"จันทบุรี" หรือเรียกสั้น ๆ ว่า "เมืองจันท์" จังหวัดทางชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทย หลายคนอาจจะคุ้นหูในฐานะเมืองเก่าที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของไทย ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่หลากหลาย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความหลากหลายของธรรมชาติในพื้นที่ติดทะเล และธรรมชาติที่เป็นป่าเขา จึงทำให้จันทบุรีเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งความสมดุลของดินฟ้าอากาศที่เหมาะกับการปลูกผลไม้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชื่อเสียงของจังหวัดอีกด้วย 1. อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ เริ่มกันกับสถานที่แรก คือ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ เป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำจันทบุรี เนื่องจากสภาพป่าในบริเวณนี้มีหลากหลายและอุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีพันธุ์ไม้หายากจำนวนมาก ซึ่งภายในยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ "น้ำตกกระทิง" มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาคิชฌกูฏ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มี 13 ชั้น, "ยอดเขาพระบาท" ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาคิชฌกูฎ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่นำมาผูกกับตำนานทางพระพุทธศาสนา โดยสามารถชมทิวทัศน์ของเทือกเขาสระบาป เขาสุกิม เกาะนมสาว และตัวเมืองจันทบุรีได้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะกำหนดจัดงานนมัสการพระบาทพลวง ณ เขาคิชฌกูฏ เป็นประจำทุกปีในช่วงขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งประชาชนจะนิยมไปนมัสการรอยพระบาทพลวงเป็นจำนวนมากเพื่อเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง 2. โอเอซิส ซีเวิลด์ โอเอซิส ซีเวิลด์ ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำ อำเภอแหลมสิงห์ ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี 25 กิโลเมตร บนพื้นที่กว่า 68 ไร่ เป็นสถานที่เพาะพันธุ์และอนุรักษ์โลมาในน่านน้ำจังหวัดจันทบุรี ซึ่งที่นี่มีอยู่ 2 พันธุ์ คือพันธุ์หัวบาตรและพันธุ์ปากขวด ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับวงจรชีวิตของโลมา การเพาะเลี้ยงโลมา และการแสดงโชว์ต่าง ๆ 3. เที่ยวย่านท่าหลวง เที่ยวชมย่านเก่าริมแม่น้ำ ย่านท่าหลวงตั้งอยู่ที่ถนนท่าหลวง ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง เป็นย่านการค้าเก่าของเมืองจันทบูรณ์ ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี เป็นชุมชนย่านเก่าแก่ของจีนและญวนมาตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ และรุ่งเรืองมากในสมัยรัชกาลที่ 5 สามารถเดินเที่ยวชมบรรยากาศย้อนยุคอย่างสบาย ๆ มองหาอาคารเรือนแถวที่สร้างตามแบบโคโลเนียล ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมลูกครึ่งฝรั่งผสมจีน ลักษณะอาคารเรียงโค้งกันเป็นแถว และประดับชายคาด้วยแป้นไม้แกะฉลุลวดลายโปร่งตา ร้านค้าหลายร้านยังคงสภาพแบบดั้งเดิมไว้ เช่น ร้านตัดผมเรือนไม้, ร้านขายยาจีนแผนโบราณ, บ้านหลวงราชไมตรี ผู้ได้รับฉายา "บิดาแห่งยางพาราภาคตะวันออก" คหบดีแห่งย่านท่าหลวง ซึ่งบุกเบิกการค้ายางพาราในจังหวัดนี้ ตัวบ้านสร้างแบบโคโลเนียล และเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง "โหมโรง" และละคร "อยู่กับก๋ง" ทั้งนี้ แวะร้านไอศกรีม "จรวด" เป็นทั้งร้านอร่อย และโรงงานแรกของจังหวัดที่ใช้เครื่องจักรผลิตไอศกรีมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502 เป็นต้นมา ซึ่งยังคงบรรยากาศเก่าแก่ของตัวอาคารแบบโคโลเนียลไว้ และแวะที่ร้านขายของที่ระลึกต่าง ๆ ชื่อร้าน "ทำสี" ที่ขายดี เช่น เสื้อยืด โปสการ์ด แม่เหล็กติดตู้เย็น และของใช้จุกจิก 4. อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว อยู่ในเขตอำเภอแหลมสิงห์ บนเทือกเขาสระบาป มีเนื้อที่ 84,063 ไร่ มีพันธุ์ไม้ต่าง ๆ และยังสัตว์ป่าต่าง ๆ หลายชนิดเช่น โดยที่มาของชื่อน้ำตกคือคำว่า "พลิ้ว" กล่าวกันว่าเป็นภาษาชอง ซึ่งเป็นเจ้าของถิ่นเดิม แปลว่า ทราย หรือ หาดทราย แต่เข้าใจกันว่าน้ำตกพลิ้วคงจะได้ชื่อมาจากต้นไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งชอบขึ้นในดินปนทราย เป็นไม้เถามีดอกเป็นผลเล็กขนาดลูกเกด สีเหลืองอมแดง ขึ้นทั่วไปในแถบนี้ สำหรับน้ำตกพลิ้วเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำตลอดปี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว 5. หาดเจ้าหลาว หาดเจ้าหลาว ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ อยู่ทางทางด้านตะวันออกของอ่าวคุ้งกระเบน และอยู่ก่อนถึงตัวเมืองจันทบุรี 60 กิโลเมตร เป็นชายหาดที่มีชื่อแห่งหนึ่งของเมืองจันท์ เพราะมีชายหาดที่สวยงาม มีบรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าว หาดทรายจะเป็นสีแดงละเอียด ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของหาดทรายเมืองจันท์ รวมทั้งหาดทรายของหาดเจ้าหลาวยังทอดยาวไปจดเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน มีกิจกรรมทางน้ำให้เลือกทำมากมาย เช่น เล่นน้ำทะเล, บานาน่าโบ๊ท, ดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งเพียง 2 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีเรือท้องกระจกให้บริการอีกด้วย ที่มา >>> kapook
0 Comments
สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดระยอง เหมาะแก่การไปพักผ่อนช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่ไม่ควรมองข้าม จังหวัดระยอง เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยว เพราะตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อีกทั้งยังมีท้องทะเลสวย ๆ ให้ได้ไปเอาตัวแช่น้ำ มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอื่น ๆ ให้เราไปค้นหาและพักผ่อนอีกเพียบ วันนี้เราจึงได้รวบรวม 5 สถานที่ท่องเที่ยวระยอง มาฝากกัน เป็นที่เที่ยวระยองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติสวย ๆ บรรยากาศดี ๆ บอกเลยว่าถ้าได้ลองไปแวะชมจะต้องฟินแน่นอน 1. เกาะเสม็ด ถ้าพูดถึงทะเลใกล้กรุงเทพฯ คงจะขาดที่นี่ไปไม่ได้ "เกาะเสม็ด" ซึ่งตั้งอยู่ในเขตตำบลเพ อำเภอเมืองระยอง โดยอยู่ห่างจากฝั่งบ้านเพเพียงแค่ประมาณ 6.5 กิโลเมตรเท่านั้น และยังเดินทางไปได้ง่ายดายด้วยรถโดยสารประจำทางจากกรุงเทพฯ ที่นี่จึงเป็นตัวเลือกของที่เที่ยวทะเลที่ดีไม่ใช่น้อย บนเกาะเสม็ดโดดเด่นไปด้วยที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หาดทรายก็สวยงามเงียบสงบ ท้องทะเลใส สามารถว่ายน้ำดูปะการังได้อย่างใกล้ชิด 2. เกาะทะลุ-เกาะกุฎี เกาะทะลุ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเกาะเสม็ดมากนัก สามารถที่จะซื้อบริการทัวร์แบบวันเดย์ทริปได้จากบริเวณท่าเรือบ้านเพหรือบนเกาะเสม็ดได้เลย เกาะแห่งนี้เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ มีชายหาดไม่กว้างมากนัก แต่เป็นชายหาดที่มีเนื้อทรายสีขาว เนียนละเอียด บรรยากาศเงียบสงบมาก น้ำทะเลจะเป็นสีฟ้าอมเขียวมรกตใสแจ๋ว อีกด้านหนึ่งของเกาะจะเป็นหน้าผาหิน มีช่องโหว่อยู่เล็กน้อย จึงเป็นที่มาของชื่อ "เกาะทะลุ" ส่วนถ้าใครอยากดำน้ำก็สามารถที่จะไปเที่ยวชมและดำน้ำชมปะการังต่อได้ที่ "เกาะกุฎี" ซึ่งมีแนวปะการัง รวมทั้งสัตว์ทะเลที่อุดมสมบูรณ์ บนเกาะเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ญส.3 เขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด และมีสถานที่กางเต็นท์รองรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ใกล้ ๆ กันยังมีเกาะขนาดเล็กที่น่าสนใจ ได้แก่ เกาะท้ายค้างคาวและเกาะถ้ำฤๅษี ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปเยือน ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด 3. ทุ่งโปรงทอง ทุ่งโปรงทอง ตั้งอยู่บริเวณริมปากแม่น้ำประแส ใกล้กับเทศบาลตำบลปากน้ำกระแส อำเภอแกลง เป็นป่าชายเลนริมทะเลประแส ที่มีการปลูกต้นโปรงไว้เป็นจำนวนมาก มองไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ที่นี่จึงได้ชื่อเรียกว่า "ทุ่งโปรงทอง" โดยจะมีทางเดินไม้ระยะทางประมาณ 2.6 กิโลเมตร ลัดเลาะไปตามทุ่งโปรงทอง ให้นักท่องเที่ยวได้เดินถ่ายภาพกับทุ่งแห่งนี้กันอย่างใกล้ชิด เส้นทางจะไปสิ้นสุดบริเวณอนุสรณ์เรือรบหลวงประแส สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. ค่าเข้าชมฟรี ! ทั้งนี้อาจจะมีค่าบริการฝากรถ 4. อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง ครอบคลุมอำเภอเขาชะเมา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง รวมถึงอำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางภาคตะวันออกของประเทศที่มีสภาพป่าดงดิบที่สมบูรณ์ เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารของจังหวัดระยอง มีสัตว์ป่าชุกชุมและมีธรรมชาติที่สวยงาม เช่น น้ำตก หน้าผา ถ้ำ ทิวทัศน์ตามธรรมชาติที่งดงาม อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกเขาชะเมา น้ำตกที่มีธารน้ำใสรองรับอยู่เบื้องล่างซึ่งมีความยาวถึง 3 กิโลเมตร เต็มไปด้วยจุดต่าง ๆ ที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะชั้นวังมัจฉาจะเต็มไปด้วยปลาพลวง ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่อาศัยอย่างชุกชุมในบริเวณนั้น, ถ้ำเขาวง ที่น่าพิศวงด้วยการเป็นถ้ำตั้งอยู่กลางวงล้อมของภูเขาหินปูน โดยมีถ้ำหินงอกหินย้อยที่สวยงามมากถึง 86 ถ้ำ แต่เปิดให้เข้าชมเพียง 16 ถ้ำ และน้ำตกคลองหินเพลิง น้ำตกสายเล็กที่อยู่ทางด้านจังหวัดจันทบุรี เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี เป็นต้น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง 5. ปากน้ำประแส ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำประแส อำเภอแกลง สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งศาลสมเด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระบิดาแห่งกองทัพเรือไทย นอกจากนี้บริเวณปากแม่น้ำประแสยังเป็นที่อาศัยของแหล่งชุมชน แหล่งการค้า และการเกษตร รวมถึงยังเป็นศูนย์รวมพันธุ์ไม้ภาคตะวันออก ตลอดจนการวิจัยและอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อีกทั้งชาวบ้านในชุมชนยังได้รวมกลุ่มกันอนุรักษ์วิถีชีวิตดั้งเดิม โดยมีกิจกรรมล่องเรือสัมผัสวิถีชีวิตคนชาวคลองริมแม่น้ำประแส อันเป็นสายน้ำสำคัญของจังหวัดระยอง ทั้งนี้ชาวบ้านในชุมชนริมปากน้ำประแสยังคงใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย มีมิตรไมตรีที่ดีต่อนักท่องเที่ยว ภายในชุมชนมีที่พักแบบโฮมสเตย์ให้บริการนักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีการจัดกิจกรรมพานักท่องเที่ยวไปสนุกสนานกับธรรมชาติรอบ ๆ ตำบลปากน้ำประแส ถ้ามองหาที่เที่ยวที่ได้ทั้งความสนุกและความรู้ ลองชวนเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัวมาพักผ่อนกัน ที่มา >>> kapook
ชวนแต่งชุดไทยไปเที่ยว "ตลาดทุบหม้อ" แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดจันทบุรี ย้อนกาลเวลาไปสู่ตลาดสมัยโบราณในช่วงปลายสมัยอยุธยา แวะแชะ ชิม ช้อปปิ้ง ของดีของเด็ดบ้านบางกะจะ การอนุรักษ์ความเป็นไทยเริ่มได้รับความสนใจจากคนไทยมากยิ่งขึ้น มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่พัฒนาไปในทิศทางที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน และสอดแทรกความเป็นไทยเข้าไปให้ได้มากที่สุด อย่างที่ "ตลาดทุบหม้อ บ้านบางกะจะ" ที่เที่ยวจันทบุรีแห่งใหม่ ก็เป็นตลาดที่เปิดขึ้นมาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชน พร้อมทั้งยังช่วยฟื้นฟูความเป็นไทยให้กลับมาสู่ชุมชนด้วย วันนี้เราจึงจะพาไปชมตลาดย้อนยุคแห่งนี้กัน ตลาดทุบหม้อ ตั้งอยู่ที่วัดพลับบางกะจะ บ้านบางกะจะ ตำบลบางกะจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี มีลักษณะเป็นตลาดย้อนยุค ซึ่งตกแต่งสถานที่ให้มีบรรยากาศแบบตลาดสมัยโบราณในช่วงยุคปลายสมัยอยุธยา-ตอนต้นกรุงธนบุรี เพื่อให้อิงกับประวัติศาสตร์ที่ว่าที่นี่เคยเป็นสถานที่พักแรมของกองทัพสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเมื่อครั้งที่จะยกทัพเข้าตีเมืองจันทบุรี การตั้งตลาดแห่งนี้ขึ้นก็มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชน และเป็นการจัดสรรพื้นที่ให้ชาวบ้านได้มีสถานที่ในการนำสินค้าคุณภาพดีในชุมชนมาจำหน่ายให้กับผู้บริโภคโดยตรง สร้างอาชีพ และรายได้ที่ยั่งยืนคืนสู่ชุมชน ภายในตลาดทุบหม้อเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายกว่า 50 ร้านค้า ทั้งสินค้าพื้นเมือง สินค้าแฮนด์เมด อาหารพื้นเมือง ขนมไทยโบราณ ขนมโบราณ ผัก-ผลไม้สด ๆ จากสวน เป็นต้น ซึ่งชาวบ้านก็จะแต่งกายแบบสมัยบางระจันมาขายสินค้ากันอย่างคึกคัก นอกจากนี้ก็ยังมีการแสดงพื้นบ้านให้ได้ชมกันด้วย สิ่งที่น่าสนใจในตลาดทุบหม้อ อาทิ ก๋วยเตี๋ยวผัดยายลั้ง, ก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง, ห่อหมกปลา, ขนมจีนน้ำยา, ข้าวเหนียวไก่ทอด, คอหมูย่าง, ข้าวห่อใบบัว, ขนมเบื้องญวน, ส้มตำ, ลูกชิ้นทอด, หมึกย่าง, เมี่ยงปลาทู, หมูชะมวง, เส้นจันท์ผัดปู, ข้าวหมาก, กล้วยปิ้งน้ำกะทิ, ขนมไทยโบราณ, ตะโก้, ขนมชั้น, ขนมตาล, ขนมข้าวต้มมัด, ขนมสอดไส้, ข้าวเกรียบอ่อนน้ำจิ้มกุ้งแห้ง, ข้าวเกรียบอ่อนไส้มะพร้าว, กล้วยทอด, สาคูไส้หมู, น้ำหวานโบราณ, ข้าวเหนียวย่าง, สละลอยแก้ว, น้ำแข็งไสทรงเครื่อง เป็นต้น ตลาดทุบหม้อ เปิดให้บริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าเที่ยวชม การเดินทางจากชุมชนริมน้ำจันทบูร อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ให้ใช้ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3146 มุ่งไปยังตำบลบางกะจะ ตรงไปจะผ่านบิ๊กซี จันทบุรี สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 พอถึงแยกเทศบาลตำบลบางกะจะ ให้เลี้ยวขวาไปตามถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3147 ผ่านค่ายเนินวง ตรงไปเรื่อย ๆ จะมีสามแยก มีป้ายบอกทางไปโรงเรียนบางกะจะ ให้เลี้ยวซ้ายไปตามป้าย ตรงไปอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะเจอกับวัดพลับบางกะจะ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ตลาดทุบหม้อ ที่มา >>> kapook , เฟซบุ๊ก ตลาดทุบหม้อ
หน้าร้อนเมืองไทยทวีความร้อนแรงขึ้นทุกปีๆ เรามีวิธีคลายร้อน พร้อมสร้างความสดชื่นให้กับตัวเรา ใครชอบวิธีไหน ลองไปทำตามกันได้น้า แล้วอย่าลืม มาเล่าให้ฟังด้วยละ
1. ไปดื่มน้ำผลไม้ จะได้สดชื่น ถ่ายภาพสุดชิค สไตล์มินิมอลสิลต์ พร้อมแคปชั่นเลิศๆ อวดความชิลล์นี้ให้โลกโซเชียลได้อิจฉากันดีเล่นๆ 2. หนีความวุ่นวายในเมือง มานอนๆ นั่งๆ ชิลๆ ริมทะเล ชิงช้าหนึ่งอัน กับ ต้นไม้หนึ่งต้น เชื่อเหอะไม่ว่าทะเลไหนของไทยก็มีชิงช้าให้คุณนั่งแน่นอน ถ้ากลัวเหงาก็มาเป็นคู่ 3. ไปดำลงน้ำ ดูความงามใต้ทะเลกันดีกว่าในเมืองไทยยังมีจุดดำน้ำตื้นหลายแห่งที่ยัง คงสภาพที่ดีรอให้คุณไปยลโฉมอยู่มากมาย 4. ไปนอนแช่น้ำ ร้อนนักแช่น้ำกันไปเลย ผมเชื่อว่าการได้เที่ยวทะเลสวยๆ ดำผุดดำว่ายในน้ำใสๆ ไหลเย็นให้สบายกายสบายใจคนหลายคนอิจฉา 5. ไปนั่งสวยๆ หล่อๆ ท้าแดด ชมวิวสวยๆ รอบตัวก็ถือเป็นการชาร์ตพลังชีวิตที่ดีอีกแบบ 6. ไปแต่งตัวสวยๆ ธีมหน้าร้อน โพสท่าถ่ายรูปไปทะเลสนุกสดใสเรียกยอดไลก์ขึ้นรัวๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปเซลฟี่ รูปวิว ไปทะเลไม่ต้องใส่ชุดบิกินี่ ก็น่ารักเรียกเสียง วี้ดวิ้ว! ได้ 7. ไปเดินเล่น ผ่อนคลาย รอบลม ชมวิวริมชายหาด 8. ไปเล่นน้ำกับปลาในน้ำใสๆ เน้นว่าต้องออกไปตามเกาะ เมืองไทยมีจุดดำน้ำตื้นเด่นๆ มากมาย อยากได้ภาพสวยไม่เหมือนใครก็ลองหัดดำน้ำแบบ Snorkeling ดูนะมันได้ฟิลล์ไปอีกแบบ 9. ไปทะเล ก็ต้องวิ่งลงทะเลสิ ยิ่งไปกับเพื่อนๆนะ เล่นน้ำพร้อมกับเพื่อน สดชื่นสุดๆ 10. ไปนอนเล่นที่ชายหาด เหนื่อยนัก ขอนอนพักก่อนนะ คุณรู้มั้ย? ทะเลช่วยผ่อนคลายความรู้สึกเหนื่อยล้า เมื่อรู้สึกว่าตัวเองหมด พลังได้โดยที่คุณไม่รู้ตัว แค่นี้หน้าร้อนของคุณก็จะไม่ร้อนอีกต่อไป….แล้วใครอยากไปลั่ลล้าที่ไหนก็รีบเตรียมวางแผนแพ็คกระเป๋าไปกันเลย "มอหินขาว" เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งที่ถือว่ามีความงดงามของปฏิมากรรมหินธรรมชาติ ตั้งอยู่ใน เขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา บริเวณบ้านวังคำแคน ตำบลท่าหินโงม อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ เดิมพื้นที่แถบนี้ เป็นป่า ต่อมาได้มีคนมาบุกเบิกทำไร่และก็เห็นมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ทั่วไปแต่ ก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่จากคำบอกเล่า คือก้อนหินใหญ่ 5 ก้อนที่เราเห็น ในทุกคืนวันพระ (15 ค่ำ, 8 ค่ำ) จะมีแสงสีขาวส่องขึ้นมา คนเฒ่าคนแก่สมัยนั้น เลยเรียกที่นี่ว่า มอหินขาว เสาหินที่มอหินขาว ส่วนใหญ่ เป็นหินทรายสีขาว นอกจากนี้ก็ยังมี หินทรายแป้ง หินโคลน หินทรายสีม่วง กลุ่มหินทรายสีขาวเหล่านี้เกิดจากการสะสมของตะกอนทรายแป้งและดินเหนียวจากทางน้ำ เมื่อมีความเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือกโลกเมื่อ 65 ล้านปีก่อน ทำให้มีการแตกหัก ผุพัง และการกัดเซาะ จนกลายเป็นเสาหินสูงใหญ่ 5 เสา รูปทรงประหลาดบนเนินเขาอย่างที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน สันนิษฐานว่ามีอายุราว ๆ 175-197 ล้านปีเลยนะ การเดินทางมายังมอหินขาว จากจังหวัดชัยภูมิ ให้ขับรถมาตามทางหลวงหมายเลข 2051 สายชัยภูมิ-ตาดโตน แล้วเลี้ยวซ้ายก่อนถึงด่านอุทยานแห่งชาติตาดโตน ขับไปเรื่อย ๆ บนเส้นทางตาดโตน-ท่าหินโงม ให้สังเกตถนนแจ้งเจริญ-โสกเชือก เพื่อเลี้ยวซ้ายไปตามถนนเส้นดังกล่าว ขับไปจนถึงบ้านวังคำแคน แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปตามถนน ก็จะพบกับกลุ่มเสาหินมอหินขาว สำหรับที่นอน แนะนำให้ไปกางเต็นท์นอนตรงที่ทำการอุทยาน ตรงผาหัวนาค เพราะจุดนี้จะเห็นทั้งพระอาทิตย์ตกและเห็นพระอาทิตย์ขึ้น และได้มุมถ่ายรูปที่สวย ถ่ายดาวก็สวยมุมดี ฟินสุดๆ ที่มา >>> sanook
ถ้าพูดถึงจังหวัด “จันทบุรี หรือ เมืองจันท์” มีที่เที่ยวมากมายไม่ว่าจะเป็นเที่ยวป่า น้ำตก ทะเล ชมเมืองเก่า และยังมีจุดชมวิวสำคัญที่มาถึงเมืองจันท์แล้ว ต้องไม่พลาดมาชมกัน จังหวัดจันทบุรี ถือได้ว่าเป็นอีกจังหวัดที่จะกำลังเป็นกระแสในการท่องเที่ยวช่วงซัมเมอร์ ไปไหว้พระ เที่ยวทะเลคลายร้อน แช่น้ำชิลล์ๆ ที่น้ำตก เที่ยวชมเมืองเก่าจันทบูร และยังมีที่เที่ยวอีกมากของที่นี่ วันนี้เราขอจัดสถานที่จุดชมวิวสวยๆ เมื่อมาถึงเมืองจันท์ ต้องไม่พลาดมาชม จะมีที่ไหนบ้างมาดูกันเลย จุดชมวิวที่ 1 “หาดคุ้งวิมาน” เป็นชายหาดเล็กๆ มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร เป็ดหาดที่มีเงียบสงบ วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถเดินชมเล่นริมชายหาด สัมผัสน้ำทะเลใส มองชมวิวภูเขาผ่านโขดหินริมชายหาด ความพิเศษของจุดชมวิวแห่งนี้คือ การมานั่งดูพระอาทิตย์ตกท่ามกลางโขดหิน ดูความงดงามของแสงสีส้มที่สะท้อนกับน้ำทะเล จุดชมวิวที่ 2 “จุดชมวิวหินโคร่ง” อยู่ใกล้ๆ กับหาดคุ้งวิมาน เป็นจุดชมวิวที่มีความเงียบสงบ นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยเยอะเท่าไร บริเวณจุดชมวิวจะเต็มไปด้วยโขดหินที่แทรกอยู่บนผืนทรายของชายหาด น้ำทะเลสีฟ้า ตัดกับโขดหิน มีน้ำทะเลพลัด มีลม และในยามเย็นแสงอาทิตย์กระทบกับน้ำทะเลทำให้เกิดความสวยงาม จนทำให้ที่ “จุดชมวิวหินโคร่ง” เป็นอีกจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงเมืองจันท์กันแล้ว จุดชมวิวที่ 3 “เนินนางพญา” บนถนนเรียบชายหาด ที่สามารถมองเห็นโค้งเลียบหาดของถนนเฉลิมบูรพาชลทิตในมุมที่สวยที่สุด จนทำให้ที่นี่ได้รับชื่อว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งภาคตะวันออก บนจุดชมวิว “เนินนางพญา” จะได้เห็นมุมสวยของทั้งทะเลและภูเขาแบบสุดไกลตา ให้คุณได้มองเห็นธรรมชาติสีเขียว รับลมเย็นของทะเล ชมวิวสวยของพระอาทิตย์ตกในยามเย็น และที่นี่ยังสามารถที่จะนำแม่กุญแจมาคล้องกันเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าได้มาถึงที่นี่ ถึงแม้พระอาทิตย์จะตกดินไป แต่ความสวยงามของถนนเส้นนี้ก็ไม่ได้หายไปไหนเลย มุมสวยๆ ในยามค่ำคืนของจุดชมวิวเนินนางพญา จุดชมวิวที่ 4 “เจดีย์บ้านหัวแหลม” เป็นจุดชมวิวที่ถือว่าสวยที่สุดบนโขดหินกลางทะเล เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจันทบุรีที่เปิดมาได้ไม่นานมาก มีสะพานไม้ให้ได้เดินชมวิวกลางทะเล มีความสวยงามไม่เหมือนที่ไหนของดินแดนภาคตะวันออก ใครที่กำลังคิดแพลนเที่ยวช่วงซัมเมอร์นี้กันไม่ออก ลองหาวันว่างๆ ไปเที่ยว พักผ่อน ชมเมืองเก่าที่จังหวัดจันทบุรี ไปมองดูจุดชมวิวสวยๆ ให้ร่างกายได้ผ่อนคลายกัน ยังมีที่เที่ยวอีกมากมายรอให้คุณได้ไปเที่ยวกันอยุ่ ไม่ไกลด้วยแค่ 3 ชั่วโมง นิดๆ ก็ถึงแล้ว
หากนึกถึงชื่อของปราณบุรีขึ้นมา หลายๆ คนคงคิดพึงทะเลสวยๆ หาดทรายที่เงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่หลายๆ คนชื่นชอบในการมาเที่ยวปราณบุรี แต่วันนี้เราจะพาไปเปิดอีกหนึ่งมุมมองการท่องเที่ยวของปราณบุรีกันครับ ใครจะไปรู้ว่าที่ปราณบุรีแห่งนี้ มีแกรนด์แคนย่อนด้วย!!! ไปดูกันว่าแกรนด์แคนย่อนปราณบุรีเป็นอย่างไร แท้จริงแล้ว แกรนด์แคนย่อนปราณบุรีแห่งนี้ก็คือบ่อดินเก่าที่ถูกทิ้งร้างในบริเวณบ้านหนองกา หลังจากนั้นได้มีน้ำพุดขึ้นมาเป็นน้ำที่มีความใสและมีสีออกเขียวๆ คล้ายกับสระมรกต ทำให้หลายๆ คนในพื้นที่รวมทั้งเด็กได้ใช้ที่นี่เป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งที่นี่ยังไม่มีคนรู้จักมากนัก จึงไม่เหมาะสำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น เพราะน้ำลึกมาก และที่อันซีนอีกสิ่งหนึ่งของแกรนด์แคนย่อนแห่งนี้คือมีเนินทรายสีขาวโผล่ขึ้นมากลางบ่อน้ำสามารถเดินเล่นได้ด้วย หรือใครจะไปถ่ายรูปสวยๆ โลเคชั่นนี้ก็สวยงามอลังการไม่เบา รับรองว่าเพื่อนๆ ของคุณต้องสงสัยและตั้งคำถามแน่นอนว่ารูปที่คุณถ่ายนี้อยู่ที่ไหน ใครอยากเปิดประสบการณ์กับสถานที่ท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ลองไปเล่นน้ำหรือถ่ายรูปเล่นกันได้ที่แกรนด์แคนย่อนปราณบุรี ที่มา >>> sanook
วันนี้เราจะพาไปตามรอย 3 ที่เที่ยวของจังหวัดชลบุรี ที่สามารถขับรถไปเที่ยวได้ภายใน 1 วันและที่สำคัญทั้ง 3 ที่นั้นเป็นโลเคชั่นที่ถ่ายภาพได้สวยงามมาก บางที่ถ่ายออกมาแล้วเหมือนกับอยู่ต่างประเทศเลยทีเดียว แต่ใครจะรู้ล่ะว่าสถานที่เหล่านี้อยู่ใกล้คุณแค่เอื้อม 1.แกรนด์แคนย่อน คีรีเริ่มต้นจากที่แรกที่อยู่ใกล้กรุงเทพที่สุด แกรนด์แคนย่อนคีรี หรือเหมืองหินเก่าคีรีนั่นเอง เพียงขับรถลงจากทางด่วนแค่เพียงไม่กี่ 10 นาทีคุณก็จะได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่มนุษย์สร้างขึ้น เหมืองหินขนาดใหญ่ที่ขณะนี้ได้แปรเปลี่ยนสภาพเป็นบ่อน้ำมรกตขนาดยักษ์ รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ และชั้นหินที่สลับซับซ้อนกันไป เป็นภาพบรรยากาศที่แปลกตาและสวยงามมาก ในวันที่แดดออก น้ำในบ่อจะสะท้อนแสงออกมาเป็นสีเขียวมรกต ตัดกับสีของท้องฟ้าและก้อนเมฆ เป็นภาพที่มหัศจรรย์สุดๆ ที่นี่ถือว่าเป็นโลเคชั่นถ่ายภาพที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนี้ ด้วยความที่มีลักษณะที่แปลกใหม่และอยู่ใกล้กรุงเทพแค่นิดเดียว จึงกลายเป็นที่เที่ยวทอล์คออฟเดอะทาวน์ในตอนนี้ 2.อ่างเก็บน้ำบางพระมา ถึงโลเคชันที่ 2 ของเราในวันนี้ ขับรถต่อมาจากแกรนด์แคนย่อนคีรีอีกประมาณ 20 นาที ก็จะถึงอ่างเก็บน้ำบางพระ ที่นี่ถือเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์รวมความสวยงามทั้งวิวทิวทัศน์ ถนนหนทาง และดอกไม้นานาพันธุ์ ที่ผู้คนนิยมแวะมาจอดรถพักผ่อน หรือ มาถ่ายรูปสวยๆ กันอย่างมากมาย ไฮไลท์มุมถ่ายภาพที่ห้ามพลาดหากมาที่นี่ก็คือ ถ่ายรูปบริเวณสันอ่างเก็บน้ำที่ทอดยาวขนานไปกับผืนน้ำขนาดใหญ่ และหากใครมาที่นี่ในช่วงเดือนมีนาคม คุณก็จะได้พบกกับมหัศจรรย์ดอกตะแบกบาน ณ อ่างเก็บน้ำบางพระ ถนนหนทางจะกลายเป็นสีชมพู เป็นอันซีนไทยแลนด์ที่หาชมได้ยาก ปีหนึ่งจะได้เห็นแค่ช่วงเดียวเท่านั้น ใครโชคดีได้ไปในช่วงนั้น รับรองว่าได้ลั่นชัตเตอร์กันจนสนุกมือแน่นอน 3.จุดชมวิวเขาพระตำหนัก หลายๆคนอาจจะเคยได้เห็นรูปโค้งวงพระจันทร์ของชายหาดพัทยาตามโปสเตอร์การท่องเที่ยวต่างๆ กันมาบ้างแล้ว และเราเชื่อว่ามีหลายคนที่กำลังสงสัยว่ามุมสวยงามสุดอันซีนนี้อยู่ตรงไหนของเมืองพัทยากัน? ภาพมุมสูงที่ถ่ายลงมาเห็นโค้งวงพระจันทร์ชายหาดพัทยาแท้จริงแล้วคือจุดชมวิวเขาพระตำหนักนั่นเอง เขาพระตำหนักคือภูเขาที่มีขนาดไม่สูงมากตั้งอยู่บริเวณชายหาดเมืองพัทยาใต้ หรือใครนึกไม่ออกให้นึกถึงภูเขาที่ตั้งป้าย Pattaya นั่นเองครับ ข้างบนจุดชมวิวเขาพระตำหนักคือสวนสาธารณะ และอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ในช่วงเวลาเย็นๆ พระอาทิตย์กำลังจะตกจนถึงช่วงหัวค่ำจะเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุดในการชมวิวเมืองพัทยาจากบนเขาพระตำหนัก ใครที่ชอบถ่ายรูปต้องห้ามพลาดไปเก็บรูปในมุมนี้ ที่มา >>> sanook
วันนี้เราจะพาไปชมก้อนหินสุดมหัศจรรย์ ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายๆ คนยังไม่รู้จักหรือแม้แต่เคยได้ยิน มาดูกันว่าเหตุใดก้อนหินธรรมดาๆ จึงได้กลายเป็นอันซีนไทยแลนด์ที่งดงามและดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชื่นชมกัน หินพัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ ม.13 ต.ท่าขนอน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ที่วางซ้อนทับกัน โดยมียอดของก้อนที่เห็นเป็นหินทรงคล้ายๆ กับพัดตั้งอยู่บนยอดกองหิน ลักษณะแปลกประหลาด คือมีขนาดใหญ่ แต่ตั้งอยู่ได้โดยที่ฐานไม่ติดพื้น ซึ่งมองดูผิดกับหลักธรรมชาติ เป็น ความมหัศจรรย์ที่ทำให้หลายคนรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็น ซึ่งหลายๆ คนก็เปรียบเทียบว่าหินพัดแห่งนี้มีลักษณะคล้ายๆ กับพระธาตุอินแขวนในประเทศพม่า ในยามที่พระอาทิตย์กำลังจะตก ท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนสี แสงสว่างเริ่มหายน้อยลงไป เป็นช่วงเวลาทไวไลท์ที่สามารถชมหินพัดแห่งนี้ได้อย่างงดงามมาก แสงอาทิตย์ที่สะท้อนกับหินพัดกระจายแสงออกมาเป็นรัศมีสวยงาม เหมาะที่จะมาตั้งกล้องถ่ายภาพกันในบริเวณนี้ นอกจากนี้ในยามเช้าบริเวณลานหินพัดแห่งนี้ยังมีทะเลหมอกให้ชมด้วย ใครที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกแดนใต้ต้องลองมาสัมผัสดูสักครั้ง รับรองว่าสวยงามไม่แพ้ภาคเหนือเลยทีเดียว ที่มา >>> sanook
นักท่องเที่ยวสายทะเลเตรียมตัวให้พร้อม นั่งรถไฟชิลๆ ไปเที่ยวทะเลสัตหีบกัน นั่งรถไฟไปสัตหีบจริงๆ เพราะตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยได้เปิดให้บริการรถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์ กรุงเทพ - พลูตาหลวง เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวระหว่างภูมิภาค ซึ่งถือว่าเป็นเส้นทางรถไฟที่ตอบโจทย์สำหรับนักท่องเที่ยวสายชิลล์ที่ชื่นชอบการเที่ยวทะเลเป็นอย่างมาก แถมราคาค่าโดยสารก็ถูกแสนถูก แพงสุดเพียงแค่ 170 บาทเท่านั้น โดยรถไฟขบวนนี้จะวิ่งให้บริการเฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์ เริ่มต้นทางจากหัวลำโพง ไปสุดสายปลายทางที่อู่ตะเภาสัตหีบใช้เวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น ลืมภาพรถไฟเก่าๆ ที่คุณเคยนั่งอย่างลำบากลำบนได้เลย เพราะรถไฟขบวนใหม่นี้มีความสะดวกสบาย ที่นั่งเป็นเบาะนั่งสบาย และมีเครื่องปรับอากาศทุกตู้โบกี้ ในระยะแรกเปิดทดลองเป็นระยะเวลา 6 เดือน มีให้บริการวันละ 2 ขบวน ไป/กลับ คือ ขาไปขบวนที่ 997 กรุงเทพฯ-บ้านพลูตาหลวง รถออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ เวลา 06.45 ถึงสถานีบ้านพลูตาหลวง เวลา 09.50 น. ส่วนขากลับขบวนที่ 998 บ้านพลูตาหลวง-กรุงเทพฯ รถออกจากสถานีบ้านพลูตาหลวง เวลา 15.50 น. ถึงสถานีรถไฟกรุงเทพฯ เวลา 18.55 น. ใครที่กำลังสนใจจะใช้บริการรถไฟสายนี้ควรรีบจองตั๋วล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง เพราะรถไฟสายนี้เพิ่งเปิดให้บริการใหม่จึงมีผู้ต่อคิวรอใช้บริการในแต่ละวันหนาแน่น เพราะฉะนั้นหากคุณจองที่นั่งไว้ก่อนวันเดินทางจะเป็นตัวเลือกที่ดีและปลอดภัยที่สุดที่คุณจะไม่ตกรถไฟที่มีแค่ 2 รอบใน 1 วันเท่านั้น นั่งรถไฟไปเที่ยวทะเลกันแบบเก๋ๆ ฉีกทุกกฏเกณฑ์รถไฟไทย นักท่องเที่ยวสายชิลล์ต้องห้ามพลาด . ที่มา >>> sanook
|
AuthorWrite something about yourself. No need to be fancy, just an overview. Archives
January 2021
Categories |