนั้นมีความผสมผสานระหว่างสไตล์บาหลี และสไตล์ซานโตรินีประเทศกรีซ คือตัวอาคารจะเน้นใช้สีขาวล้วน มีเอกลักษณ์และดีไซน์ที่ดูสวยงามแปลกตา ส่วนหลังคาและการตกแต่งภายในนั้นจะเป็นสไตล์บาหลีทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ที่พักของ Eden Beach จะมีทั้งหมด 6 แบบ ได้แก่ 1.Superior Room 2.Deluxe Room 3.Tropical Room 4.Grand Deluxe Room 5.Eden Suite 6.Two Bedrooms Private Pool Villa ซึ่งที่พักทั้ง 6 แบบนั้นก็จะมีลักษณะเฉพาะตัวและราคาที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่มีเหมือนกันนั่นก็คือเฟอร์นิเจอร์ระดับคุณภาพและการตกแต่งที่ดูหรูหรา เหมาะแก่การมาพักผ่อนอย่างยิ่ง มาต่อกันที่โซน Beachfront ริมทะเลเขาหลัก โซนนี้จะมีสระว่ายน้ำส่วนกลางขนาดใหญ่ ที่บรรยากาศดีมากๆ ได้เครื่องดื่มเย็นๆ สักแก้ว นอนบนเตียงชายหาด ชมวิวทะเลที่แสนจะเงียบสงบ มีกลิ่นฝนลอยโชยมาอ่อนๆ เป็นความสุขของการท่องเที่ยวในช่วงหน้าฝนอย่างแท้จริง อีกสิ่งหนึ่งที่เราชื่นชอบสำหรับ Eden Beach ก็คือการตกแต่งและดีไซน์ที่พักที่ทำออกมาได้ดูแปลกตาและงดงามมากๆ ไม่ว่าจะเดินไปมุมไหนก็มีมุมให้ได้ถ่ายรูปสวยๆ กันอย่างจุใจ เรียกได้ว่ามาที่นี่ได้เก็บรูปความประทับใจกลับไปกันเป็นสิบๆ รูปแน่นอน ในส่วนของอาหารเช้านั้นที่ Eden Beach ก็มีให้บริการกับห้องอาหารเช้าสไตล์บาหลีที่ให้บริการอาหารนานาชาติสำหรับแขกที่เข้าพัก อาหารอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว สามารถมาฝากท้องกันได้สำหรับคนที่มาพักที่นี่ โดยรวมแล้วนี่คือรีสอร์ทสไตล์บาหลีที่ตกแต่งและคงคอนเซ็ปต์แบบบาหลีได้เป็นอย่างดีมากๆ เป็นทั้งมุมถ่ายรูปสวยๆ และที่พักหรูหราระดับ High-End ที่เหมาะจะมาพักผ่อนกันได้ทั้งครอบครัว แอบกระซิบบอกเลยว่าในช่วงหน้าฝนแบบนี้ที่พักจะมีราคาถูกลงมาก ถึงแม้ว่าอาจจะไม่มีแสงแดดให้เห็นท้องฟ้าใสๆ แต่ได้บรรยากาศของเมฆที่มืดครื้มปกคลุมท้องทะเล ลมเย็นๆ ที่พัดมาตลอดทั้งวันก็เป็นอีกหนึ่งฟีลของการท่องเที่ยวที่จะสร้างความทรงจำแสนพิเศษให้กับคุณได้เหมือนกัน ลองมาสัมผัสกับทะเลในหน้าฝนกันดู ไม่แน่ว่าคุณอาจจะตกหลุมรักไปอย่างไม่รู้ตัว ที่ตั้ง Eden Beach Resort : หมู่ที่ 2 12/12 ตำบล ลำแก่น อำเภอ ท้ายเหมือง จังหวัด พังงา ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
ชาวบ้านในอำเภอกาญจนดิษฐ์และใกล้เคียง พาบุตรหลานเข้าแช่น้ำความร้อน ที่น้ำตกเพชรพนมวัฒน์ บ้านคีรีรอบ ต.ป่าร่อน อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ฯ ในเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ซึ่งเป็นต้นทุนที่สวยงามที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้ มีความอุดมสมบูรณ์ มีน้ำตกที่สวยงามและร่มรื่น โดยเฉพาะหินชั้นที่มีความสูงกว่า 80 เมตร ที่หาดูได้ยากในภาคใต้ พร้อมมีนำ้ไหลจากส่วนบนสุดผ่านชั้นลงสู่ด้านล่าง ตลอดทั้งปี จนเกิดเป็นแอ่งน้ำให้ประชาชนได้เล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างมีความสุข นอกจากนั้นยังมีผีเสื้อหลากหลายชนิด ให้ได้ศึกษาระบบนิเวศ จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่อุทยานฯจะได้ร่วมกับนักธรณีวิทยา เข้าสำรวจชั้นหินของน้ำตกแห่งนี้ เพื่อเป็นข้อทางวิชาการของแหล่งท่องเที่ยวแหล่งนี้ ที่ได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ตามโครงการประชาคมเศรษฐกิจพอเพียงหมู่บ้านคีรีรอบ ที่ทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 ที่เข้ามาส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชนรอบแนวป่า เพื่อสร้างรายได้เสริมเพิ่มรายได้ให้กับครัวเรือนของประชากร จากกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนที่ชาวบ้านต้องการก่อให้เกิด เพื่อจะผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและเกิดโฮมสเตย์ของชาวบ้านในละแวกนี้ได้มีอาชีพเสริมจากอาชีพเกษตรกร ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
ถือว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญของจังหวัดเชียงรายไปแล้ว ไม่ใช่เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยแต่ยังสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลกสำหรับ โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ภายใต้การดำเนินงานของ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ สมเด็จย่า จากพระราชปณิธาน “ฉันจะปลูกป่าที่ดอยตุง” เพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิต พร้อมฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ที่มากด้วยมนต์เสน่ห์โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและสายหมอก สามารถไปเที่ยวได้ทุกช่วง ทุกฤดู สถานที่ซึ่งมีประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ๆ มากมายรอให้ทุกคนไปสัมผัสกันแบบใกล้ชิด ทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม ในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ จนล่าสุด กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ประกาศให้ โครงการพัฒนาดอยตุงฯ เป็น 1 ใน 10 สุดยอดแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของไทยที่ห้ามพลาด!! เพราะเป็นสถานที่ให้ความรู้ทางด้านศิลปวัฒนธรรมไทยและมีพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับบุคคลทั่วไป จนสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักของชาวไทยและชาวต่างชาติ วันนี้เลยจะพาไปเรียนรู้แหล่งท่องเที่ยวที่มากไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมแห่งนี้ เริ่มจุดแรกจากการกราบสักการะพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จย่า ณ พระตำหนักดอยตุง สถานที่ประทับทรงงานของสมเด็จย่า เมื่อครั้งทรงริเริ่มโครงการพัฒนาดอยตุงฯ เมื่อปี 2531 เป็นอาคารที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบสวิสชาเลต์ (Swiss Chalét) กับสถาปัตยกรรมแบบล้านนา ประกอบด้วยไม้แกะสลักโดยฝีมือสล่าพื้นบ้าน (ช่างฝีมือ) ระเบียงด้านหลังประดับด้วยดอกไม้สวยงาม ด้านหน้าจัดเป็นสวนดอกไม้นานาพันธุ์ มองเห็นทิวทัศน์กว้างไกลไปถึงแม่น้ำโขง และทิวเขาฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ภายในตกแต่งแบบเรียบง่าย สง่างาม เน้นประโยชน์ใช้สอยอย่างพอดี สะท้อนพระราชจริยวัตรอันเรียบง่ายของเจ้าของบ้านได้อย่างชัดเจน ตัวพระตำหนักยังได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีและเปิดให้ประชาชนเยี่ยมชมได้ทุกวัน จุดต่อมาทางทิศเหนือของพระตำหนักดอยตุงจะพบ สวนแม่ฟ้าหลวง สวนไม้ดอกไม้หลากสีสัน กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา บนพื้นที่ 25 ไร่ ภายในสวนถูกตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม ดูแลอย่างดี ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกดอกตลอดปี กลางสวนเป็นที่ตั้งของประติมากรรมชื่อ “ความต่อเนื่อง” (Continuity) สมเด็จย่าพระราชทานชื่อนี้ เพื่อสื่อความหมายว่า การทำงานใดๆ จะสำเร็จได้ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ผลงานของ มีเซียม ยิบอินซอย ศิลปินชื่อดังของไทย ในสวนแม่ฟ้าหลวง ยังมีคอลเลกชั่นกล้วยไม้รองเท้านารี ดอกไม้ทรงโปรดของสมเด็จย่า และมีกิจกรรมผจญภัยบนทางเดินเรือนยอดไม้ “Doi Tung Tree Top Walk” ซึ่งสูงกว่า 30 เมตร ระยะทาง 297 เมตร ให้นักท่องเที่ยวได้เดินศึกษาพรรณไม้และสัมผัสบรรยากาศท่ามกลางป่าร่มรื่นในสวนแม่ฟ้าหลวงอย่างใกล้ชิด อีกจุดที่พลาดไม่ได้คือ หอแห่งแรงบันดาลใจ นิทรรศการสื่อผสมผสานที่รวบรวมพระราชประวัติราชสกุลมหิดล หลักการอภิบาลพระราชโอรสและพระราชธิดาของสมเด็จย่าจนเติบใหญ่เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ทั้งยังถ่ายทอดเรื่องราวของครอบครัวอันอบอุ่นของราชสกุลมหิดล เริ่มตั้งแต่สมเด็จย่าทรงเป็น “เด็กหญิงสังวาลย์” ที่ใฝ่ดีและแสวงหาโอกาส จนเป็น “คู่ชีวิตเจ้าฟ้า” ที่ได้ซึบซับพระราชปณิธานอันแรงกล้าในการทรงงานเพื่อแผ่นดินไทยและกลายเป็น “แม่ฟ้าหลวง” ของประชาชนชาวไทย ตลอดจนการสื่อพระราชภารกิจอันยิ่งใหญ่ของ “พระมหากษัตริย์ของประชาชน” เพื่อแก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชน ทำให้ทุกวันนี้ทั้งคนและผืนป่าของดอยตุง ได้รับการพลิกฟื้นคืนสู่ชีวิตที่พอเพียงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เชื่อว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่รวมถึงชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวดอยตุง จะเข้าใจดอยตุงดินแดนที่มีแต่แรงบันดาลใจให้กับทุกๆคนมากยิ่งขึ้น จากโครงการพัฒนาดอยตุงเราขับรถขึ้นไปอีกเล็กน้อยเพื่อเดินทางไปชมสวนดอกไม้หลากหลายชนิด สัมผัสอากาศเย็นสบาย รอชมพระอาทิตย์ตกที่ “สวนรุกขชาติดอยช้างมูบ” ที่ตั้งอยู่บนยอดสูงสุดของเทือกเขานางนอน ดอย สูง 1,509 เมตรเหนือกว่าระดับน้ำทะเล บนพื้นที่ 250 ไร่ เดิมเป็นพื้นที่หลักในการปลูกฝิ่น ก่อนจะถูกฟื้นฟูสภาพป่า เพื่อเป็นแหล่งต้นน้ำดังเดิม แวดล้อมด้วยป่าสน ต้นนางพญาเสือโคร่ง หรือ ต้นซากุระเมืองไทย ต้นเสี้ยวดอกขาว ดอกกล้วยไม้พื้นเมือง และดอกกุหลาบพันปีหลากหลายสายพันธุ์ บางต้นมีอยู่นับร้อยปี นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งชมนกหลากสายพันธุ์ ทั้งนกท้องถิ่นและนกอพยพ ทั้งนี้ โครงการพัฒนาดอยตุงฯ ตั้งอยู่บนเทือกเขานางนอน จังหวัดเชียงราย ติดกับชายแดนเมียนมา ครอบคลุมพื้นที่ 106,980 ไร่ ประกอบด้วย 6 ชนเผ่าหลัก ได้แก่ อาข่า ลาหู่ ไทยใหญ่ ไทยลื้อ ไทยลัวะ และจีนยูนนาน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีสัญชาติ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
หากคุณเป็นนักท่องเที่ยวสายถ่ายรูป ที่ชื่นชอบในการไปหาโลเคชั่นถ่ายรูปสวยๆ นั้น Sanook! Travel ขอแนะนำเลยว่าคุณไม่ควรพลาดที่นี่ด้วยประการทั้งปวง สำนักสงฆ์เขาพระครู ศาสนสถานอันงดงามไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ที่นี่ตั้งอยู่ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย นอกจากเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธแล้ว ด้วยความที่โลเคชั่นที่ตั้งวัดนั้นอยู่บนยอดเขาจึงทำให้มีวิวทิวทัศน์ที่งดงามมากๆ มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ดูแปลกตามากมาย ที่สามารถมองเห็นเมืองศรีราชาได้แบบพาโนรามา เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป นอกจากจะได้รูปภาพสวยๆ แล้วยังได้สักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้านบนวัดด้วย ใครมีเวลาในช่วงเสาร์อาทิตย์นี้ลองขับรถไปเที่ยวชมกันดูรับรองว่าสวยงามไม่ผิดหวังแน่นอน ที่ตั้งวัดเขาพระครู : ตำบลสุรศักดิ์ อำเภอ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
|
AuthorWrite something about yourself. No need to be fancy, just an overview. Archives
January 2021
Categories |