พังงา เมืองสวยในหุบเขา ที่นี่มีเสน่ห์ทางด้านการท่องเที่ยวธรรมชาติมากมายทั้งภูเขาและทะเล แต่ในวันนี้นอกจากความสวยงามตามธรรมชาติแล้วเมืองพังงายังได้มีแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่จะเป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชมในอนาคต นั่นก็คือสตรีทอาร์ทในย่านเมืองเก่าพังงา โดยใช้พื้นที่ตามกำแพงบ้านและอาคารต่างๆ ของชาวพังงาที่ยินดีพร้อมใจให้ใช้พื้นที่ในการสร้างสรรค์งานศิลปะลงบนกำแพง ซึ่งผลงานสตรีทอาร์ทในเมืองพังงานี้เป็นฝีมือของ ALEX FACE ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวภายใต้คอนเซ็ป Story of The Wonderful Town เรื่องราวเมืองสวยในหุบเขา เล่าเรื่องราวของเมืองพังงาผ่านภาพ Street Art ที่เป็น Character น้องมาร์ดี หรือ หนูน้อยสามตา ซึ่งเป็นชื่อของลูกสาวคุณ Alex โดยจุดเช็กอินถ่ายรูปกับสตรีทอาร์น้องมาร์ดีนี้จะมีทั้งหมด 3 จุดได้แก่ 1."น้องมาร์ดีร่อนแร่" History of Mining "แร่หมืนล้าน " หนึ่งในคำขวัญของจังหวัดพังงา ที่กล่าวถึงอดีตที่รุ่งเรืองในการทำเหมืองแร่ซึ่งสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยมาหลายสมัย เมืองแห่งความอุดมสมบูรณ์ท่ามกลางขุนเขาที่สวยงาม พิกัด : แยกโรงเรียนอนุบาลเก่า ถนนโรงเรือ ตรงข้ามสำนักงานธนารักษ์ พื้นที่พังงา 2.น้องมาร์ดีเชิดสิงโต "Lion Dance" ชุมชนชาวจีนเมืองพังงา อันมีศาลเจ้ามาจ้อโป๋เป็นศูนย์รวมจิตใจ ทุกๆ ปี ลูกหลานจะมารวมตัวกันในเทศกาลต่างๆ เป็นความผสมผสานระหว่างความรัก ครอบครัว และ ความศรัทธา โดยการเชิดสิงโตนั้นจะ นำความสุข ความเจริญ และ ขับไล่สิ่งชั่วร้าย ให้คนพังงามีความสุขในเมืองแห่งนี้ พิกัด : ข้างร้านขนมจีนป้าศล ตรงข้ามศาลเจ้ามาจ้อโป๋ 3.เรือใบในขวดแก้ว "Memory in The Bottle" จากการทำเหมืองแร่ ก่อให้เกิดการค้าขายจากทะเลอันไกลโพ้นโดยเรือสำเภา ล่องจากทะเลอันกว้างใหญ่สู่คลองงากลางหุบเขา การแลกเปลี่ยนสินค้า การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนภาษา ถูกผสมผสาน และ ส่งต่อสู่ปัจจุบันโดยการบอกเล่าจากบรรพบุรุษสู่ลูกหลาน ความทรงจำยังคงอบอวลในเมืองแห่งความสุขแห่งนี้เสมอ พิกัด : ซอยบำรุงราษฎร์ ตรงข้าม TOT สาขาพังงา ซึ่งทั้ง 3 โลเคชั่นสตรีทอาร์ทนี้ถือได้ว่าเป็นมุมมองที่แปลกใหม่สำหรับเมืองพังงา และถือเป็นมุมถ่ายรูปที่ดูงดงามมากๆ ศิลปะบนกำแพงบอกเล่าเรื่องราวรอให้ผู้คนมาเก็บเกี่ยวความทรงจำ หากใครได้มีโอกาสมาเที่ยวพังงากันในครั้งต่อไปอย่าลืมแวะมาถ่ายรูปและชื่นชมงานศิลปะบนกำแพงในย่านเมืองเก่าพังงากัน ลองมาเที่ยวกันดูแล้วคุณจะรู้ว่าพังงาไม่ได้มีดีแค่ทะเล ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
0 Comments
เริ่มขึ้นแล้วสำหรับเทศกาลชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ออกดอกบานสะพรั่งในช่วงที่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ซึ่งเป็นประจำในทุกปีที่ทั้งช่างภาพและนักท่องเที่ยวจะเดินทางไปชื่นชมความสวยงามของดอกชมพูพันธุ์ทิพย์แปลงนี้กัน โดยในช่วงนี้ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์กำลังเบ่งบานสะพรั่งทั่วทั้งแปลง เป็นภาพความโรแมนติกของดอกไม้สีชมพูที่งดงามเป็นอย่างมาก ทั้วทั้งสองฝั่งถนนจะเต็มไปด้วยสีชมพูของดอกไม้ที่ร่วงโรยลงมา ปูพื้นทางเดินจนกลายเป็นสีชมพู บรรยากาศเหมือนกับอยู่ที่ญี่ปุ่นหรือเกาหลีเลยทีเดียว ซึ่งนี่ถือเป็นโลเคชั่นถ่ายรูปที่สวยงามมากๆ ในหนึ่งปีจะมีให้ชมเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ใครที่รอจะชื่นชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ในปีนี้กันอยู่อย่ารอช้ารีบแต่งชุดสวยๆ และเดินทางไปถ่ายรูปที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนกัน ซึ่งในมหาวิทยาลัยมีรถรางรับส่งจากหน้าประตูมหาวิทยาลัยไปส่งที่แปลงต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ด้วย เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ได้เป็นอย่างดี รับรองว่าไปเที่ยวที่นี่จะต้องได้รูปสวยๆ กลับมาเป็นของฝากกลับบ้านแน่นอน พิกัดแปลงดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ : 1 หมู่ที่ 6 ตำบล กำแพงแสน อำเภอ กำแพงแสน จังหวัด นครปฐม ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
ท่ามกลาง สภาพอากาศที่กำลัง เย็นสบาย อุณหภูมิประมาณ 20 องศาเซลเซียสโดยบรรยากาศที่ บริเวณพื้นที่ ตำบลร่องเคาะ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง ยังคงมีแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่กำลังเริ่มได้รับความนิยม เป็นจุดชมทะเลหมอกของ วัดพระธาตุสบลืน ตำบลร่องเคาะ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง โดยมีจุดชมวิวทะเลหมอกที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 1,200 เมตรและวัดสบลืนนั้นตั้งอยู่บนพื้นที่เขาพระบาท และ เมื่อมองลง มาจากทะเลหมอกด้านล่าง ก็จะเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของอำเภอแจ้ห่มและอำเภอวังเหนือ โดยวัดแห่งนี้จะตั้งอยู่ริมถนนสายแจ้ห่ม วังเหนือ เป็นสถานที่โบราณสถานและร่องรอยอารยธรรมของพระพุทธศาสนาที่มีมายาวนานกว่า 500 ปี โดยมีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ บนพื้นป่าอนุรักษ์กว่า 1 หมื่นไร่ และบนพื้นที่แห่งนี้มีหน้าผาที่สวยงาม สามารถ มองเห็นพื้นที่อำเภอวังเหนือ และ อำเภอแจ้ห่ม ท่ามกลางสภาพที่มีทะเลหมอกบางๆ ที่ ปกคลุมสวยงามและอากาศหนาวอุณหภูมิเย็นสบายประมาณ 20 องศา และขณะนี้ทางวัดและทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น กำลังเร่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ตามธรรมชาติ ให้ เป็นธรรมชาติให้เป็นแหล่งศึกษาทางอารยธรรมทางพระพุทธศาสนาต่อไป ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
ภูค้อ เป็นที่เที่ยวใหม่ของจังหวัดเลย ตั้งอยู่ในตำบลนาแห้ว บนพื้นที่ป่าชุมชนที่ทำกินของชาวบ้าน ชาวบ้านที่ไปหาของป่าเป็นคนค้นพบ ภูแห่งนี้สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 900 เมตร ทำให้อากาศข้างบนเย็นสบาย น่ามากางเต็นท์สัมผัสลมหนาวและเฝ้ามองดูทะเลหมอก แถมคนยังไม่ค่อยรู้จักมากนักเพราะเพิ่งเปิดให้ท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2561 นี่เอง – พร้อมแล้วก็ไปหลงเลยที่ภูค้อกัน! การขึ้นไปบนภูค้อนั้นต้องใช้บริการรถอีแต๊กของชาวบ้าน เพราะทางขึ้นภูนั้นวิบากเข้าขั้นไม่ธรรมดา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจะถึงจุดกางเต็นท์ รถอีแต๊ก 1 คัน ราคาเหมาคันละ 500 บาท ขึ้นได้ไม่เกินคันละ 5 คน ระหว่างทางขึ้นเราจะเห็นทิวทัศน์ภูเขาลูกอื่นและไร่นาพื้นที่เกษตรของชาวบ้านด้วย สับปะรดที่เก็บมาสด ๆ จากไร่นั้นน่ากินมากนะ พอขึ้นมาถึงข้างบนแล้วเราก็เดินไปหาจุดชมวิวก่อนเลย อยากบอกว่าพระอาทิตย์ตกที่นี่สวยมาก ใครชอบถ่ายภาพเก็บเป็นความทรงจำรับรองไม่ผิดหวัง อย่าลืมเตรียมกล้องมาให้ดีๆ ทั้งแบตเตอรีและเมมโมรีการ์ดจะได้กดชัตเตอร์กันไม่ยั้ง อากาศข้างบนก็กำลังเย็นสบายไม่หนาว ที่สำคัญไม่มียุงมารบกวนเลย ข้างบนยังมีห้องน้ำไว้บริการด้วย พอถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกเสร็จเราก็เริ่มหิว จึงมานั่งล้อมวงกินเมนูเด็ดนั่นก็คือหลามไก่ ราคา 150 บาทเท่านั้น พออิ่มก็ถึงเวลาพักผ่อน มุดเข้าไปอ่านหนังสือในเต๊นท์ให้สบายใจ แล้วก็นอนดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เงียบสงบได้เลย หลังจากชาร์จพลังมาทั้งคืน พอเช้ามืดพวกเราก็ตื่นมาพบกันอีกครั้ง การรอคอยพระอาทิตย์ขึ้นเป็นความรู้สึกที่ดีมาก เพราะเราจะได้เห็นความสวยงามอีกรูปแบบที่ไม่ได้เห็นในเมือง ทะเลหมอกยามเช้ากระทบกับแสงอาทิตย์ขึ้นกลายเป็นสีทอง เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ที่ธรรมชาติสร้างมาให้เรา เป็นความสวยงามที่ทุกคนควรได้ไปสัมผัสด้วยสองตาตัวเอง พอถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกเสร็จเราก็เริ่มหิว จึงมานั่งล้อมวงกินเมนูเด็ดนั่นก็คือหลามไก่ ราคา 150 บาทเท่านั้น พออิ่มก็ถึงเวลาพักผ่อน มุดเข้าไปอ่านหนังสือในเต๊นท์ให้สบายใจ แล้วก็นอนดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เงียบสงบได้เลย หลังจากชาร์จพลังมาทั้งคืน พอเช้ามืดพวกเราก็ตื่นมาพบกันอีกครั้ง การรอคอยพระอาทิตย์ขึ้นเป็นความรู้สึกที่ดีมาก เพราะเราจะได้เห็นความสวยงามอีกรูปแบบที่ไม่ได้เห็นในเมือง ทะเลหมอกยามเช้ากระทบกับแสงอาทิตย์ขึ้นกลายเป็นสีทอง เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ที่ธรรมชาติสร้างมาให้เรา เป็นความสวยงามที่ทุกคนควรได้ไปสัมผัสด้วยสองตาตัวเอง ดื่มด่ำกับพระอาทิตย์และทะเลหมอกเสร็จก็จะมีข้าวจี่ ที่จี่กันๆ ร้อนๆ ให้ทุกคนได้กินกัน เสร็จจากภารกิจข้างบนแล้วก็ได้เวลาผจญภัยกับการลงเขา ทางลงเขานั้นจะมีสองทาง และเส้นทางที่เราเลือกนั้นล้อมรอบไปด้วยผืนป่า ทางลงนั้นเรียกได้ว่าลุ้นระทึกสุด ๆ แต่เราก็ถึงข้างล่างอย่างปลอดภัย บ้านบุ่ง ตำบลนาแห้ว อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , INN News
สิงห์ปาร์ค เชียงราย อินเตอร์เนชั่นแนล บอลลูน เฟียสต้า 2019 สุดคึกคักคู่รักพากันมาเติมความหว2/16/2019 ใครยังไม่เคยมีโอกาสได้ไปงานบอลลูนที่ สิงห์ปาร์ค เชียงราย ในปีนี้ต้องบอกเลยว่าต้องรีบหน่อยแล้วเพราะงาน "สิงห์ปาร์ค เชียงราย อินเตอร์เนชั่นแนล บอลลูน เฟียสต้า 2019" ในปีนี้จัดได้ยิ่งใหญ่อลังการและเต็มไปด้วยความหวานละมุนโรแมนติกมากๆ โดยงานจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 13-17 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งถึงตอนนี้ยังคงพอมีเวลาอีก 3 วันให้คู่รักและครอบครัวได้จูงมือไปเที่ยวพักผ่อนชมบอลลูนสวยๆ สูดอากาศบริสุทธิ์และดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สิงห์ปาร์ค เชียงรายกัน โดยตลอด 3 วันที่ผ่านมาของงานนี้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติโดยเฉพาะคู่รักเดินทางมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคู่รักที่มาฉลองเทศกาลวานเลนไทน์กันท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก เรียกได้ว่างานนี้ได้เปลี่ยนเชียงรายให้กลายเป็นสีชมพูกันเลยทีเดียว และด้วยความที่เชียงรายนี้เป็นจังหวัดที่มีอากาศดีแทบจะทั้งปี มีลมหนาวพัดผ่านอยู่ตลอดเวลาด้วยบรรยากาศแบบนี้ทำให้เชียงรายถูกยกให้เป็น Romantic city เมื่อประกอบกับบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติภายในสิงห์ปาร์คด้วยแล้วยิ่งทำให้ความโรแมนติกนั้นยิ่งทวีคุณมากขึ้นไปอีก สำหรับเทศกาลบอลลูนนี้ถือได้ว่าเป็นงานบอลลูนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนเลยทีเดียว บนเนื้อที่กว่า 8,700 ไร่ คุณจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศของเทศกาลบอลลูนแบบเต็มที่ มีการแข่งขันบอลลูนจากนานาชาติ ที่สร้างสีสันให้แก่ท้องฟ้าของเมืองเชียงรายได้อย่างสวยงาม ไปงานนี้รับรองว่าได้รูปภาพสวยๆ กลับไปเป็นความทรงจำแน่นอน ลองคิดภาพบรรยากาศว่าจะโรแมนติกแค่ไหนถ้าคุณได้นั่งจูงมือคนรักชมบอลลูนบนท้องฟ้าหลากหลายสีสันท่ามกลางลมหนาว บอกเลยว่าใครมีแฟนต้องพาไป! ไฮไลท์ในงานที่พลาดไม่ได้อย่างยิ่งนอกจากการโชว์บอลลูนานาชาติแล้วยังมีคอนเสิร์ตจากศิลปินดังที่จะมาสร้างความบันเทิงให้กับทุกคนในทุกค่ำคืนของงาน อาทิเช่น วันที่ 16 ก.พ.2562 พบกับ สงกรานต์xซานิ / วงป๊อก มายด์เซ็ต แอนด์ ดับเบิล พี ครูว์ และ กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ ก่อนปิดท้าย วันที่ 17ก.พ. 2562 วง อีทีซี / วงกรูฟ ไรเดอร์ ft. กานต์ เดอะ พากินสัน, วิน สควีซ แอนนิมอล, มาเรียม, บอย ตรัย, คิว วงฟลัว / เจ เจตริน และ เจ้านาย จูงมือคนรักมาร่วมชมเคอนเสิร์ตแบบจัดเต็มกันได้ตลอดทั้งคืน นอกจากนี้ยังมีการแสดงโขนกลางแปลงซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ที่สำคัญเป็นอย่างมากของงานนี้เพราะการแสดงโขนกลางแปลงแบบนี้นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่หาชมได้ยาก และเป็นภาพบรรยกาาศที่สวยงาม ในตอนชื่อ "อินทรชิตแผลงศรนาคบาศ" โดยเป็นฉากที่ใช้เทคนิคอุปกรณ์ แสงสีเสียงที่ทันสมัย ชุดโขนแต่ละชุด จัดเครื่องประดับอันงดงามตระการตาชนิดที่หาชมได้ยาก มีผู้ร่วมแสดงกว่า 100 ชีวิต จากกลุ่มศิลปินวังหน้า เพื่อเป็นการอนุรักษ์และฟื้นฟูการแสดงโขนอันเป็นศิลปะวัฒนธรรมสำคัญและสัญญลักษณ์ของชาติไทยให้ดำรงอยู่สืบไป โดยการแสดงโขน "อินทรชิตแผลงศรนาคบาศ" จะเริ่มการแสดงในวันที่ 15 -16 กุมภาพันธ์ เวลา 18.00 - 19.00 น. ที่บริเวณริมทะเลสาบ สิงห์ปาร์ค เชียงราย และหากใครเดินเล่นกันในงานแล้วกลัวจะหิว ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะในงานนี้จัดเต็มด้วยร้านอาหารทั้งอาหารพื้นเมืองเชียงรายและร้านอร่อยๆ ชื่อดังอีกมากมายไว้ให้คุณได้ฝากท้องกันทุกคืน ใครที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะไปเที่ยวงานนี้กันดีไหม? อย่ารอช้ารีบซื้อบัตรจองตั๋วและชวนคนรักไปสัมผัสกับความประทับใจที่หนึ่งปีจะมีเพียงครั้งเดียวแบบนี้ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานบอลลูนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดโรแมนติกที่จะสร้างความประทับใจให้แก่คุณ บนพื้นที่กว่า 8,700 ไร่ คุณจะได้บันทึกความทรงจำไว้อย่างไม่รู้ลืม สถานที่จัดงาน : สิงห์ปาร์คเชียงราย ตำบล แม่กรณ์ อำเภอเมืองเชียงราย เชียงราย ระยะเวลาจัดงาน : 13 - 17 กุมภาพันธ์ 2562 ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
ถนนสายพะเยา - เชียงคำ ช่วงอำเภอดอกคำใต้ ระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร พบดอกทองกวาว บานสะพรั่งสองข้างทาง ทำให้ถนนสายนี้ ในช่วงนี้เป็นถนนที่สวยงาม เป็น 1 ใน 9 ของถนนสวยของประเทศ และสร้างความสนใจผู้เดินทางผ่านเป็นอย่างมาก ต้นดอกทองกวาว ที่กำลังบานสะพรั่ง เป็นสีส้มตลอดสองฝั่งถนน สายพะเยา- เชียงคำ ในช่วงพื้นที่อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา เป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้กับผู้เดินทางผ่านเป็นอย่างมาก หลังช่วงนี้ดอกทองกวาวที่ปลูกไว้สองฝั่งถนน กำลังบานสะพรั่งรับเทศกาลแห่งความรัก ซึ่งเป็นระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร โดยดอกทองกวาวดังกล่าวได้มีการผลัดใบและจะออกดอกในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ไปจนถึงเดือนเมษายนนี้ ทำให้ถนนสายนี้ซึ่งชาวพะเยาเรียกว่า ถนนสายดอกไม้ จึงมีบรรยากาศที่สวยงาม ตลอดระยะทาง เหมาะกับการท่องเที่ยวเป็นอย่างมากในห้วงนี้ นอกจากนั้นเป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่าเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนแล้ว ถนนสายดังกล่าวถือว่าถือว่าเป็นถนนที่สวยงามติด 1 ใน 9 ถนนสวยงามระดับประเทศ ซึ่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงเมษายน จะบานสะพรั่ง ตลอดระยะทาง 20 กิโลเมตร ดังนั้นจึงอยากให้นักท่องเที่ยวสามารถมาสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามของดอกไม้ในช่วงนี้ ตลอดจนช่วงนี้ทางอำเภอดอกคำใต้ ก็ได้มีการจัดงานเทศกาลแห่งความรักด้วย ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
"โอ๊ะป่อย" ตลาดเช้าริมธาร อยู่หน้าวัดป่าท่ามะขาม ตำบลตะนาวศรี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี มาจากภาษากะเหรี่ยง มีความหมายว่า "พักผ่อน" เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เริ่มเปิดตัวได้ไม่นาน เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของผู้ประกอบการ ชุมชน วัด โรงเรียน และภาครัฐท้องถิ่น ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดเดินทางมาเที่ยวกันจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะมาพักค้างแรมตามรีสอร์ทต่างๆ เพื่อรุ่งเช้าทุกคนจะมารวมตัวกันเพื่อรอใส่บาตรพระสงฆ์ที่ออกบิณฑบาตทางน้ำด้วยแพกระบอกไม้ไผ่ นายสายชล จันทร์เพ็ญ นายอำเภอสวนผึ้ง เล่าให้ฟังว่า การใส่บาตรพระเช้า ของ "โอ๊ะป่อย" ตลาดเช้าแห่งนี้ นับเป็นมนต์เสน่ห์แห่งเดียวในประเทศไทย ที่พระภิกษุสงฆ์ได้ฟื้นการออกบิณฑบาตเข้าเมื่อครั้งที่ชุมชนนี้การเดินทางยังไม่สะดวกต้องถ่อแพกันออกมาโปรดญาติโยมที่อยู่ในชุมชน ทำให้นักท่องเที่ยวที่ทราบข่าวต่างก็เดินทางมาสัมผัสวิถีชีวิตของชาวชุมชนกระเหรี่ยงจำนวนมาก ทำให้นักท่องเที่ยวแต่ละคนอยากตื่นเช้าเพื่อมารอใส่บาตรพระที่ล่องแพมารับบาตร โดยที่พระภิกษุสงฆ์จะออกมาบิณฑบาต จำนวน 5 รูป มีลูกบ้านถ่อเรือแล้วยังมี แบบถูกใจสายบุญ สายโซเชียล เพราะจุดที่พระล่องแพมาใส่บาตรนี้ ถ่ายรูปสวยงามมากๆ นอกจากนี้ยังมีการทำบุญด้วยการรดน้ำต้นผึ้ง น้ำที่ตักจากลำธารลำภาชี เป็นธารน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลจากทิศใต้สู่ทิศเหนือ รดน้ำต้นผึ้งมั่งมี และ ศรีสุข จากธารน้ำที่บริเวณริมธารหน้าวัดเพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อจะถามถึงเมนูเด็ดๆภายใน “โอ๊ะป่อย” ก็จะหนีไม่พ้นเมนูเด็ดของชุมชน คือร้านเมี่ยงคำถั่วดาวอินคา ของโรงเรียนบ้านท่ามะขาม ที่มีส่วนประกอบของใบจากต้นถั่วดาวอินคา ที่ใช้แทนใบเมี่ยง และถั่วดาวอินคา ที่มีสรรพคุณมากมาย ซึ่งจะเอาต้นดาวอินคามาแปรรูปเป็นเมี่ยงถาดดาวอินคา จะใช้ใบและเมล็ด สรรพคุณช่วยโรคความดัน โลหิตจาง และไขมัน โรคเบาหวานสามารถลดลงได้ กระบวนการทำของเมล็ดถั่วดาวอินคาค่อนข้างจะยุ่งยากมากเพราะแกะลำบาก จากนั้นจะนำมาคั่วและอบ ถึงจะเอามาทานเป็นเมี่ยง โดยจะมีส่วนประกอบ อาทิ ขิง ข่า ตระไคร้ หอม มะพร้าวคั่ว พริก และที่พลาดไม่ได้คือน้ำจิ้มเป็นสูตรเด็ดของทางร้าน โดยลูกค้าที่มาทานจะบอกว่าอร่อยมาก และขายเพียงคำละ 5 บาท หรือจะเพิ่มหลายๆ คำได้ เริ่มต้นที่คำละ 5 บาท และอีก 1 เมนูที่ตลาด “โอ๊ะป่อย” แนะนำคือ ข้าวแดกงา เป็นข้าวเหนียวกับงาดำนำมาตำรวมกัน จากนั้นก็จะนำมานวดและทำให้เป็นแผ่นก่อนจะนำไปย่างในเตาและตัดเป็นชิ้นๆพอดีคำ สมัยก่อนคนโบราณที่เขาจะมาตำเขาจะเรียกข้าวกินงา แต่เขาใช้งาเยอะเขาจึงเรียกกันว่าข้าวแดกงา แต่จริงๆแล้วเป็นข้าวจากบรรพบุรุษ เวลาเราทานต้องทานคู่กับน้ำเชื่อมเพื่อเพิ่มความอร่อยและรสชาติ ถ้าไม่ใส่จะเหมือนกินธัญพืชที่มันๆและความเค็มของเกลือ จำหน่ายกระทงละ 25 บาท ถ้าอยากจะมารับประมาณสามารถมาได้ที่ตลาด “โอ๊ะป่อย” ที่เดียว นอกจากนี่ยังมีอาหารที่น่าสนใจอีกหลากหลายเมนูที่ทำกันแบบสดๆ น่ารับประทาน อาทิ ข้าวห่ออั้งหมี่ถ่อ ขนมจีนน้ำยาหยวก ข้าวยำสมุนไพร ข้าวเหนียวปิ้ง ข้าวเหนียวหมู ผัดไทย ขนมถ้วย ขนมใส่ไส้ ข้าวเหนียวหมู และอาหารพื้นบ้านอีกหลายรายการ รวมไปถึงยังมีกาแฟสดแบบดิฟและขนมเค๊กให้รับประทานด้วย แต่ถ้าหากนักท่องเที่ยวยากดื่มกาแฟ หรือ น้ำชา แบบก่อเตาต้มกาน้ำร้อนแบบวิลเทจมีไว้บริการด้วยเช่นกัน เมื่อถามความรู้สึกจากนักท่องเที่ยวที่มาสัมผัส ตลาด “โอ๊ะป่อย” ส่วนใหญ่จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เพิ่งมาครั้งแรก มากันแบบครอบครัว บางกลุ่มก็มากันแบบเพื่อนฝูง และคู่รัก” มีอาหารน่ารับประทาน ร่มรื่นสะอาดอร่อย แถมราคาอาหารไม่แพง มีของฝากแบบหัตกรรมที่นับวันยิ่งหายาก ตลาดมีกฎมีระเบียบ และมีชุดพื้นถิ่นให้ใส่จึงนับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่ามาเที่ยวและพักผ่อนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ภายในตลาด “โอ๊ะป่อย” ยังมีมุม DIY นั่งทำงานศิลปะกันได้ แถมยังมีเด็กๆ ที่มีความสามารถด้านเล่นดนตรี มาเล่นขับกล่อมให้กับผู้คนที่เดินตลาดได้ฟังคลอๆ ไปกับเสียงน้ำไหล ผสมความน่ารักของเด็กๆ ถ้าหากมาเดินที่นี่ จะเห็นว่ามีเด็กๆ ใส่ชุดพื้นบ้าน เดินถือป้าย และคอยเป็นตาวิเศษ (เห็นนะ) บอกคนที่มานั่งกินอาหารบริเวณตลาด ให้เก็บขยะไปทิ้ง (ฝากทิ้งได้ทุกร้านในตลาด) และช่วยกันรักษาความสะอาด เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีทั้งคนมาเที่ยว ตลาด “โอ๊ะป่อย” ตอนเดินเข้าตลาด มีกฎที่ของการเข้ามาเที่ยวที่มีการขึ้นป้ายไว้ให้อ่านและเช็คอิน 1.ธรรมชาติรักเราเสมอ เราต้องรักธรรมชาติ ดูแลสิ่งแวดล้อม ไม่สร้างขยะ หรือทำลายเขา 2. ร่วมเบาเสียงกันสักนิด พักฟังเสียงธรรมชาติ เขาจะมีเรื่องเล่าให้เราฟัง 3. มีสติที่สมบูรณ์ เว้นของมึนเมา หรือบุหรี่ เพื่อซึมซับความสุข สูดอากาศบริสุทธิ์ที่ธรรมชาติมอบให้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาตลาด “โอ๊ะป่อย” เปิดทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 7.00-14.00 น. ใส่บาตรพระเวลา 7.30-8.00 น. การเดินทางสะดวก จากตัวเมืองราชบุรี ประมาณ 60 กม. หรือ ใช้เวลาการเดินทางเพียง 1 ชม.เศษ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Peeranut P.
หากคุณคิดว่าการดำน้ำพบเจอกับปะการัง ปลาทะเล และโลกใต้น้ำสวยๆ สีสันสดใส จะต้องเดินทางไปไกลถึงภาคใต้ของประเทศไทยเพียงอย่างเดียว วันนี้ จะขอเปลี่ยนความคิดคุณด้วยการพาไปพบเจอกับโลกใต้น้ำสุดมหัศจรรย์ในฝั่งทะเลอ่าวไทย ที่อยู่ห่างจากกรุงเทพฯไปเพียงแค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น กับจุดดำน้ำอ่าวแสมสาร สัตหีบ ชลบุรี สวรรค์สำหรับคนดำน้ำแห่งภาคตะวันออก โดยเริ่มต้นการเดินทางนั้นเราใช้บริการทัวร์ของ เรือ Frogman ขึ้นเรือที่ท่าเทียบเรือน้าพล คานเรือเล็ก แสมสาร สัตหีบ ซึ่งในบริเวณท่าเทียบเรือนี้ก็จะมีทัวร์ดำน้ำให้เราเลือกใช้บริการหลากหลายเจ้า และที่สำคัญราคาไม่แพงเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำกันโดยชาวบ้านในพื้นที่แสมสารเองทั้งสิ้นไม่ผ่านบริษัทยักษ์ใหญ่แต่อย่างใด เพราะฉะนั้นเราจึงมั่นใจได้ว่าเงินทุกบาทุกสตางค์ที่เราจ่ายไปนั้นเป็นการช่วยเหลือและสนับสนุนอาชีพของชาวบ้านในพื้นที่อย่างเต็มที่ ก่อนจะขึ้นเรือเรามีเวลาเตรียมตัวเดินถ่ายรูปเล่นที่น้าพล คาเรือเล็กโฮมสเตย์ และจัดเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำทั้งเสื้อชูชีพ สน็อคเกิ้ล และ ฟิน ก่อนที่เรือจะออกประมาณ 11.00 น. พาเรามุ่งหน้าออกไปสำรวจอ่าวแสมสาร โดยเรือจะพาเราวิ่งผ่านเกาะแสมสาร และมุ่งออกสู่ทะเลใหญ่ เสียงเพลงที่กัปตันเปิดบรรเลงอยู่บนเรือ เกลียวคลื่นที่ซัดผ่านมาเรื่อยๆ สายลมที่พัดผ่านหน้าเราไป ทะเลได้สร้างความรู้สึกแห่งความอิสระให้แก่เราตั้งแต่เริ่มเดินทางจริงๆ เรือวิ่งมาได้ประมาณ 15 นาทีก็มาถึงเกาะแรก ซึ่งเราขอยกให้เกาะนี้เป็นดั่งโรงเรียนอนุบาลที่จะทำให้เราได้เรียนรู้วิถีการดำน้ำที่ถูกต้องรวมไปถึงวิธีการลอยตัวในน้ำโดยถอดชูชีพ ใครที่กังวลว่าว่ายน้ำไม่เป็นหรือไม่เคยดำน้ำมาก่อน มาที่นี่รับรองว่าคุณจะได้ว่ายน้ำเป็นและดำน้ำได้อย่างอิสระแน่นอน เมื่อมาถึงชายหาดพี่คนเรือจะคอยสอนให้เราถอดชูชีพและลองดำน้ำดู ซึ่งผลปรากฏว่าการดำน้ำแบบถอดชูชีพนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด แถมยังทำให้เราได้รูปภาพสวยๆ จากใต้น้ำอีกด้วย ซึ่งในทริปนี้บอกเลยว่าแทบจะไม่ต้องพกกล้องมาเลย เพราะทางทัวร์มีบริการถ่ายรูปทั้งบนบกและในน้ำให้กับเราฟรีตลอดทริป และที่สำคัญฝีมือของพี่ๆ แต่ละคนนั้นไม่ธรรมดาเลยทุกคนต่างเป็นมืออาชีพและถ่ายออกมาได้สวยงามาทุกคน จบทริปนี้รับประกันว่าคุณจะได้รูปภาพสวยๆ กลับไปเป็นความทรงจำแน่นอน เมื่อสอนและหัดดำน้ำกันพอสมควรแล้วก็ได้เวลาออกไปทดสอบวิชา โดยเราจะต้องว่ายออกไปห่างจากชายหาดเพื่อไปชมความสวยงามของปะการังและกัลปังหาใต้ทะเล ซึ่งเมื่อไปถึงจุดที่มีกลุ่มปะการังอยู่ พี่กัปตันก็จะมุดลงไปรอเราใต้น้ำ และทีมงานก็จะคอยช่วยกดเราให้ดำจมลงที่พื้นน้ำเพื่อให้ได้ชมปะการังอย่างใกล้ชิดที่สุด และได้รูปภาพสวยๆ คู่กับปะการังมาเป็นของฝากด้วย ซึ่งนี่ถือเป็นกิจกรรมที่เราชื่นชอบมากๆ เพราะความเซอร์ไพรซ์ก็คือเราได้เจอปลานีโม่ด้วย ด้วยความใสของน้ำและแสงแดดของวันนั้น ราวกับว่าโลกใต้น้ำนี้เป็นสถานที่ส่วนตัวของเราเองที่เงียบสงบ และงดงาม และอย่าลืม! การดำน้ำลงไปข้างใต้นั้นแม้เราจะใกล้ชิดปะการังมากเพียงใดแต่ก็ห้ามแตะต้องปะการังเด็ดขาดเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติที่สวยงามแบบนี้ให้คงอยู่สืบต่อไปให้นานที่สุด หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนอนุบาลด้านการดำน้ำของเรากันแล้วก็ได้เวลาไปลองสนามจริง กัปตันพาเราไปต่อกันที่หน้าหาดน้ำเขียว ซึ่งจุดนี้จะเป็นจุดดำน้ำที่มีพื้นทรายสีขาวสะอาด ส่งผลให้มองเห็นน้ำใสสวยงามเป็นอย่างมาก และที่ขาดไม่ได้อีกเช่นเคยนั่นก็คือการถ่ายรูปใต้น้ำกับพื้นทราย ซึ่งทางทีมงานและพี่กัปตันต่างก็ช่วยจัดท่าจัดทางการโพสต์และสอนเราในการดำน้ำเพิ่มเติมอย่างเต็มที่และเป็นกันเองสุด จนเราได้รูปสวยๆ ที่พอใจแล้วก็ขึ้นเรือและเดินทางต่อ จุดที่สามของเราในวันนี้จะเป็นโขดหินเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังหาดน้ำเขียว ซึ่งบริเวณนี้จะอุดมไปด้วยแนวปะการังสีสันสวยงามขนาดใหญ่มาก รวมไปถึงฝูงปลาทะเล เราไปรอช้ารีบคว้าฟินและสน็อคเกิ้ลกระโจนลงสู่ผิวน้ำทันที จากคนที่ดำน้ำไม่เป็นและไม่สามารถถอดชูชีพได้ในช่วงเช้าจนถึงตอนนี้เรากลายเป็นคนที่ชื่นชอบการดำน้ำขึ้นมาเป็นอย่างมาก ต้องขอบคุณพี่ๆ ทีมงานจริงๆ เมื่อได้ลงมาอยู่ในน้ำและเพ่งมองลงไปด้านล่างของบริเวณนี้แล้วก็ได้พบว่านี่คือความอุดมสมบูรณ์ของโลกใต้น้ำที่สวยงามและอลังการไม่แพ้ทางฝั่งภาคใต้เลย ทั้งปะการังเขากวาง ปะการังหิน ดอกไม้ทะเล ปลานีโม่ ปลาทะเลสีสันสวยงามต่างๆ และที่ถือเป็นไฮไลท์ในจุดนี้ที่เราประทับใจมากที่สุดนั่นก็คือ แนวปะการังสีทอง! ซึ่งเราได้มีโอกาสดำน้ำมุดลงไปใกล้กับแนวปะการังสีทองนี้ด้วย เป็นภาพความประทับใจที่จะกลายเป็นความทรงจำไปตลอดแน่นอน .เป็นอันจบโปรแกรมการท่องเที่ยววันเดย์ทริปดำน้ำอ่าวแสมสาร ซึ่งสำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นดำน้ำไม่เก่งแบบเรานั้นขอยกให้ที่นี่คือสถานที่ดำน้ำที่เราชอบที่สุดเลยตั้งแต่เคยมีโอกาสไปมา ทั้งความสวยงามของธรรมชาติใต้น้ำ ความใสสะอาดของน้ำทะเล การบริการของทีมงานที่ดูแลและบริการเต็มที่ รวมถึงเปิดโลกใหม่ในการดำน้ำให้แก่เรา โดยรวมแล้วนี่คือโปรแกรมท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่คนรักทะเลและรักการดำน้ำควรมาเป็นอย่างยิ่ง บอกได้คำเดียวว่าห้ามพลาด! ข้อมูลเพิ่มเติม - จุดขึ้นเรือ : ท่าเทียบเรือน้าพล คานเรือเล็ก โฮมสเตย์ ตำบล แสมสาร อำเภอ สัตหีบ จังหวัด ชลบุรี - ราคาทัวร์วันเดย์ทริป : 6 ท่านแรก กรุ๊ปละ 3,500 บาท เสริมจากนี้ คิดเพิ่มท่านละ 600 เด็กไม่เกิน 5 ขวบ 400 บาท เด็ก 5 ขวบขึ้นไป 600 บาท ราคาทั้งหมด- รวมบริการถ่ายรูปใต้น้ำให้ฟรี และน้ำดื่ม น้ำอัดลมฟรีตลอดทริป - เรือมี 3 รอบ : 8.00 - 11.00 น. ,11.00 - 14.00 น. , 14.00 - 17.00 น. ขอบคุณข้อมูลจาก : sanook , Peeranut P.
เขาวงพระจันทร์สถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังของจังหวัดลพบุรีเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดลพบุรี ที่ในปีหนึ่งเราจะสามารถขึ้นไปท่องเที่ยวได้เพียงแค่ช่วงเดียวเท่านั้น และในปีนี้ 2562 ก็ถึงเวลาแห่งเทศกาลขึ้นเขาวงพระจันทร์กันแล้ว พิชิตความสูงเสียดกว่ากับบันไดสูงกว่า 3,790 ขั้น เพื่อขึ้นไปชมทัศนียภาพความงดงามของธรรมชาติเมืองลพบุรี รวมไปถึงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขา โดยใช้เวลาเดินขึ้นถึง 2-3 ชม. เลยทีเดียว ใครที่กำลังรอคอยจะขึ้นไปพิชิตยอดเขาวงพระจันทร์กันอยู่ ชวนเพื่อนชวนแฟน แล้วไปเที่ยวเขาวงพระจันทร์จันกันครับ โดยทางวัดจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 5 - 19 กุมภาพันธ์นี้เท่านั้น ใครอยากจะขึ้นไปชมต้องรีบหน่อยแล้ว ข้อมูลเพิ่มเติม การเดินทางไปเขาวงพระจันทร์ มีรถโดยสารประจำทางจากสถานีขนส่ง สายลพบุรี – โคกสำโรง ผ่านทางหน้าวัดและเหมารถรับจ้างจากปากทางเข้าวัดเข้าไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่เที่ยวเช็กอินในช่วงตรุษจีนนี้อยู่ จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก สามารถไปเที่ยวได้แบบไปเช้าเย็นกลับ แถมเดินทางสะดวกมี Bts ไปถึงได้ด้วย สถานที่แห่งนี้มีชื่อว่ามูลนิธิธรรมกตัญญู สมุทรปราการ ซึ่งความพิเศษคือในช่วงนี้ทางมูลนิธิได้จัดงาน เทศกาลโคมไฟแสง สี แห่งเมืองปากน้ำ ปีที่ 7 ขึ้น ทั่วทั้งพื้นที่ของมูลนิธิจะประดับประดาด้วยโคมไฟสีสันสวยงาม เป็นจุดเช็กอินถ่ายรูปที่น่ามาพกกล้องมาถ่ายรูปเล่นกันมากๆ โดยงานนี้จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 - 24 กุมภาพันธ์ 2562 และที่สำคัญก็คือหากใครกลัวจะเดินทางลำบากไม่ต้องเป็นกังวลแต่อย่างใด เพราะคุณสามารถนั่งบีทีเอสมาเที่ยวที่นี่ได้เลย โดยสามารถมาลงรถได้ที่สถานี เคหะ แล้วต่อรถสองแถวมาที่งานได้ มูลนิธิธรรมกตัญญู จะตั้งอยู่ติดกับเมืองโบราณสมุทรปราการ เรียกได้ว่าเลิกงานกันสัก 4.30 - 5.00 โมงก็สามารถมาเที่ยวที่นี่กันต่อได้พอดีเลย เดินทางสะดวก สถานที่สวยงาม มาที่นี่รับรองว่าจะต้องได้รูปภาพสวยๆ กลับไปแน่นอน และหากใครที่มาเร็วยังสามารถเข้าไปเที่ยวในศาลเจ้าของมูลนิธิก่อนได้ด้วย ซึ่งในศาลเจ้านี้ก็มีลวดลายศิลปะแบบจีนที่วิจิตรงดงามให้ได้เดินถ่ายรูปเล่นกันด้วยเช่นกัน วันตรุษจีนหรือหยุดเสาร์อาทิตย์นี้หากใครยังไม่รู้จะไปแฮงค์เอาท์ที่ไหน เตรียมกล้องถ่ายรูปแต่งตัวสวยๆ แล้วไปเที่ยวที่งานโคมไฟแสงสีแห่งเมืองปากน้ำกัน ที่ตั้งมูลนิะิธรรมกตัญญู : ซอยมูลนิธิธรรมกตัญญู ถนนสุขุมวิท ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เปิด - ปิด : 6.30 น - 22.00 น. ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
|
AuthorWrite something about yourself. No need to be fancy, just an overview. Archives
January 2021
Categories |