สำหรับใครที่ทำงานยุ่ง ๆ ไม่ค่อยมีเวลา แต่อยากตระเวนไหว้พระ-ทำบุญ เพื่อเสริมสร้างกำลังใจ และความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต เราขอแนะนำวัดที่ตั้งอยู่ใกล้กับเส้นทางรถไฟฟ้า BTS และรถไฟใต้ดิน MRT ให้คุณได้แวะทำบุญช่วงวันหยุดกันค่ะ 1. วัดหัวลำโพง พระอารามหลวง เป็นวัดใหญ่ใจกลางเมืองที่ชาวกรุงเทพฯ ต่างรู้จักกันดี นอกจาก มีพระอุโบสถแบบทรงไทยจตุรมุข 3 ชั้น ปูพื้นด้วยหินอ่อนสวยงาม ภายในยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธมงคล” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย และบริเวณด้านข้างของวัดหัวลำโพง ยังมีจุดให้ไถชีวิตโคกระบือ หรือบริจาคทานประเภทต่าง ๆ ทั้งมีมูลนิธิร่วมกตัญญู และศาลเจ้าพ่อเขาตก ให้ได้ทำบุญโลงศพ เพื่อสะเดาะเคราะห์ หากใครอยากทำบุญ แต่ฤกษ์สะดวกคือหลังเวลา 18.00 น. ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะวัดหัวลำโพงเปิดให้มาทำบุญได้ตลอด 24 ชั่วโมง การเดินทางไปทำบุญ : รถไฟใต้ดิน MRT สถานีสามย่าน หรือสถานีหัวลำโพง 2. วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วัดสระปทุม” เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในย่านศูนย์การค้าชื่อดังของกรุงเทพฯ อย่างสยามพารากอนและเซ็นทรัลเวิลด์ แม้วัดปทุมวนารามราชวรวิหารจะอยู่ในจุดที่ผู้คนพลุกพล่าน แต่บรรยากาศภายในกลับเงียบสงบ จึงเป็นวัดอีกแห่งหนึ่งที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นิยมแวะเวียนไปไหว้พระ ทำบุญ และนอกจากจะอิ่มบุญแล้ว คุณยังได้ชมความงดงามของจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถด้วย การเดินทางไปทำบุญ : รถไฟฟ้า BTS สถานีสยาม 3. วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เดิมชื่อว่า “วัดสามจีน” เป็นวัดดังย่านเยาวราช ซึ่งรู้จักในหมู่ชาวไทยและชาวต่างชาติว่า เป็นที่ประดิษฐาน “พระสุโขทัยไตรมิตร ปางมารวิชัย” พระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่ที่สุดในโลก จึงเป็นอีกสถานที่ที่ประชาชนนิยมมากราบไหว้ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล และชื่นชมความงดงามของพระพุทธรูปทองคำ การเดินทางไปทำบุญ : รถไฟใต้ดิน MRT สถานีหัวลำโพง 4. วัดไผ่ตัน วัดเก่าแก่มีอายุมากกว่า 200 ปี เพียงแห่งเดียวในย่านสะพานควาย ทำให้ที่นี่เป็นจุดศูนย์รวมของผู้คนในย่านนั้นไปโดยปริยาย ภายในวัดมีวิหารจัตุรมุข และมี “หลวงพ่อพุทธโสธรจำลอง” ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวพุทธประดิษฐานอยู่ด้านใน นอกจากนี้ ภายในวิหารยังมีลวดลายจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ซึ่งเล่าถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในพระพุทธศาสนาด้วย การเดินทางไปทำบุญ : รถไฟฟ้า BTS สถานีสะพานควาย 5. วัดธาตุทอง เป็นพระอารามหลวงตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมมีพระอาราม 2 แห่ง คือ วัดหน้าพระธาตุ และวัดทองล่าง ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา กระทั่งได้มีการย้ายมาสร้างใหม่ยังสถานที่ปัจจุบัน โดยประชาชนนิยมเดินทางมากราบไหว้พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุอินทร์แขวน จำลอง และแวะชมความสวยงามทางสถาปัตยกรรมของพระวิหาร การเดินทางไปทำบุญ : รถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย 6. วัดพระศรีมหาอุมาเทวี ที่หลายคนคุ้นกันในชื่อ “วัดแขก” เป็นโบสถ์พราหมณ์ย่านสีลมที่มีชื่อเสียงมากในหมู่ชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต่างแวะเวียนไปสักการะพระศรีมหาอุมาเทวีซึ่งเป็นพระชายาของพระศิวะไม่ขาดสาย เพื่อเสริมสิริมงคลในเรื่องการงาน การเงิน และความรัก นอกจากนี้ ยังมีทวยเทพองค์อื่น ๆ อาทิ พระศิวะ พระวิษณุ พระพิฆเนศ พระขันธกุมาร พระกฤษณะ เป็นต้น การเดินทางไปทำบุญ : รถไฟฟ้า BTS สถานีศาลาแดง หรือรถไฟใต้ดิน MRT สถานีสีลม 7. วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ หรือ “วัดเล่งเน่ยยี่ 2” เป็นวัดจีน สาขา 2 ในย่านนนทบุรี ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางกว่าวัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่ 1) ที่ตั้งอยู่ย่านเยาวราช กรุงเทพฯ โดยวัดเล่งเน่ยยี่ 2 ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือ ในหลวง รัชกาลที่ 9 เนื่องในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี (เมื่อปี 2539) นอกจากสถาปัตยกรรมจีนในยุคราชวงศ์หมิง-ชิงที่งดงามแล้ว วัดเล่งเน่ยยี่ 2 ยังเป็นวัดที่คนนิยมมากราบไหว้ขอพร และแก้ปีชง เพื่อสะเดาะเคราะห์ให้กับตนเอง การเดินทางไปทำบุญ : รถไฟใต้ดิน MRT สถานีคลองบางไผ่ 8. วัดธรรมาภิรตาราม ที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “วัดสะพานสูง” เป็นวัดที่ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในชุมชนบางซื่อมาช้านาน เห็นได้จาก “โรงเรียนวัดธรรมาภิรตาราม” ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดที่ถูกตั้งขึ้นมาตั้งแต่อดีต และแม้พื้นที่วัดจะไม่มากมาย แต่พระอุโบสถวัดธรรมาภิรตารามก็มีความงดงามไม่แพ้ใครเลย การเดินทางไปทำบุญ : รถไฟใต้ดิน MRT สถานีบางซื่อ 9. วัดอภัยทายาราม หรือที่หลายคนเรียกกันติดปากว่า “วัดมะกอก” เป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งย่านอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งอยู่ติดกันกับโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า แม้วัดอภัยทายาราม ตั้งอยู่ตรงจุดศูนย์กลางคมนาคมที่สำคัญของกรุงเทพฯ เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อที่มีระบบขนสาธารณะให้เลือกใช้บริการอยู่มากมาย แต่บรรยากาศภายในวัดกลับเงียบสงบ เหมาะแก่การมาไหว้พระ สวดมนต์ และนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง การเดินทางไปทำบุญ : รถไฟฟ้า BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , tonkit360
0 Comments
เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะไม่เคยได้ยินชื่อของเขาศูนย์มาก่อนแน่นอน ที่นี่คือยอดเขาที่เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกของจังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้คนรู้จักและเคยไปเที่ยวที่นี่น้อยมาก เรียกได้ว่าเป็นที่เที่ยวลับเลยทีเดียว แต่ขอบอกเลยว่าความสวยงามและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์นั้นที่นี่ยังคงมีอยู่แบบเต็มร้อย ในยามเช้าของทุกวันจะมีทะเลหมอกปกคลุมยอดเขาอย่างหนาแน่น มีลานกางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะชมทะเลหมอกในยามเช้า ใครที่ไม่มีเต็นท์ไปเองสามารถหาเช่าด้านบนได้ในราคาหลังละ 350 บาท ทางขึ้นลงสามารถขับรถขึ้นไปได้ทางไม่ชันมาก สามารถมาเที่ยวได้ทุกเพศทุกวัย ใช้เวลาแค่ประมาณ 15 นาทีก็มาถึงยอดเขา ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวหน้าหนาวแบบแปลกๆ ใหม่ๆ อยู่ แนะนำเลยครับ ขึ้นมานอนกางเต็นท์ที่นี่สักคืน มาซึมซับกับบรรยากาศแห่งความเงียบสงบได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง ไม่ผิดหวังแน่นอน ที่ตั้งเขาศูนย์ : ตั้งอยู่ใน ตำบลกะเปียด อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช สามารถขึ้นไปนอนกางเต็นท์ได้ ค่าเช่าเต็นท์ 350 บาท พร้อมเครื่องดื่มตอนเช้า ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก :sanook , Peeranut P. , อา-เถียร ปังวินดี
เขื่อนขุนด่านปราการชลแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับทุกคน ใครต่อใครที่คิดถึงที่เที่ยวธรรมชาติใกล้ๆ กรุงเทพก็มักจะคิดถึงเขื่อนขุนด่านปราการชลเป็นอันแรกๆ แต่วันนี้ จะพาคุณไปทำความรู้จักกับอีกมุมหนึ่งของเขื่อนขุนด่านปราการชลเป็นความงดงามที่ซ่อนอยู่ภายในเขื่อนซึ่งหลาย ๆคนอาจจะยังไม่เคยได้มาสัมผัส กับการล่องเรือในเขื่อนไปชมน้ำตกกันครับ โดยการเดินทางไปล่องเรือชมน้ำตกในเขื่อนขุนด่านปราการชลนั้นจะต้องขับรถขึ้นไปบริเวณสันเขื่อน และติดต่อซื้อทัวร์วันเดย์ทริปเที่ยว 3 น้ำตกภายในเขื่อน โดยมีค่าบริการล่องเรืออยู่ที่ลำละ 1,500 - 2,000 บาท เรือนั่งได้ 10 คน หารกันตกคละไม่เกิน 200 บาท ซึ่งสำหรับใครที่มาน้อย 1 ถึง 2 คน สามารถจอยทริปไปกับคนอื่นได้ เมื่อตกลงราคาและซื้อบัตรขึ้นเรือเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาไปขึ้นเรือระหว่างรอเรือสามารถถ่ายรูปเล่นกันบนสันเขื่อนได้ ท่าเรือที่เราจะขึ้นในวันนี้ก็อยู่ตรงสันเขื่อนนี่เอง เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วทั้งพี่คนขับเรือและนักท่องเที่ยวก็ได้เวลาใส่เสื้อชูชีพและออกเดินทางผจญภัยไปในเขื่อนขุนด่านปราการชลกันแล้วครับ ระหว่างทางเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขื่อนขุนด่านปราการชลที่เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ นี้จะมีธรรมชาติระหว่างทางที่สวยงามขนาดนี้รอเราอยู่ สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าไม้ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ มีความเขียวขจีอยู่ไปทั่วทุกแห่ง ยิ่งมองยิ่งรู้สึกสดชื่นยิ่งประกอบกับสายน้ำไหลเย็นที่เราได้วิ่งผ่านด้วยแล้วยิ่งสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเริ่มให้แก่เราในทันที เรือวิ่งมาได้สักพักก็มาจอดแวะให้เราที่จุดแรก กับน้ำตกผางามงอน น้ำตกแห่งแรกของเราในวันนี้ ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจำนวน 3 น้ำตกนี้ ทางขึ้นไปสู่น้ำตกผางามงอนนี้จะต้องใช้ความสามารถในการปีนป่ายนิดหนึ่ง จากท่าเรือที่จอดส่งเรา จะพบกับฝูงผีเสื้อที่บินมาต้อนรับอย่างมากมายแสดงให้เห็นถึงความเป็นธรรมชาติของที่นี่ยังคงเต็มเปี่ยมและสมบูรณ์ ระหว่างทางต้องปีนผ่านก้อนหินที่ค่อนข้างชันแต่ไม่โหดจนเกินไปสามารถปีนขึ้นไปได้แบบสบายๆ ไม่ถึง 5 นาทีเราก็จะเดินขึ้นมาจนถึงน้ำตกผางามงอน ซึ่งเป็นผาน้ำตกขนาดใหญ่ที่งดงามมากๆ รอบข้างเป็นต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวชอุ่ม น้ำตกไหลแรงชุ่มฉ่ำ สร้างความประทับใจให้แก่ทุกคนที่ได้ขึ้นมายืนตรงนี้ เมื่อชมความงดงามพร้อมทั้งถ่ายรูปน้ำตกผางามงอนกันจนพอใจแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางต่อไปยังน้ำตกแห่งที่ 2 ของเราในวันนี้ ซึ่งระหว่างทางมีฝนตกโปรยปรายลงมาสร้างความแตกต่างของอารมณ์ให้แก่เรา เป็นความสวยงามในอีกแบบหนึ่ง ได้บรรยากาศของป่าฝนเป็นอย่างมาก ยิ่งตอนที่เรือแล่นผ่านเข้าไปในช่องแคบที่สองข้างทางล้วนมีแต่ป่าไม้สีเขียวนั้น ความรู้สึกเหมือนกับอยู่ป่าอเมซอนจริงๆ และสุดท้ายกับน้ำตกช่องลม ซึ่งในช่วงหน้าแล้งนั้นพื้นที่บริเวณนี้จะมีพื้นดินโผล่ขึ้นมา และปกคลุมไปด้วยต้นหญ้า มีกรวดหินเรียงรายมองดูคล้ายอยู่ยุโรปเลยทีเดียว แต่ในช่วงนี้น้ำในเขื่อนยกระดับสูงขึ้นและได้ท่วมพื้นดินตรงนั้นไปหมดแล้ว เหลือไว้เพียงความงดงามของน้ำตกช่องลมที่ยังคงเป็นหลักฐานถึงความงดงามให้เราได้เห็นกันอยู่ ซึ่งนั่นก็ได้สร้างความประทับใจให้แก่เราไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะน้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่กลางแอ่งหินขนาดใหญ่ เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์เอาไว้ได้อย่างงดงาม จบไปแล้วสำหรับการท่องเที่ยววันเดย์ทริปในเขื่อนขุนด่านปราการชล เรือพาเรากลับมาส่งที่สันเขื่อนเหมือนเดิม และฝากความทรงจำดีๆ ไว้ให้แก่เรากลับไป โดยรวมแล้ว การมาเที่ยวเขื่อนขุนด่านปราการชลของเราในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ โดยสิ้นเชิง การได้มาล่องเรือด้านในเขื่อนได้เปิดโลกมุมมองใหม่ๆ ให้แก่เรา ไม่น่าเชื่อว่าสถานที่ที่หลายๆ คนมองว่าเป็นที่เที่ยวธรรมดาๆ จะมีสิ่งสวยงามซ่อนอยู่ภายใน ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ป่าไม้ที่ยังคงเขียวขจีไม่มีรอยแหว่งเลยสักจุด น้ำตกที่แสนจะชุ่มชื่น และความเงียบสงบในแบบที่ควรจะเป็นของธรรมชาติ เป็นความมหัศจรรย์ที่อยากให้ทุกคนได้มาเห็นด้วยตาตนเอง ข้อมูลเพิ่มเติม ค่าบริการเช่าเรือ : 1,500 - 2,000 บาท ที่ตั้ง : ด้านในเขื่อนขุนด่านปราการชล ตำบลนาหินลาด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
วันนี้ จะชวนทุกคนไปเก็บตะวันและสัมผัสบรรยากาศแห่งแสงสุดท้ายของวันที่ บึงละหาน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิกัน บึงละหานแห่งนี้เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย ภายในบึงมีบัวแดงขึ้นอยู่มากมาย เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งนอกจากการล่องเรือเที่ยวชมบัวแดงในบึงละหานแล้ว ที่นี่ยังมีการปรับปรุงภูมิทัศนย์ สร้างสะพานไม้ และมุมถ่ายรูปสวยๆ เป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ ที่สวยงามอย่างมากในช่วงพระอาทิตย์ตก ใครที่ชื่นชอบการถ่ายรูป พกกล้องตัวเก่งแล้วออกไปเก็บภาพบรรยากาศสวยๆ ที่บึงละหานกันดีกว่า ที่ตั้งบึงละหาน : ต.ละหาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
สระแก้วเมืองรองที่หลายคนมองผ่านในเรื่องของการท่องเที่ยว แต่วันนี้เราจะพาไปเปิดประสบการณ์เที่ยวสระแก้วในมุมใหม่ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยเห็น กับที่เที่ยวสุดอันซีน "ละลุ ดินแดนมหัศจรรย์" ละลุเป็นภาษาเขมรที่แปลว่าทะลุ เป็นชื่อเรียกของลักษณะดินที่เกิดการยุบตัวจนกลายเป็นรูปร่างรูปทรงที่แปลกตา ซึ่งหาชมได้แค่ไม่กี่ที่ในประเทศไทย และหนึ่งในนั้นอยู่ที่สระแก้ว ถ้าจะให้อธิบายพื้นที่บริเวณนี้คงจะดูคล้ายกับแกรนด์แคนยอน ขนาดย่อม ที่มีความสวยงาม น่าตื่นตาตื่นใจ เสาดินแต่ละต้นมีรูปร่างที่ต่างกัน หน้าผาดินมีลวดลายที่เกิดจากน้ำกัดเซาะ เป็นมุมถ่ายรูปสุดอันซีนที่ควรมาชม โดยการเดินทางเข้าไปสู่ละลุนั้นจะมีชาวบ้านคอยบริการขับรถอีแต๊กพานักท่องเที่ยวเข้าสู่ละลุ ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ต้องใช้รถอีแต๊กเข้ามาเท่านั้นรถยนต์ธรรมดาห้ามเข้า นั่งรถอีแต๊กผ่านหมู่บ้านชมวิถีชีวิตกันเพลินๆ ผ่านทุ่งนาสีเขียวขจี ไม่กี่นาทีเราก็มาถึงบริเวณละลุกันแล้ว เมื่อได้มาเห็นเป็นครั้งแรกละลุก็ได้สร้างความประทับใจให้แก่เราเป็นอย่างมาก ความวิจิตรตระการตาราวกับงานศิลปะชิ้นเอกที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ขึ้นมา ความแปลกตาของสถานที่ที่ไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อน ราวกับหลุดเข้าไปยังอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว ความรู้สึกเหล่านี้ทำให้เราเข้าใจว่าเหตุใดคนถึงเรียกที่นี่ว่า ละลุ ดินแดนมหัศจรรย์ การเกิดขึ้นของละลุนั้นเกิดขึ้นมาหลายร้อยปีแล้ว โดยเกิดจากการกัดเซาะของน้ำฝนทำให้ดินยุบตัวลงและมีลักษณะแตกต่างกันบางอันเป็นแท่งดินขนาดใหญ่ บางอันเป็นแผ่นดินที่ดูเหมือนกำแพง ทั่วทั้งบริเวณนี้สามารถเดินถ่ายรูปกันได้แบบชิลๆ รับรองว่ามาที่นี่จะต้องได้รุปภาพสวยๆ กลับไปอวดเพื่อนแน่นอน การมาเที่ยวละลุนี้แนะนำว่าควรมาในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นที่แดดอ่อนๆ เพราะว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นที่โล่งกว้างในตอนกลางวันจะมีแดดแรงมาก อาจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินเที่ยว แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายรูปแล้วล่ะก็คุณจะเดินถ่ายรูปในนี้ได้โดยไม่มีบ่นเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนก็สวยงามไปเสียหมด เป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดอันซีนที่ไม่น่าเชื่อว่าใกล้กรุงเทพเพียงไม่กี่ชั่วโมงเราก็สามารถมาสัมผัสกับสิ่งนี้ได้ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองมาเห็น มาสัมผัส และเปิดประสบการณ์ผ่านโลกจากอดีตที่ยังคงเหลืออยู่ให้เราเห็นในทุกวันนี้ รีบมาชมก่อนที่วันหนึ่งธรรมชาติจะพัดพาให้ความมหัศจรรย์นี้เลือนหายไป ข้อมูลเพิ่มเติม ที่ตั้งละลุ : ตำบล ทัพราช อำเภอ ตาพระยา สระแก้ว ค่ารถอีแต๊กเข้าละลุ : 200 บาท ต่อคัน ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
ชี้เป้าสถานที่ท่องเที่ยวเลยใหม่ ๆ ที่นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรม สวยงามน่าประทับใจ น่าไปเที่ยวในช่วงปลายฝนต้นหนาว พอพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดเลย หลาย ๆ คนก็จะนึกถึงเพียงแค่ภูกระดึง ภูลมโล หรือไม่ก็อำเภอเชียงคาน ซึ่งอันที่จริงแล้วจังหวัดเลยยังมีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ รอเราอยู่อีกเพียบเลย วันนี้ก็เลยจะมาชี้เป้าสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ของจังหวัดเลยให้ได้รู้จักกันบ้าง บอกเลยว่าเหมาะแก่การไปเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาวด้วยนะ 1. ภูบ่อบิด ภูบ่อบิด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ห่างจากตัวเมืองเลยเพียงแค่ประมาณ 3 กิโลเมตรเท่านั้น อยู่ในเขตวนอุทยานภูบ่อบิด ตำบลชัยพฤกษ์ ตำบลเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเลย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมวิวทะเลหมอกสวย ๆ และยังได้เห็นวิวของเมืองเลยเป็นของแถมด้วย นักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าขึ้นไปยังยอดภูบ่อบิดเป็นระยะทางประมาณ 670 เมตร เป็นทางเดินบันได ไม่ลำบากมากนัก ใช้เวลาประมาณ 20 นาที เมื่อขึ้นไปแล้วก็จะสามารถมองเห็นวิวโดยรอบเมืองเลย พร้อมทั้งขุนเขาต่าง ๆ ที่อยู่โอบล้อมรอบ ๆ เมืองเลย เป็นภาพที่สวยงามและน่าประทับใจมาก 2. ภูบักได ภูบักได ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง อำเภอภูเรือ เป็นอีกหนึ่งยอดเขาสูงที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามมากของจังหวัดเลย ซึ่งที่ยอดภูจะสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,200 เมตร สามารถมองเห็นวิวของภูเขาน้อยใหญ่ได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เห็นผืนป่าที่สวยงามและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์สุด ๆ ในฤดูหนาวอากาศที่นี่จะหนาวเย็นจัด ยามเช้าจะมองเห็นทะเลหมอกสีขาวงดงามอลังการ ที่บริเวณยอดภูจะมีหินยื่นออกมาจากหน้าผา เรียกกันว่า ผาหลอกลวง เป็นมุมถ่ายภาพสุดฮิตที่ไม่ควรพลาด ทั้งนี้ที่ยอดภูบักได มีจุดกางเต็นท์ให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งจากตีนดอยจะต้องนั่งรถอีแต๊กขึ้นไปประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วเดินเท้าต่อไปอีกราว ๆ 1 ชั่วโมง 3. ภูอีเลิศ ภูอีเลิศ ตั้งอยู่ที่ตำบลปากหมัน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเลยอีกแห่ง ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปสัมผัสกับความงดงามของวิวทะเลหมอกสุดปัง ซึ่งจะสามารถเห็นสายหมอกสีขาวละมุนอยู่ท่ามกลางร่องภูเขาของทั้งฝั่งไทยและฝั่งประเทศลาว วันไหนที่อากาศดี ก็จะสามารถเอามือเอื้อมไปคว้าสายหมอกกันได้อย่างใกล้ชิด และตรงจุดชมวิวยังมีชะง่อนผาเล็ก ๆ ให้ได้ถ่ายภาพกันแบบชิค ๆ ด้วย ทั้งนี้บริเวณจุดชมวิวภูอuเลิศยังมีสภาพเป็นโขดหินสลับกับป่าไม้ ทัศนียภาพสวยงามมาก จนชาวบ้านขนานนามว่าเป็นแกรนด์แคนยอนจังหวัดเลย สภาพของอากาศที่นี่จะหนาวเย็นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะหน้าหนาว อากาศจะเย็นจับใจมาก ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเลยล่ะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก ภูอีเลิศ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : travel.kapook
ภูลังกา ที่เที่ยวในฝันของใครหลายๆ คน ภาพวิวทิวทัศน์ที่งดงามผ่านการสร้างสรรค์มาจากธรรมชาติ เปรียบดั่งรูปภาพที่บรรจงวาดขึ้นมาได้อย่างวิจิตรงดงาม ยิ่งในช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้ ภูลังกายิ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติเพราะในช่วงนี้มีอากาศหนาวเย็นและมีหมอกหนาในยามเช้า สายหมอกจับตัวกันหนาแน่น ลอยโอบล้อมภูเขาเอาไว้ ซึ่งเราสามารถชมวิวนี้ได้จากบนที่นอน โดยบนภูลังกานั้นจะมีที่พักให้บริการมีชื่อว่า บ้านทะเลหมอก ซึ่งเราสามารถชมวิวสุดมหัศจรรย์นี้ได้จากบนที่นอน ยามเช้าได้กาแฟร้อนๆ สักถ้วยนั่งมองสายหมอกที่ค่อยๆ ไหลผ่านขุนเขา อากาศที่เย็นสบาย แสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ สาดส่องขึ้นมาจากฟากฟ้า เป็นความฟินที่หลายๆ คนต้องอิจฉาคุณแน่นอน นอกจากที่พักบ้านทะเลหมอกแล้วที่นี่ยังมีร้านกาแฟ Magic Mountain ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวไฮไลท์ของภูลังกาเลยทีเดียว ร้านกาแฟบนหน้าผาหันหน้าออกสู่จุดชมวิว โดยไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นสายตา สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา สร้างความประทับใจและความทรงจำดีๆ ให้แก่ทุกคนที่ได้มาสัมผัส และสำหรับใครที่เป็นสายแอดเวนเจอร์ชมวิวจากที่พักยังไม่หนำใจ ก็สามารถขึ้นไปพิชิตยอดภูลังกาได้ ซึ่งบนยอดจะเป็นจุดชมวิวแบบพาโนรามา สามารถมองวิวสวยๆ ในยามเช้าของภูลังกาได้แบบเต็มที่ และแน่นอนว่าคุณจะได้รับรูปภาพสวยๆ กลับไปจากจุดนี้แน่นอน โดยรวมแล้วนี่คือทริปหลักพันที่ความฟินระดับล้านจริงๆ ที่พักราคาถูก สามารถเดินทางได้ไม่ยาก พกเงินไปเพียงหลักพันก็สามารถไปฟินกับบรรยากาศสุดพิเศษแบบนี้กันได้ที่ภูลังกา ที่ตั้งภูลังกา : 125 หมู่ 4 ตำบล ผาช้างน้อย อำเภอ ปง จังหวัดพะเยา ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
ปิดเทอมนี้ ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวสุดชิค สนุกผจญภัยกับเพื่อนๆยกแก๊งค์ ขอแนะนำ “Finn Planet The Mall Korat” สวนสนุกบ้านลมผจญภัยที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อยู่ที่ ชั้น 3 เดอะมอลล์ โคราช นี่เอง Finn Planet สวนสนุกบ้านลมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย บนเนื้อที่กว่า 1,600 ตารางเมตร เป็นแหล่งศูนย์รวมความสนุกสุดมันส์ใหม่ล่าสุดของวัยทีนให้ได้เปิดประสบการณ์ความสนุกและความตื่นเต้นรูปแบบใหม่สุดเอ็กซ์ตรีมไร้ขีดจำกัด ภายใน “Finn Planet” แบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก โซนที่ 1 “Game Zone” และโซนที่ 2 “โซนบ้านลมผจญภัย” โซนที่ 1 “Game Zone” โซนนี้รวบรวมตู้เกมส์ในตำนานที่คุณเห็นแล้วจะต้องร้องว้าวให้ได้สนุกกันอย่างเต็มที่ อาทิ Zone Carnival, Extreme Snowboard, Snow boarder, Love Sports, Hungry Dog, Cosmo Gang, Rabbids Hollywood, Transformers, Jurassic Park motion, Super MVP3 และ Nice Pingpong โซนที่ 2 “โซนบ้านลมผจญภัย” พบไฮไลท์ทั้งหมด 9 ด่าน ที่ห้ามพลาดแม้แต่ด่านเดียว อาทิ ด่านขวากหนามวัดใจ ท้าทายความสามารถกับการกระโดดข้ามเสาป๊อป-อัพต่าง ๆ วงล้อเกลียวและสิ่งกีดขวาง เพื่อข้ามไปยังอีกด่าน, ด่านบอลยักษ์สังหาร สนุกกับการข้ามผ่านเจ้าลูกบอลยักษ์เพื่อไปยังเส้นชัย, ระทึกกับการประลองที่สมจริงกับด่านลานประลอง แต่ปลอดภัยสูงสุดด้วยเทคโนโลยีระบบสุญญากาศ, ด่านคลื่นยักษ์ทรงพลัง ล่องลอยเหมือนอยู่กลางทะเล, เกือบลืมหายใจไปกับด่านสไลเดอร์สุดขอบฟ้าท้าทายไปกับความสูง และดิ่งลงอย่างรวดเร็วไปยังบ่อบอล, ด่านวงล้อมหาสนุก ตื่นเต้นไปกับการกระโดดหลบวงล้อพร้อมกับการทรงตัวยืนบนแท่นให้ได้ และด่านวัดใจอื่นๆอีกมากมาย จะสนุกสุดฟิน เร้าใจขนาดไหน ต้องไปลองด้วยตัวเอง ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
เชื่อเลยว่าใครที่ได้เห็นภาพ Hinoki Land เป็นครั้งแรกจะต้องคิดว่าที่นี่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่นแน่ๆ ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ญี่ปุ่นที่มีให้เห็นอยู่ทั่วบริเวณ Hinoki Land ซึ่งต้องบอกว่าเหมือนของจริงที่ประเทศญี่ปุ่นมากๆ แต่แท้จริงแล้วที่นี่ตั้งอยู่ในเมืองไทย ตั้งอยู่ในเชียงใหม่ทางภาคเหนือของไทยเรานี่เอง! Hinoki Land เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่อำเภอไชยปราการ มีการจำลองเสาในศาลเจ้าสไตล์ญี่ปุ่นมาเป็นมุมถ่ายรูปให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งตัวอาคารและพื้นที่โดยรอบล้วนตกแต่งด้วยศิลปะแบบญี่ปุ่นทั้งสิ้น ไปแต่งชุดกิมิโน เดินเล่นถ่ายรูปกันที่ Hinoki Land กัน รับรองว่าคุณจะได้รูปภพาพสวยๆ มาเก็บไว้ในความทรงจำแน่นอน เที่ยวเชียงใหม่แนวใหม่ไม่ได้มีแค่ธรรมชาติที่สวยงามจริงๆ ข้อมูลเพิ่มเติม Hinoki Land : ตำบล ศรีดงเย็น อำเภอ ไชยปราการ จังหวัด เชียงใหม่ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
นักท่องเที่ยวจากจังหวัดต่างๆ เริ่มทยอยเดินทางมาเที่ยวชมตามแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดเพชรบูรณ์ ในช่วงปลายฝนต้นหนาวกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะความสวยงามของทะเลหมอก ที่เขาตะเคียนโง๊ะ ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งสามารถชมทะเลหมอกได้ 360 องศา และมีลักษณะคล้ายภูเขาฟูจิยามา ที่ประเทศญี่ปุ่น สำหรับจุดชมทะเลหมอกเขาตะเคียนโง๊ะ เป็นจุดที่ชมทะเลหมอกของอำเภอเขาค้อที่กำลังเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถชมทะเลหมอกได้ 360 องศา เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นภูเขาที่ล้อมรอบด้วยที่ราบ จึงทำให้เกิดทะเลหมอกรอบภูเขา รวมทั้งมีภูเขาที่มีลักษณะคล้ายภูเขาฟูจิยามา ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อมีหมอกปกคลุมก็จะยิ่งดูเหมือนและมีความสวยงามเป็นอย่างมาก และนอกจากนั้นนักท่องเที่ยวยังสามารถพักค้างคืนเพื่อนอนชมดาวในกลางคืนซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก และต่อเนื่องด้วยการชมทะเลหมอกในช่วงเช้าอีกด้วย โดยอุณหภูมิต่ำสุดเมื่อช่วงเช้าวัดได้ 17-18 องศา ทั้งนี้ได้มีชาวบ้านรวมกลุ่มกันเป็นวิสาหกิจเพื่อจัดบริการเต็นท์ และอาหารพื้นบ้าน รวมทั้งอาหารทั่วไปให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะมานอนสัมผัสบรรยากาศ และชมทะเลหมอกดังกล่าวด้วย ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook
|
AuthorWrite something about yourself. No need to be fancy, just an overview. Archives
January 2021
Categories |