นักท่องเที่ยวจำนวนมากพาครอบครัวเพื่อนฝูงเดินทางท่องเที่ยวช่วงวันหยุดหยุดสุดสัปดาห์ที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจำนวนไม่น้อยเดินทางไปที่ผารักษ์สลัดได บ้านพุทธชาติ ตำบลไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว เพื่อชมวิวทิวทัศน์อำเภอวังน้ำเขียวได้ 180 องศา เนื่องจากเป็นจุดเช็คอินแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา ที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 530 เมตร โดยจะเปิดให้ชมตั้งแต่เวลา 06.09-18.00 น. แต่ไม่มีให้พักค้างแรม ซึ่งในช่วงปลายฝนต้นหนาว ธรรมชาติที่นี่จะมีความงดงามเป็นพิเศษ เพราะมีทะเลหมอกเกิดขึ้นให้เห็นบ่อยๆ ก่อนรับแสงพระอาทิตย์ยามเช้า ส่วนช่วงเย็น แดดร่มลมตก ก็สามารถรอชมพระอาทิตย์ตกดิน เพื่อเก็บภาพประทับใจกลับไปเป็นที่ระลึกได้ด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางมาชมวิวทะเลหมอกยามเช้าและพระอาทิตย์อัสดงยามเย็นบนผารักษ์สลัดได อำเภอวังน้ำเขียว สามารถมาเที่ยวชมได้ทุกวัน แต่ข้อความร่วมมือปฏิบัติตามกฎกติกาการมาเยือนเขาสลัดได ด้วยการงดนำขยะขึ้นมา หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมถึง งดส่งเสียงดัง ขับขี่รถเสียงดัง หรือทำกิจกรรมรบกวนธรรมชาติ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook,Peeranut P.
0 Comments
ความสวยงามที่ทำให้เวลาหยุดนิ่ง “ภูลังกา” จังหวัดพะเยา สถานที่ชมทะเลหมอกสุดสวย พร้อมสัมผัสอากาศดี ๆ และธรรมชาติเขียวขจี ที่รอคอยให้นักท่องเที่ยวไปยลโฉมในช่วงหน้าหนาว สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากสัมผัส “ทะเลหมอก” แบบเต็มท้องฟ้า ทีมงาน Paapaii.com ขอแนะนำให้มาที่ “จังหวัดพะเยา” เพราะ “ภูลังกา” ชื่อนี้ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง ยิ่งช่วงหน้าหนาว “อากาศดี” และสดชื่นมาก ๆ เหมาะสมกับการแวะมาพักผ่อนนอนดูดาว ตื่นเช้าชมหมอกสัก 1 คืน “ภูลังกา” ตั้งอยู่ในอำเภอปง จังหวัดพะเยา เป็นเทือกเขาสูงในเขตเทือกเขาสันปันน้ำ มีความสูงของจุดยอดดอยอยู่ที่ 1,720 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นที่เที่ยวยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติอย่างแท้จริง สำหรับคนที่จะมาเที่ยว “ภูลังกา” เราขอแนะนำว่าให้ใช้รถ 4WD ขับขึ้นไปเท่านั้น เพราะทางค่อนข้างอันตรายและโหดมาก หากใครไม่มีสามารถใช้บริการรถของชาวบ้านให้ขับขึ้นไปส่งได้ จะเสียค่าบริการอยู่ที่คันละ 1,000 บาท นั่งได้ประมาณ 10 คน แต่คุ้มค่ากับความปลอดภัยแน่นอน ขับมาสักพักเราก็มาถึง “ภูลังการีสอร์ท” รีสอร์ทสุดเรียบง่าย ที่จ่ายค่าที่พักหลักร้อย แต่เตรียมฟินกับวิวหลักล้าน เพราะ สามารถชมทะเลหมอกสวย ๆ และชมความงามของ “ผาช้างน้อย” ได้อย่างชัดเจน ที่นี่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจห้องพักกันเยอะมากในช่วงหน้าหนาว ใครจะมาพักลองโทรมาเช็คก่อนนะจะได้ไม่พลาด หลังจากพักผ่อนและเก็บของเรียบร้อย เราก็เตรียมตัวที่จะไปพิชิต “ภูลังกา” ที่มีความสูง 1,720 เมตร โดยการให้พี่คนขับรถ 4WD มาส่งที่จุด “เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติวนอุทยานภูลังกา” ที่ต้องเดินต่ออีก 800 เมตร เท่านั้นจะถึงยอดดอย ตลอดสองข้างทางเราจะได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติ ทิวทัศน์ของป่าและภูเขามากมาย ยิ่งขึ้นสูงอากาศก็ยิ่งหนาว และมีลมเย็น ๆ พัดมากระทบล่างทำให้การเดินขึ้นไม่เหนื่อยมาก ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงแล้ว “ดอยภูลังกา” ความสูง 1,720 เมตร ข้างบนนี้วิวดีและสวยงามมาก ๆ เราใช้เวลายืนอยู่นิ่ง ๆ เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ และบันทึกช่วงเวลานี้อยู่สักพัก ก็ต้องบอกว่าใครที่ชอบเดินป่า ขึ้นเขา เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาสัมผัสลมหนาว กับธรรมชาติสวย ๆ ของที่นี่ได้เลย ภูลังกาดีมากจริงๆ ในตอนกลางคืน “ภูลังกา” ถือว่าเป็นสถานที่นอนดูดาว ที่สวยอีกหนึ่งแห่งในประเทศไทย เพราะ สามารถมองเห็นดาวได้อย่างใกล้ชิดและชัดเจน ซึ่งคืนนี้ฟ้าค่อนข้างโปร่งทำให้ดาวเยอะเป็นพิเศษ และส่องประกายสวยงามเป็นภาพที่แสนประทับใจเต็มท้องฟ้า เมื่อยามเช้ามาเยือนเราก็ต้องตะลึง กับความงดงามของ “ทะเลหมอก” ที่เยอะมาก วิวหมอกปกคลุมทั่วผาช้างน้อยสวยเกินคำบรรยาย และบริเวณพื้นที่โล่งที่เราเห็นในตอนกลางวัน อยากบอกว่าพื้นที่เยอะมาก แต่ถูกคลุมด้วยหมอกจนมิด ซึ่งเป็นไฮไลท์ของการมาเยือน “ภูลังกา” ที่นักท่องเที่ยวต่างประทับใจในความอลังการของทะเลหมอกแห่งนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงไม่นาน แต่การเดินทางมาเยือน “พะเยา” ในครั้งนี้ ได้สะกดให้เวลาชีวิตของเราหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เราลืมภาพความวุ่นวายของเมืองกรุง บรรยากาศรถติด และได้สัมผัสอากาศดี ๆ ทะเลหมอกสวย ๆ และธรรมชาติแสนอุดมสมบูรณ์ ณ “ภูลังกา” แห่งนี้ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook,Paapaii
เยือนหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วยความสุข “อีต่อง” จังหวัดกาญจนบุรี ไปใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ พร้อมสัมผัสลมหนาวจากธรรมชาติ แล้วไปนอนกางเต็นท์ดูดาวสวย ๆ บนยอดเขา ก่อนที่จะลงมาพักผ่อนหัวใจด้วยการเล่นน้ำตก ทริปนี้ทีมงาน บอกเลยว่าเพื่อน ๆ ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะ นอกจากการมาสัมผัสลมหนาวที่ “อีต่อง” แล้ว เราจะพาไปเที่ยวชมเมืองแห่งเหมืองแร่ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต ว่าปัจจุบันกลายเป็นสถานที่เที่ยวยอดฮิต ที่ครองใจทั้งคนไทยและชาวต่างชาวจนชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว ว่ามีที่เที่ยวที่น่าสนใจอะไรบ้าง “อีต่อง” สถานที่เที่ยวยอดฮิตจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งอยู่ในตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ ติดชายแดนไทยพม่า สามารถเดินทางมาโดยใช้ถนนเส้นกาญจนบุรี-ทองผาภูมิ เพื่อเข้าสู่ตัวเมือง และเดินทางต่ออีกประมาณ 30 กิโลเมตร ผ่านทางโค้ง 399 โค้ง ก็จะถึงหมู่บ้านอีต่อง ดินแดนเหมืองแร่เก่าแก่สุดคลาสสิค ที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี สถานที่แรกเมื่อมาเยือน “อีต่อง” เราอยากให้ทุกคนมาสัมผัสความโรแมนติกของ “ระเบียงป้ายไม้” บริเวณบ่อน้ำหน้าหมู่บ้าน กิจกรรมตรงนี้ก็คือ การเขียนป้ายไม้แล้วแขวนไว้ที่สะพานแบบเกาหลีนั่นเอง ใครอยากเขียนชื่อตัวเองกับแฟนก็จัดไปแบบหวานๆ หรือใครมีความรู้สึกอะไรในใจก็มาระบายไว้ในนี้ได้นะ ต่อมาเราชวนเพื่อน ๆ เดินขึ้นไปสู่ด้านบนของหมู่บ้าน ไปเติมแต้มบุญพร้อมไหว้พระธาตุ ที่วัด “พระธาตุเหมืองปิล็อก” พร้อมชมความงามของวัดที่สร้างด้วยศิลปะแบบพม่า ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และสวยงามเป็นอย่างมาก ในช่วงเย็นวันนี้เราตัดสินใจที่จะไม่พักในหมู่บ้าน “อีต่อง” ด้วยการเดินทางออกจากหมู่บ้านมาไม่กี่กิโลเมตร มานอนกางเต็นท์ในจุดชมวิวที่ชื่อ “เนินช้างศึก” เพื่อสัมผัสช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดินสวย ๆ และนอนดูดวงดาวเต็มท้องฟ้า จากความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,053 เมตร ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ และเป็นภาพที่งดงามจริงๆ หลังจากหลับเอาแรงมาตลอดคืน รุ่งเช้าของวันใหม่ก็มาเยือน “เนินช้างศึก” สภาพอากาศในตอนเช้าหนาวมาก เรายืนคดตัวอยู่ในเสื้อกันหนาวหลายชั้น เพื่อรับไออุ่นจากแสงแดดที่ค่อย ๆ ทอแสงลงมา พร้อมชมความงามของพระอาทิตย์ดวงน้อย ๆ ที่โผล่ขึ้นมาจากหลังทิวเขาน้อยใหญ่อย่างแสนสวยงาม หลังจากยลโฉมพระอาทิตย์จนเต็มอิ่ม สิ่งต่อไปที่สะกดสายตาเราให้หยุดนิ่งก็คือ “ทะเลหมอก” สีขาวโพลนที่ปกคลุมไปทั่วเนินช้างศึก และภูเขาอีกหลายลูก อากาศในตอนนี้ค่อนข้างหนาวเย็นลงไปอีกขั้น แต่ก็สดชื่นมาก ๆ เมื่อสูดเข้าไป ซึ่งเป็นเสน่ห์ในช่วงหน้าหนาวอย่างแท้จริง ปิดท้ายทริปนี้ลงจากเนินช้างศึก มาพักผ่อนหัวใจด้วยการเล่นน้ำ ให้ร่างกายหายเหนื่อยล้าที่ “น้ำตกจ๊อกกระดิ่น” น้ำตกกลางหุบเขา ที่มีความสูง 34 เมตร น้ำที่นี่ค่อนข้างเย็นและไหลแรง ซึ่งช่วยเติมพลังให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้มีแรงไปเที่ยวต่ออีกหลายที่จริงๆ สุดท้ายการมาเยือนอีต่องในวันนี้ ก็ปิดฉากลงไปอย่างสวยงาม แต่ช่วงหน้าหนาวพึ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น ใครที่มีเวลาว่าง ๆ หรือมีวันหยุดยาว อย่าลืมแวะเวียนมาที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วยความสุขอย่าง “อีต่อง” จังหวัดกาญจนบุรี กันนะ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook, Paapaii
เมื่อลมหนาวพัดตัวเรา มายืนอยู่ที่ “กิ่วฝิ่น” จังหวัดลำปาง จุดชมวิวที่สวยและสูงที่สุด ที่คุณไม่ควรพลาด ทั้งอากาศหนาว ดวงดาวเต็มท้องฟ้า พร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้น สัมผัสทะเลหมอก และฟินกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ 1,517 เมตร คือความสูงจากระดับน้ำทะเล ของยอดดอย “กิ่วฝิ่น” หรือดอยล้าน ที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ จซ.7 ในเขตพื้นที่ “อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน” ทีมงาน ขอบอกเลยว่าที่นี่สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้ามาในช่วงหน้าหนาวแบบนี้ รับรองมีอะไรดี ๆ และความฟินให้ชมเพียบ! การเดินทางมา “กิ่วฝิ่น” เราแนะนำให้มาจาก “เชียงใหม่” เพราะที่นี่อยู่ห่างจาก “แม่กำปอง” เพียง 4 กิโลเมตรเท่านั้น และสภาพถนนก็ค่อนข้างปลอดภัย สามารถขับขึ้นมาได้แบบชิล ๆ แต่ก็จะมีทางโค้งบางช่วงให้ต้องระวังกันด้วย พอมาถึงจุดหมาย “อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน” ก็จอดพักรถและติดต่อเจ้าหน้าที่ เตรียมเดินขึ้นดอยกันได้เลย จุดชมวิว “กิ่วฝิ่น” นั้น จะมีทางให้เราเดินขึ้นไปต่อ อีกประมาณ 200 เมตร ซึ่งถือว่าไม่ไกลและมีทางเดินที่สะดวกสบาย ระหว่างทางหากใครมาตอนเช้า ๆ ก็เตรียมฟินกับอากาศดี ๆ จากธรรมชาติ และสัมผัส “ความเขียวขจีของป่าไม้” ที่ต่างแสดงความสดชื่นให้เราเห็นกันอย่างเต็มที่ และมี “อากาศบริสุทธิ์” ที่สูดแล้วชื่นปอดมากๆ หลังจากเดินชมธรรมชาติมาได้ไม่นาน เราก็มาถึงกันแล้ว ยอดดอยที่สวยและสูงที่สุดในจังหวัดลำปาง “กิ่วฝิ่น” 1,517 เมตร วันนี้บรรยากาศดีมาก ๆ ฟ้าเปิดเป็นใจให้เราได้มองออกไปสุดเส้นขอบฟ้า พร้อมชมวิวทิวทัศน์ของภูเขาสวย ๆ มากมาย นอกจากนี้จุดชมวิวแห่งนี้ยังสามารถมองเห็นความงามของจังหวัดลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ และเชียงรายได้อีกด้วย สำหรับใครที่มาถึงในช่วงเย็น ๆ และอยากมานอนค้าง ต้องบอกว่าที่ “กิ่วฝิ่น” แห่งนี้ จะไม่มีบ้านพักหรือโฮมสเตย์ให้เช่านะครับ แต่สามารถมานอนกางเต็นท์ได้ เพียงติดต่อเจ้าหน้าที่ของ “อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน” ให้เรียบร้อย ก็เตรียมสัมผัสอากาศหนาว ๆ และดู “ดวงดาวเต็มท้องฟ้า” ได้เลย บรรยากาศในช่วงเช้าของ “กิ่วฝิ่น” วันนี้ เราเห็นทะเลหมอกบาง ๆ ที่ปกคลุมภูเขาน้อยใหญ่ไปทั่วจนสุดสายตา มีอากาศหนาว ๆ และลมพัดเย็น ๆ มากระทบร่างกายให้เราขนลุกซู่เป็นจังหวะอยู่เรื่อย ๆ และหลังจากนั้นไม่นาน ก็เป็นคิวของแสงแรกจากวันใหม่ พระอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นมาอย่างช้า ๆ ให้ความรู้สึกประหนึ่งว่า ช่วงเวลานี้กำลังถูกหยุด และมันช่างเป็นภาพที่สวยงามเหลือเกิน หลังจากสัมผัสบรรยากาศในช่วงเช้าจนเต็มอิ่ม เราก็เตรียมบอกลายอดดอยแสนสวยของจังหวัดลำปาง ที่ซึ่งทำให้เราได้ใช้เวลาช้า ๆ พักผ่อนหัวใจ และซึมซับความรู้ดี ๆ ของการมาเที่ยวมากมาย สำหรับใครที่กำลังจะเดินทางมาเชียงใหม่ หรือตั้งใจมาเที่ยวลำปางอยู่แล้ว อย่าลืมมาตกหลุมรักมนต์เสน่ห์ของ “กิ่วฝิ่น” กันนะครับ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : Paapaii
ใครผ่านไปผ่านมาแถวแม่โจ้แล้วเห็นหมีเขียวยักษ์ตัวใหญ่ 2 ตัวอยู่กลางบึงบัวไม่ต้องตกใจไป เพราะนี่คือแลนด์มาร์คท่องเที่ยวแห่่งใหม่ที่จะทำให้ทุกคนประทับใจเมื่อได้ไปเยือน ตลาดน้ำหมีเขียวยักษ์แห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของร้านอาหารชาววัง เป็นตลาดน้ำที่มีสะพานไม้ไผ่ยื่นออกไปในบึงบัว มีไฮไลท์สำคัญคือเจ้าหมี Grizzly ยักษ์สีเขียวทั้ง 2 ตัวที่ตั้งอยู่กลางบึงบัว เป็นดั่งมาสคอสประจำตลาดแห่งนี้ นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้มาเดินชิลชมธรรมชาติแล้วยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ คู่กับเจ้าหมียักษ์ทั้ง 2 ตัวนี้อีกด้วย อีกทั้งยังมีสินค้ามากมายให้เดินเลือกซื้อกันแบบเพลินๆ พร้อมทั้งอาหารอร่อยๆ จากทางร้าน ได้ทั้งรูปภาพสวยๆ ได้กินอาหารอร่อยๆ และช็อปปิ้งเล็กๆ น้อย เป็นไอเดียการท่องเที่ยวที่สร้างสรรค์มากๆ เลยทีเดียว ใครมีแผนไปเที่ยวเชียงใหม่ลองแวะไปเยี่ยมชมกัน - ที่ตั้งร้านชาววัง : 399/4-6 ถนน เชียงใหม่แม่โจ้, อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ - เวลาเปิด - ปิด : 9.00 – 18.00 น. - ค่าเข้าชม : 20 บาทต่อคน ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook,Peeranut P.
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปีมาถึง สัญญาณเตือนของการผจญภัยก็เริ่มขึ้น ม่านฟ้าหน้าฝนกำลังจะปิดฉากลงไป และเรื่องราวของฟ้าใหม่และอากาศหนาวกำลังจะเปิดม่าน ณ “ดอยเสมอดาว” จังหวัดน่าน สถานที่เที่ยวยอดฮิต ที่เราอยากบอกว่า คนรักป่ารักเขาไม่ควรพลาด เพราะ ทุก ๆ วันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี จะเป็นช่วงเริ่มฤดูกาลท่องเที่ยว ทาง “อุทยานแห่งชาติศรีน่าน” จะเปิดให้จองเต็นท์ขึ้นไปนอนค้างคืนได้ และไฮไลท์เด่น ๆ ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือ การไปนอนดูดาวที่ใกล้ “เสมอดาว” ดั่งเช่นชื่อดอยของจริง ที่แห่งนี้นอกจากดาวนับล้านดวงที่สุกสกาวเต็มท้องฟ้า ยังมี “ทะเลหมอก”, “จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น”, “อากาศหนาวๆ” และมุมถ่ายรูปแสนสวยท่ามกลาง “ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์” ให้เราไปเก็บภาพได้แบบ 360 องศา “ดอยเสมอดาว” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน ตำบลศรีษะเกษ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน การเดินทางมาที่นี่ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย สำหรับใครที่มีรถสามารถปักหมุดมาที่ “อุทยานแห่งชาติศรีน่าน” และขับตามเส้นทางมายาว ๆ เมื่อมาถึงดอยเสมอดาว ทุกคนสามารถขับรถขึ้นมายังด้านบนเขาได้เลย แต่ที่จอดจะน้อยมาก เหมาะสำหรับการมาจอดเพื่อขนสัมภาระลง จะได้ไม่ต้องแบกไกลจากด้านล่างเขา เดินขึ้นมาเรื่อย ๆ จะเริ่มเห็นวิวบริเวณสันเขา และธรรมชาติสีเขียวขจี แต่ไม่ไกลมากก็จะถึงจุดกลางเต็นท์ของทาง “อุทยานแห่งชาติศรีน่าน” ที่จัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยว เต็นท์นี้สำหรับใครที่จะมาค้างคืน ควรโทรจองก่อนนะครับ ไม่งั้นมาตัวเปล่า ๆ อาจจะไม่มีที่นอนได้ ทางอุทยานเปิดให้เริ่มจองกันแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป หลังจากเข้าที่พัก เก็บของเรียบร้อยแล้ว เวลายังเหลืออีกเพียบก่อนจะถึงช่วงเย็น สามารถไปเดินชมบรรยากาศสวย ๆ อย่างเช่น การไปเที่ยว “ผาหัวสิงห์” ชมทิศทัศน์ของอำเภอเวียงสา แบบ 360 องศา หรือจะไปเดินหาโลเคชั่นเก๋ๆ จากวิวต้นไม้สวยๆ ที่ขึ้นเด่นอยู่สองต้น แล้วไปถ่ายรูปคู่ด้วยก็แนวไปอีกแบบ และบริเวณเนินเขาก็เป็นอีกมุมถ่ายรูปที่แนวไม่แพ้กัน ถ้าเลือกกดชัตเตอร์จากทางด้านล่าง ก็จะได้เห็นวิวท้องฟ้าที่สวยงามมากจริงๆ ตกกลางคืนดาวเริ่มมาแล้ว แต่ไม่ได้มาแบบธรรมดา! เพราะต้องบอกว่ามาเต็มท้องฟ้าเลยครับ ไม่ว่าจะมองขึ้นไปมุมไหน ก็เจอแต่ “ดวงดาวล้านดวง” เรียกว่าบรรยากาศดีมาก ๆ และโรแมนติกสุดๆ ด้านบนเขาอากาศเริ่มหนาวแล้ว ขอเข้ามารับไออุ่นในเต็นท์สักหน่อย แต่ก็ไม่พลาดที่จะเปิดเต็นท์ไว้ก่อน เพื่อชมดวงดาวสวย ๆ และซึมซับความรู้สึกดี ๆ บนยอด “ดอยเสมอดาว” แห่งนี้ เช้านี้เราเลือกที่จะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตั้งแต่ตี 5 เพื่อลุกขึ้นมาล้างหน้า แปรงฟันให้สะอาด ก่อนที่จะมาหาจุดถ่ายรูปเก๋ ๆ เพื่อรอต้อนรับแสงแรกของวัน พร้อมชม “พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า” ที่สวยงามเกินคำบรรยาย วันนี้อากาศค่อนข้างเป็นใจให้เหล่านักท่องเที่ยวทุกคน นอกจากจะได้ฟินกับการชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าแล้ว ยังได้สัมผัส “ทะเลหมอก” สีขาวโพลนเต็มท้องฟ้า ที่ปกคลุมไปทั่วภูเขาน้อยใหญ่ บริเวณๆ รอบดอยเสมอดาวแห่งนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าหน้าหนาวมาเยือนแล้วจริงๆ “ดอยเสมอดาว” สถานที่เที่ยวยอดฮิต ในเขต อุทยานแห่งชาติศรีน่าน อาจจะไม่ใช่ดอยที่สูงที่สุดในไทย เพราะ มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลอยู่เพียง 888 เมตรเท่านั้น แต่ความอลังการของการชม “ดวงดาวล้านดวง” ต้องบอกว่าที่นี่สวยติดอันดับต้นๆ แน่นอน ที่สำคัญป่า และธรรมชาติยังคงอุดมสมบูรณ์มากๆ เหมาะแก่การมาเที่ยวพักผ่อนสุดๆ ในช่วงหน้าหนาวนี้ ถ้าใครยังไม่มีแพลนไปเที่ยวไหน “ดอยเสมอดาว” รอคอยให้คุณมาหาอยู่นะครับ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Paapaii
เรียกได้ว่านี่คือความสวยงามอลังการที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาจากฝีมือของมนุษย์ได้อย่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ สำหรับบ่อน้ำพญานาคแห่งวัดภูตะเภาทอง บ่อน้ำพญานาคแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดภูตะเภาทอง ถูกสร้างให้ล้อมรอบไปด้วยองค์พญานาคสีทองขนาดใหญ่สองตนที่พ่นน้ำออกมาสู่บ่อน้ำแห่งนี้ เป็นที่น่าเลื่อมใสสำหรับประชาชนที่เดินทางมาแสวงบุญที่วัดนี้ นอกจากนี้ในเชิงการท่องเที่ยวยังถือว่าเป็นมุมถ่ายรูปที่ดูสวยงามน่ามาเยี่ยมชมอีกด้วย ทั้งสวยงามและเงียบสงบแบบนี้ ใครผ่านไปเที่ยวแถวอำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ลองแวะไปเยี่ยมชมกัน ที่ตั้งบ่อน้ำพญานาค : วัดภูตะเภาทอง อำเภอ หนองวัวซอ จังหวัด อุดรธานี ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook,Peeranut P.
ชายทะเลฝั่งตะวันออกทางตอนใต้ของไทยในจังหวัดนราธิวาสใครๆ คงนึกถึงแต่ชายหาดชลาทัศ เพราะเป็นทั้งชายหาดและเป็นสวนสาธารณะของเมืองนราธิวาส แต่ลองขับรถล่องลงใต้ ไปตามถนนเลียบทะเลจากนราธิวาส สู่สุไหงโกลก (หมายเลข 4064) ห่างตัวเมืองไปเพียง 3 ก.ม.พอข้ามสะพานข้ามแม่น้ำบางนราจะมีทางเลี้ยวซ้าย เข้าไปเพียง 2.5 ม. ก็จะไปถึงแนวป่าสนร่มรื่นและชายทะเลยาวเหยียด พร้อมทั้งป้ายใหญ่โตชื่อ อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง เขาตันหยง เป็นภูเขาเตี้ยๆ มียอดหลายยอดมีพื้นที่พอประมาณไม่สูงนัก ด้านตะวันออกของภูเขาติดชายทะเลอ่าวไทยติดชายหาด ส่วนด้านตะวันตกติดแนวถนนหมายเลข 4064 ด้านทิศใต้เป็นพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์และด้านทิศเหนือจึงเป็นที่ทำการของอุทยานแห่งชาติ อ่าวมะนาว-เขาตันหยงนี่เอง อุทยานแห่งชาติแห่งนี้มาจากการที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธรฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จมาทรงเยี่ยมราษฎรในบริเวณพื้นที่บ้านบางมะนาว หมู่ที่ 1 ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เมื่อหลายปีก่อน ทรงมีพระราชดำริให้มีการปรับปรุงด้านต่างๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การศึกษา วัฒนธรรมและการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวนั้น สำนักงานป่าไม้ปัตตานีจึงได้สนองพระราชดำริดังกล่าว โดยทำการสำรวจพื้นที่บริเวณป่าสงวนแห่งชาติพิเศษ ป่าเขาตันหยง ในพื้นที่บริเวณนอกเขตพระราชฐานพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ เพื่อจัดตั้งเป็นวนอุทยานก่อนในเริ่มแรก มีเนื้อที่ประมาณ 23,278.25 ไร่ แล้วตั้งชื่อว่า วนอุทยานอ่าวมะนาว โดยกรมป่าไม้ได้ขึ้นทะเบียนเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2536 ต่อมาเมื่อ ดร. ปลอดประสพ สุรัสวดี (อธิบดีกรมป่าไม้ในขณะนั้น) ได้ไปตรวจราชการในท้องที่จังหวัดนราธิวาส ได้ให้นโยบายเกี่ยวกับวนอุทยานอ่าวมะนาวขณะนั้นว่า ควรดำเนินการจัดตั้งวนอุทยานอ่าวมะนาวให้เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลเสียเพราะพื้นที่โดยรวมประกอบเป็นท้องทะเล ทรัพยากรธรรมชาติริมฝั่งทะเลที่สมบูรณ์ มีหาดทรายขาวสลับด้วยโขดหินที่สวยงามแปลกตา ทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนราธิวาสอยู่แล้ว เป็นที่รูจักกันดีของคนไทยและประเทศใกล้เคียงอย่างมาเลเซีย ประกอบกับวนอุทยานอ่าวมะนาวนั้น มีอาณาเขตพื้นที่ติดต่อกับพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ซึ่งแต่ก่อนในทุกๆ ปี ประมาณช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม จะมีการเสด็จแปรพระราชฐานเพื่อทรงงาน ตามพระราชดำริในพื้นที่เป็นประจำ ส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเลจึงได้สนองนโยบายตามที่อธิบดีมอบหมายดังกล่าว ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกมาทำการสำรวจพื้นที่บริเวณอ่าวมะนาว เพื่อเตรียมจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติต่อไป โดย ดร. ปลอดประสพ สุรัสวัสดี (อธิบดีกรมป่าไม้ในขณะนั้น) ได้ตั้งชื่อให้ใหม่เพื่อเป็นเกียรติว่า “ อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว – เขาตันหยง ” อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว – เขาตันหยง เป็นอุทยานแห่งชาติเตรียมการประกาศ ตั้งอยู่ในพื้นที่อ่าวมะนาว บ้านบูกิตอ่าวมะนาว หมู่ที่ 12 ต. กะลุวอเหนือ อ. เมือง จ. นราธิวาส มีพื้นที่ ประมาณ 23,278.25 ไร่ โดยอุทยานได้เข้ามาผนวกรวมพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ และความสวยงามของธรรมชาติ ซึ่งประกอบไปด้วยชายหาดที่ขาวสะอาด ทอดตัวยาวเหยียด สลับด้วยโขดหินน้อยใหญ่ที่อยู่ริมทะเล บนภูเขาตันหยง ก็มีพืชพันธุ์ไม้พื้นถิ่นของภาคใต้ที่เป็นเอกลักษณ์ แต่สิ่งที่เป็นดั่งเอกลักษณ์ของชายทะเลอ่าวมะนาวมาตลอดก็คือแนวต้นสนทะเลที่ขนานยาวไปกับชายทะเลที่กว้างใหญ่และยาวเหยียดจึงเป็นสถานที่ที่ร่มรื่น ในวันหยุดต่างๆ จะมีนักท่องเที่ยวจากในพื้นที่และใกล้เคียง มาพักผ่อนใต้ร่มสนกันอย่างมาก ในช่วงที่ฝนตกมาหลายวันต่อเนื่องกัน จะมีลำธารน้ำเล็กๆ ตกลงมาจากขาตันหยงลงสู่ทะเลสองสาย กลายเป็นน้ำตกชั้นเล็กๆ คือน้ำตกธาราสวรรค์ที่ไหลลงชายหาดอ่าวมะนาวแล้วลงสูทะเล กัยน้ำตกริมผา ที่ไหลตกลงจากหน้าผาเล็กๆ ก่อนไหลเข้าหมู่บ้านแล้วออกสู่ชายทะเลด้านทศเหนือ ห่างที่ทำการอุทยานฯไปไม่ไกล อุทยานแหงชาติอ่าวมะนาว-ขาตันหยง ยังคงสถานภาพเป็นอุทยานเตรียมการประกาศ แต่ก็ได้รักษาดูแลสถานที่ไว้จนสวยงาม สมกับเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใกล้กับตัวเมืองนราธิวาสที่สุด มานราคราววหน้า ลองมาเที่ยวเขาตันหยง-อ่าวมะนาว แล้วจะประทับใจเมืองนี้ไปอีกนาน ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Peeranut P.
มหานคร แบงค็อก สกายบาร์ ห้องอาหารและบาร์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย เปิดตัวสองการแสดงสุดพิเศษในชื่อ "The Myth of the Kinnaree and the Hunter" และ “The Bohemian Opera” จำนวน 4 วันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่เวลา 21:00 น. เป็นต้นไป ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 การแสดง "The Myth of the Kinnaree and the Hunter" เป็นการแสดงร่ายรำประกอบดนตรีในแบบร่วมสมัยที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตำนานกินรีและพรานป่าอันโด่งดัง โดยใช้เทคนิคแสงสีเสียงอันทันสมัย พร้อมด้วยเครื่องแต่งกายที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สำหรับการแสดงนี้โดยฉพาะ จัดแสดงทุกคืนวันศุกร์ และเสาร์ ตั้งแต่เวลา 21:00 น. เป็นต้นไป นอกจากนี้ ผู้ที่หลงใหลในโอเปร่ายังสามารถดื่มด่ำกับเสียงเพลงอันทรงพลังและมีเสน่ห์จาก 5 หนุ่ม-สาว ที่รวมตัวกันในชื่อ "The Bohemian Opera" การแสดงดนตรีโอเปร่าประยุกต์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวงควีน ทุกคืนวันจันทร์ และพุธ ตั้งแต่เวลา 21:00 น. เป็นต้นไป ห้องอาหารมหานคร แบงค็อก สกายบาร์ ตั้งอยู่ที่ชั้น 76 และ 77 ของคิง เพาเวอร์ มหานคร ให้บริการอาหารตะวันตกและเอเชียที่มีเอกลักษณ์อย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอนโดยเชฟ Joshua Cameron พร้อมกับวิวทิวทัศน์อันงดงามของกรุงเทพฯ สามารถเดินทางได้สะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส เชื่อมต่อสถานีช่องนนทรี ทางออกหมายเลข 3 ผู้ที่สนใจสามารถสำรองที่นั่งรับประทานอาหารและชมการแสดงได้ที่หมายเลข 02-677-8722 หรือ www.mahanakhonbangkokskybar.com ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook
ชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ในยามเย็น กับจุดชมวิวยอดฮิตที่ไม่ควรพลาด “ผาหล่มสัก” มุมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดของ “ภูกระดึง” … ถ้าไม่ได้มาดู เหมือนมาไม่ถึง “ผาหล่มสัก” หนึ่งในจุดชมวิวชื่อดังภายในอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย ถือได้ว่าเป็นแหล่งรวมตัวของนักท่องเที่ยวที่จะมารอชม “พระอาทิตย์ตก” ความสวยงามในยามเย็น เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนแล้ว ถ้าไม่ได้มารับชม เหมือนว่ามาไม่ถึง การเดินทางมายังที่ “ผาหล่มสัก” อยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 9 กิโลเมตร เดินลัดเลาะมาตามทาง ตลองข้างทางเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม มีให้เลือก 2 เส้นทาง ทั้งเส้นทางเดินลัดเลาะริมผา และเส้นทางเดินผ่านน้ำตก “ผาหล่มสัก” มีลักษณะเป็นลานหินกว้าง ตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันตกของ “อุทยานแห่งชาติภูกระดึง” รายล้อมไปด้วยต้นสนที่เป็นสัญลักษณ์ของจุดชมวิวแห่งนี้ สามารถยืนรับลม ชมวิวทิวทัศน์ของอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว และอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พอใกล้ถึงเวลาพระอาทิตย์ตก จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว และช่างภาพมากมาย รอถ่ายภาพเก็บบรรยากาศไว้เป็นที่ระลึกกัน เมื่อตะวันจะลับขอบฟ้า ดวงอาทิตย์จะค่อย ๆ เลื่อนลงมาผ่านต้นสน ท้องฟ้าสีฟ้ากับสีส้มรวมกัน กลายเป็นภาพที่สวยสวยงาม สมกับการเดินทางและการรอคอย ย้ำกันอีกครั้ง จะได้จำได้ขึ้นใจ ถ้ามีโอกาสได้ขึ้นมาพิชิตยอดภู จะต้องมารอชม “พระอาทิตย์ตก” ในยามเย็น กันที่จุดชมวิว “ผาหล่มสัก” จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดภายในอุทยานแห่ง … ถ้าไม่ได้มาดู เหมือนว่ามาไม่ถึง ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook,พาไป
|
AuthorWrite something about yourself. No need to be fancy, just an overview. Archives
January 2021
Categories |