เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นสำหรับการท่องเที่ยวแบบนี้แน่นอนว่าหลายๆ สถานที่ท่องเที่ยวในไทยกำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสมบูรณ์เป็นอย่างมาก เป็นช่วงเวลาที่ธรรมชาติฟื้นฟูขึ้นมาอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับที่หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะกลางทะเลที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย หลังจากการปิดฟื้นฟูเกาะมาเป็นเวลานาน วันนี้ Sanook Travel จะพาคุณไปชมกันว่าสิมิลันในวันที่สวยงามที่สุดนั้นเป็นอย่างไร การเดินทางไปท่องเที่ยวหมู่เกาะสิมิลันนั้นสามารถหาซื้อทัวร์ได้ทั้งจากทางจังหวัดพังงาและจังหวัดภูเก็ต ซึ่งในวันนี้เราได้ใช้บริการของ Fantastic Similan Travel ซึ่งความพิเศษของทัวร์นี้คือมีท่าเรือส่วนตัวที่เราไม่ต้องไปเบียดเสียดขึ้นเรือกับกรุ๊ปทัวร์อื่นๆ บริเวณท่าเรือก็สะอาดสะอ้าน มีอาหารเช้าไว้ให้บริการ และมีความเก๋คือเคาเตอร์เช็กอินที่ทำออกมาได้เหมือนกับอยู่สนามบินจริงๆ เมื่อรถที่ไปรับนักท่องเที่ยวจากโรงแรมเดินทางมาถึงท่าเรือก็สามารถไปต่อคิวเช็กอินได้ด้วยตนเองทันที ในจุดนี้ถือว่าเป็นกิมมิคที่เจ๋งมาก หลังจากฟังบรีฟจากเจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์กันไปแล้วก็ได้เวลาเตรียมพร้อมลงทะเล โดยจุดแรกที่เราจะมุ่งไปในวันนี้คือที่เกาะสิมิลันไฮไลท์ของทริปนี้ โดยใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือประมาณ 1 ชม. นั่งชมวิวมองฟ้าฟังเพลงกันไปเพลินๆ ไม่นานก็ถึง ภาพแรกที่เราได้เห็นเมื่อเท้าของเราได้แตะสัมผัสกับผืนทรายของเกาะสิมิลัน คือชายหาดทรายขาวละเอียดที่ทอดยาวไปขนาดกับพื้นน้ำสีฟ้าใสราวกับคริสตัล เป็นภาพความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ไขข้อสงสัยในใจเราออกไปจนหมดว่าเหตุใดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกถึงต้องการจะเดินทางมาเที่ยวที่นี่ น้ำทะเลที่นี่ใสมาก! ใสแบบมองเห็นพื้นทรายด้านล่างได้ด้วยตาเปล่า แค่เห็นสีของน้ำใสๆ แบบนี้ก็อยากจะกระโจนลงไปแหวกว่ายกันแล้ว แต่เรายังมีภารกิจพิชิตยอดจุดชมวิวหินเรือใบกันอยู่ บวกกับมีเวลาน้อยจึงรีบเดินขึ้นไปสู่จุดชมวิวกันก่อน ระหว่างทางเดินจะค่อนข้างชันเล็กน้อย และมีบางช่วงต้องปีนป่ายผ่านหินกันนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วถือว่าเส้นทางเดินค่อนข้างจะโอเคเลยทีเดียวใช้เวลาแค่ประมาณ 10 นาทีก็เดินถึงยอดแล้ว และสิ่งที่เราได้เห็นเมื่อขึ้นมาอยู่ด้านบนนี้ก็ได้กลายเป็นความทรงจำของเรามาจนถึงทุกวันนี้ ภาพของชายหาดที่ตอนเราเห็นด้านล่างว่าสวยแล้ว แต่พอขึ้นมาชมจากมุมสูงแบบนี้ยิ่งสวยงามไปกว่า ไม่ว่าจะถ่ายภาพออกมามุมไหนก็ดูสวยงามไปหมด ความใสของน้ำทะเลเมื่อมองจากด้านบนลงไปจะเห็นเหมือนกับว่าเรือแต่ละลำที่จอดอยู่ริมหาดนั้นลอยอยู่บนอากาศเลยทีเดียว เมื่อถ่ายรูปเก็บภาพความทรงจำกันจนพอใจแล้วก็ได้เวลาลงไปดื่มด่ำกับความสวยงามที่ชายหาดกันต่อ ซึ่งต้องบอกเลยว่าสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป ด้วยความสวยของเกาะแห่งนี้จะทำให้คุณเผลอลั่นชัตเตอร์กันจนหยุดไม่ได้เลย ได้เวลาโบกมือลาสิมิลัน เราไปต่อกันที่เกาะที่ 2 ของวันนี้มีชื่อว่าเกาะบางู หรือเกาะเก้า เป็นจุดดำน้ำตื้น ได้เวลาใช้บริการสน๊อคเกิ้ลและฟินที่เตรียมมา โลกใต้น้ำของหมู่เกาะสิมิลันนั้นถือได้ว่าสมบูรณ์มากที่เดียว มีสายพันธุ์สัตว์น้ำนานาชนิดรวมไปถึงปะการังที่ยังคงสมบูรณ์ อีกเกาะหนึ่งที่ทางบริษัททัวร์เราไปคือเกาะเจ็ด เป็นอีกหนึ่งจุดดำน้ำที่ได้รับความนิยมเช่นกันของหมู่เกาะสิมิลัน ซึ่งในจุดนี้บางคนได้พบกับเต่าทะเลด้วยถือว่าเป็นโชคดีมากจริงๆ ปิดท้ายด้วยเกาะสุดท้ายที่กลายเป็นเซอไพรซ์สำหรับเรากับเกาะเมี่ยงหรือเกาะสี่ เพราะน้ำทะเลที่นี่ใสและสวยมาก!!! สวยแบบเกินเรื่องเกินราว สวยเกินกว่าจะเป็นเกาะที่ไว้ใช้แค่แวะกินข้าวจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าในเมืองไทยจะยังคงมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ขนาดนี้อยู่ โดยเกาะแห่งนี้นั้นเป็นจุดพักสำหรับทานข้าวกลางวัน ซึ่งพอหลังจากกินข้าวเติมพลังกันจนอิ่มแล้ว ทุกคนไม่รอช้ารีบไปรวมตัวกันที่หน้าหาด เพื่อที่จะได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับความสวยงามของชายหาดเกาะนี้อย่างเต็มที่ บางคนก็ว่ายน้ำเล่น บางคนก็หามุมถ่ายรูปสวยๆ แต่สำหรับเราแล้วแค่ได้ยืนมองความใสและสีน้ำสวยๆ ของทะเลที่นี่ก็มีความสุขแล้ว เป็นการปิดท้ายทริปได้อย่างน่าประทับใจก่อนที่จะเดินทางกลับฝั่งกันพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มกันทุกคน ด้วยความที่อากาศในวันนั้นท้องฟ้าค่อนข้างเป็นใจมากๆ ฟ้าเปิดและโปร่ง อากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไป และน้ำทะเลใสๆ ที่สะท้อนกับแสงแดดจนระยิบระยับ เราจึงตกลงใจให้วันนั้นเป็นสิมิลันที่สวยงามที่สุด! อยากให้ทุกคนได้มีโอกาสมาสัมผัสจริงๆ ข้อมูลเพิ่มเติม - ติดต่อทัวร์เกาะสิมิลัน Fantastic Similan Travel : 076 355 061 / 061 385 1000 - Facebook : Fantastic Similan Travel - สอบถามข้อมูล ททท.พังงา : 076 413 400 ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook
0 Comments
วัดบ้านพราน” มีตำนานบอกเล่าต่อๆ กันมาว่า ในคืนวันเพ็ญ เดือน ๓ นายพรานชื่ออ่ำ นั่งดักรอสัตว์อยู่หน้าวิหารหลวงพ่อไกรทอง เขานั่งอยู่นานจนดึกดื่นก็ไม่พบสัตว์ใด แต่ขณะที่สติของพรานอ่ำค่อยๆ ถดถอย ดวงตาเริ่มล้า เขาก็เห็นสัตว์ตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้า นายพรานตกตะลึงและเกิดสำนึกในบาป จึงตรงไปยังวิหาร วางเครื่องมือล่าสัตว์ลงแล้วก้มกราบหลวงพ่อไกรทอง และให้คำมั่นสัญญาว่าจะเลิกล่าสัตว์ ตั้งใจทำบุญกุศลบูรณะวัดเพื่อล้างบาป พรานคนอื่นเมื่อเห็นดังนั้นก็เริ่มทำตาม บ้างก็บวชเพื่อสร้างบุญกุศลแก่ตนเอง หมู่บ้านนี้จึงมีชื่อว่า “บ้านพราน” และวัดใหญ่ในหมู่บ้านก็ได้ชื่อใหม่ว่า “วัดบ้านพราน” ส่วนประวัติวัดกล่าวว่า วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1684 สมัยละโว้ตอนปลาย โดยนายพาน นางเงิน และนายกระปุกทอง ผู้เป็นบุตร ต่อมาวัดถูกทิ้งร้างเป็นเวลากว่า 100 ปี กระทั่งมีพวกนายพรานมาตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้และช่วยกันบูรณะวัดขึ้นใหม่ วัดบ้านพรานจึงมีอายุกว่า 900 ปีแล้ว สิ่งน่าสนใจในวัดนี้คือวิหารหลวงพ่อไกรทอง ซึ่งความงามของวิหารนั้นเด่นสะดุดตาตั้งแต่เราก้าวเข้าเขตวัดแล้ว วิหารเป็นทรงเก๋งจีน จำลองไว้บนเรือสำเภา และตกแต่งด้วยเครื่องเบญจรงค์เรียงรายรอบอาคารวิหารอย่างสวยงามเป็นระเบียบ ทั้งบนหน้าจั่วก็ประดับลวดลายสวยงามเช่นกัน เมื่อเข้าไปในวิหาร จะพบ “หลวงพ่อไกรทอง” พระพุทธรูปปางสมาธิ ประดิษฐานอยู่เบื้องหน้า ชื่อของท่านมาจากอภินิหารที่ปรากฏตามตำนานและคำบอกเล่าซึ่งกล่าวว่า วันดีคืนดี “ไกร” ซึ่งหมายถึงสบง จีวร สังฆาฏิ ขององค์หลวงพ่อ จะเปล่งแสงสีทองโชติช่วงขึ้น บอกนิมิตอันดีและมีความศักดิ์สิทธิ์สามารถคุ้มภัยแก่ผู้สักการบูชา ใครวางแผนมาเที่ยวอ่างทอง อย่าลืมแวะสักการะหลวงพ่อไกรทอง ทำบุญขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นอกจากใจเป็นสุขจากการทำบุญแล้ว บางทีคุณอาจพบปาฏิหาริย์ไตรจีวรของหลวงพ่อเปล่งแสงสีทองสุกสว่างก็เป็นได้… - วัดบ้านพราน - ที่ตั้ง : หมู่ 1 ต. ศรีพราน อ. แสวงหา จ. อ่างทอง ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , นายรอบรู้
นักท่องเที่ยวแห่ชมทุ่งทานตะวัน ที่กำลังออกดอกสีเหลืองอร่ามบานสะพรั่งอวดแสงอาทิตย์ภายใน “ไร่วนกิจสัมพันธ์” ทุ่งทานตะวันแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชมธรรมชาติ แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้านสุวรรณภูมิ เมืองโบราณอู่ทอง ใกล้กับหน้าผาแกะสลักพระใหญ่ พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ เป็นทุ่งทานตะวันท่ามกลางลมหนาว ขณะนี้ได้เริ่มมีนักท่องเที่ยวทยอยมาเก็บภาพสัมผัสความงาม เชลฟี่เพื่อเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกกันอย่างคึกคัก นับว่าเป็นการเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวแหล่งใหม่แห่ง จ.สุพรรณบุรี ทุ่งทานตะวันแห่งนี้ เป็นทุ่งทานตะวันแปลงใหญ่ที่กำลังชูช่อรอรับแสงแดดยามเช้าและลมเย็นๆ บนพื้นที่กว้างกว่า 40 ไร่ โดยเฉพาะช่วงเย็นนักท่องเที่ยวจะได้ชมทุ่งทานตะวันดวงอาทิตย์ตกลับลงจากยอดภูเขาพบกับแสงอาทิตย์ที่สวยงาม โดยดอกทานตะวันจะออกดอกบานสะพรั่งเหลืองอร่ามสวยงามเต็มท้องทุ่งชนิดที่เรียกว่าสุดลูกหูลูกตา มั่นใจได้ว่านักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวชมทุ่งทานตะวันบานไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน นายสมนึก ปทุมสูติ อายุ 48 ปี กำนันตำบลจระเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่าพื้นที่ทั้งหมดแห่งนี้เป็นของนายวินัย วนกิจสัมพันธ์ ประธานโรงโม่ อ.อู่ทอง พื้นที่ทั้งหมดราว 100 ไร่ ได้มอบให้มูลนิธิสุวรรณภูมิ 20 ไร่ เพื่อจัดสร้าง “หมู่บ้านสุวรรณภูมิ” จำนวน 20 ไร่ แบ่งปลูกปอเทือง 40 ไร่ และปลูกต้นทานตะวันจำนวน 40 ไร่ โดยกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชน ร่วมกับคณะกรรมการกลุ่มโรงโม่หิน ช่วยกันเนรมิตให้เป็นทุ่งทานตะวันขึ้นมาเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รองรับนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมเก็บภาพความสายงามไว้เป็นที่ระลึก ทุ่งทานตะวันแห่งนี้อยู่ติดกับ “หมู่บ้านสุวรรณภูมิ” ซึ่งในทุกๆ ปีสถานที่แห่งนี้จะจัดงานการแสดงชาติพันธุ์ 5 ชาติ ประกอบไปด้วย ลาวครั่ง ลาวเวียง ไทยทรงดำ ไทยจีน และไทยพื้นถิ่น ปัจจุบันมีไร่ทานตะวันขึ้นมาก็จะทำให้สถานที่แห่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมาก โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมากราบไหว้ขอพร พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผา วัดเขาทำเทียม นักท่องเที่ยวก็สามารถขับรถเลยมาเที่ยวชมทุ่งทานตะวันได้ ช่วงเย็นๆจะมีชาวบ้านในพื้นที่มาปั่นจักรยานและวิ่ง ออกกำลังกาย รับอากาศบริสุทธิ์เพื่อสุขภาพ ชมทิวทัศน์สวยงามตลอดเส้นทาง ยังจะได้ความสดชื่นจากดอกทานตะวันที่กำลังบานสะพรั่งชูช่ออย่างเต็มที่ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมได้ทุกวัน เปิดให้เข้าชมดอกทานตะวันมาเซลฟี่กันได้ ฟรี! ไม่เสียค่าเข้าชม ได้ตั้งแต่ เวลา 8.00 น.จนถึง 18.00 น.เส้นทางมาจากเมืองอู่ทองแล้วเลี้ยวขวา เข้ามาทางวัดเขาทำเทียม ถึงสามแยกแล้วเลี้ยวซ้ายมาประมาณ 500 เมตร ทุ่งทานตะวันอยู่ทางขวามือติดกับทางเข้าหมู่บ้านสุวรรณภูมิ ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่นายสมนึก ปทุมสูติ กำนันตำบลจระเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี โทร.089-888-6786 ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Peeranut P.
หน้าหนาวที่ไม่หนาว ใครรู้สึกว่าช่วงนี้อากาศยังร้อนตับแลบอยู่ มารวมกันตรงนี้เลยจ้า แล้วไปโดดน้ำรับความสดชื่นให้ดัง ตู้ม ตู้ม ที่ “เกาะล้าน” ทะเลใกล้กรุง เดินทางแสนง่าย ค่าใช้จ่ายก็ไม่แพง แถมเที่ยวเสาร์ – อาทิตย์ได้ฟิน ๆ โดยไม่ต้องลางาน วันนี้ทีมงาน จะพานักท่องเที่ยวขี้ร้อน ที่อยากไปเที่ยวทะเลสวย ๆ เล่นน้ำใส ๆ เดินชิล ๆ บนหาดทรายสีขาว ที่ “เกาะล้าน” จังหวัดชลบุรีกัน ทริปนี้บอกเลยเราคัดหาดเด็ด ๆ ที่ต้องไปเยือนมาให้เรียบร้อย ใครพร้อมแล้วก็รีบไปเก็บกระเป๋า แล้วเตรียมตัวออกเดินทางไปกับพวกเราได้เลยจ้า การเดินทางทริปนี้ เราขับรถส่วนตัวไปกันเอง โดยให้พี่ Google Maps เป็นผู้นำทาง ซึ่งระยะทางจากกรุงเทพฯ – พัทยา คำนวณแล้วได้ประมาณ 150 กิโลเมตร ขับรถชิล ๆ ประมาณ 2 ชั่วโมงนิด ๆ ก็จะถึง แล้วให้ทุกคนขับรถไปทาง “พัทยาใต้” เมื่อถึงแยกพัทยาใต้ให้เลี้ยวขวาขับตรงมาจะเจอสี่แยกไฟแดง ให้เลี้ยวซ้ายแล้วขับตรงไปเรื่อย ๆ ผ่าน 1 ไฟแดง จะเจอสะพานข้ามไปยัง “แหลมบาลีฮาย” ให้ทุกคนขับขึ้นสะพานแล้วตรงต่อไปอีก 100 เมตรก็จะถึงท่าขึ้นเรือแล้วจ้า มาถึงท่าเรือแล้วก็ไม่รอช้า เอารถไปจอดที่อาคารรับฝากรถเรียบร้อย ก็เดินเตรียมเดินทางข้ามไป “เกาะล้าน” กันดีกว่า โดยทุกคนจะเสียค่าโดยสารคนละ 30 บาท โดยเรือจะไปจอดที่ “ท่าหน้าบ้าน” และ “ท่าหาดตาแหวน” เราเลือกลงเรือที่ “ท่าหน้าบ้าน” แล้วเช่ามอเตอร์ไซค์ไว้ขับตะลุยรอบเกาะ ซึ่งมีให้เลือกหลายร้านมาก เราได้ราคามา 300 บาท พร้อมน้ำมันเต็มถัง เช่า 1 วันเต็มจ้า หาดแรกที่เราไปเยือนคือหาดที่ฮิตที่สุด นักท่องเที่ยวเยอะที่สุดใน “เกาะล้าน” นั่นก็คือ “หาดตาแหวน” บรรยากาศที่นี่คึกคักมาก มีร้านอาหารให้เลือกมากมาย น้ำทะเลใสแจ๋ว มีหาดทรายขาวนุ่ม ๆ ให้ไปนอนอาบแดด ว่าแล้วก็ไม่รอช้าไปโดดน้ำกันเลย หลังเล่นน้ำอย่างเมามันส์ เราก็เดินทางไปหาดต่อไปกันเลยดีกว่า นั่นก็คือ “หาดแสม” หาดนี้จะอยู่ข้าง ๆ “หาดตาแหวน” ขนาดจะเล็กกว่า คึกคักน้อยกว่า แต่เรื่องน้ำใสนี่ไม่แพ้กันเลย บรรยากาศก็ดี ลมพัดเย็นสบาย หลังกินข้าวอิ่มมาพักผ่อนชิล ๆ แล้วค่อยไปเล่นน้ำเพลิน ๆ อีกสักยก ต่อไปเป็นหาดสุดท้ายที่เราจะมากันในวันนี้ “หาดเทียน” ที่นี่คนจะน้อยที่สุดในบรรดา 3 หาด ที่เราได้ไปเยือนมาทั้งหมด แต่น้ำทะเลใสไม่แพ้กันแน่นอน เพราะ ด้วยความที่คนมากันน้อย ทำให้ “ธรรมชาติ” นั้นอุดมสมบูรณ์มาก ๆ และเหมาะสำหรับคนที่อยากมาพักผ่อนในบรรยากาศเงียบ ๆ มีความเป็นส่วนตัว โดยจุดเด่นอีกอย่างของที่นี่คือ มีสะพานรอบ ๆ หาด ไว้ให้นักท่องเที่ยวไปเดินรับลม ชมวิว พร้อมถ่ายรูปคู่กับทะเลสีฟ้าสวย ๆ นอกจากนี้บน “เกาะล้าน” ยังมีหาดสวย ๆ ให้ไปอีกเพียบอย่างเช่น หาดสังวาลย์, หาดทองหลาง, หาดนวล และหาดตายาย ซึ่งทุกหาดน้ำใส หาดสวย ลมพัดเย็นสบาย และบรรยากาศดีทุกหาดแน่นอน ใครมีเวลาว่างต้องไปเยือนให้ครบนะ และค้างคืนนอนชิล ๆ สัก 1 คืน พร้อมทานอาหารทะเลอร่อย ๆ ก็ฟินสุด ๆ ไปเลย แต่วันนี้พวกเราทีมงาน Paapaii.com มาแค่วันเดียว ก็ขอตัวกลับบ้านกันก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่มีเรือข้ามกลับไปเอารถ ฮ่า ๆ ส่วนใครชอบ “เกาะล้าน” อยากโดดน้ำ ตู้ม ตู้ม แบบพวกเราก็อย่ารอช้า อากาศร้อน ๆ ก็ต้องดับด้วยน้ำใส ๆ แบบนี้ และถ้าใครพร้อมแล้วก็รีบไปเก็บกระเป๋าด่วน ๆ แล้วตามรีวิวนี้มาได้เลย ! ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Paapaii
เส้นทางเดินป่าสุดโหด “ดอยทูเล” ทริปท้าทายร่างกายกว่า 7.5 กิโลเมตร ขึ้นไปกางเต็นท์บนยอดเขาสูง พร้อมชมทะเลหมอกแสนสวย สัมผัสอากาศหนาวจากธรรมชาติ และเพลิดเพลินกับการชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน อีกหนึ่งทริปสุดโหด ที่นักเดินป่าไม่ควรพลาด กับการชมความสวยงามของ “ดอยทูเล” จังหวัดตาก สถานที่ปีนเขาสุดโหดอีกหนึ่งแห่งของประเทศไทย ที่ทีมงาน อยากแนะนำเพื่อน ๆ ให้ไปลองพิชิตสักครั้งในชีวิต แล้วคุณจะรู้ว่าความเหนื่อยยากที่เสียไป มันคุ้มค่ากับความงดงามและช่วงเวลาแสนประทับใจ บนยอดดอยแห่งนี้จริง ๆ “ดอยทูเล” มีความสูงอยู่ที่ 1,350 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดใน จังหวัดตาก ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าสองยาง อำเภอท่าสองยาง มีระยะทางเดินขึ้นสู่ยอดเขาประมาณ 7.5 กิโลเมตร ใช้เวลาในการพิชิต 4 – 7 ชั่วโมง ไฮไลท์ระหว่างการเดินขึ้นเขา คือการชม “ทุ่งหญ้าสีทอง” มองวิวทิวทัศน์ของภูเขาที่สวยงาม และสัมผัสผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ เส้นทางเดินขึ้น “ดอยทูเล” จะเป็นทางราบชัน ตัดสลับกับการเดินขึ้นลงเขาอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งต้องบอกว่า นักเดินป่าทุกคนควรเตรียมความพร้อมทางร่างกายและจิตใจให้ดี ไม่งั้นอาจจะมีท้อและหน้ามืดแน่นอน เรื่องสัมภาระเราสามารถจ้างลูกหาบให้ช่วยแบกได้ แต่ของใช้ที่เป็นส่วนตัวหรือของสำคัญ ควรแบกขึ้นไปเองเพื่อป้องกันการสูญหายนะครับ หลังจากเดินมานาน ก็มาถึงจุดกางเต็นท์กันแล้ว ตรงนี้ระยะทางจะอยู่ที่ประมาณ 7 กิโลเมตร มีความสูงอยู่ที่ 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทุกคนมองเห็นบนยอดภูเขานั่นไหม นี่แหละจุดยอดดอยของ “ดอยทูเล” ที่เหลือระยะทางอีกเพียง 500 เมตรเท่านั้น เราก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้พิชิตกันแล้ว แต่วันนี้เราจะยังไม่ขึ้นไปนะ แวะพักเหนื่อยทำกับข้าวกินเติมพลังสักคืน แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปชม “ทะเลหมอก” และ “พระอาทิตย์ขึ้น” กัน ช่วงเวลายามเย็นบนยอด “ดอยทูเล” แสงจากพระอาทิตย์ ที่กำลังลาลับขอบฟ้า จะสวยงามมาก ๆ ใครเป็นนักท่องเที่ยวสายถ่ายภาพ อย่าลืมไปตั้งกล้องเก็บบรรยากาศ พร้อมโพสต์ท่าเก๋ ๆ ไว้เป็นภาพแห่งความทรงจำกันนะครับ ในช่วงเช้าขอแนะนำให้เพื่อน ๆ ตื่นสักประมาณตอนตี 5 แล้วรีบเดินขึ้นไปบนยอด “ดอยทูเล” ไฮไลท์จะอยู่ที่ช่วงเวลา “พระอาทิตย์ขึ้น” อันแสนสวยงาม และตราตรึงใจมาก ๆ แสงแรกที่ค่อย ๆ ส่องประกายไปบน “ทะเลหมอก” และภูเขาน้อยใหญ่ คือความสวยงามที่คุ้มค่า กับการเดินทางแสนเหนื่อยของทริปจริง ๆ ในช่วงสายหมอกจะเริ่มจางหายไป แต่อากาศยังหนาวอยู่ นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับความงดงามของ “ทิวทัศน์ของผืนป่าและภูเขา” มากมายที่เขียวขจี และยังคงความอุดมสมบูรณ์กันต่อได้ จบไปแล้วกับทริปสุดโหด เดินป่าขึ้น “ดอยทูเล” แม้จะเหนื่อย ยาก และไกลมาก ๆ แต่พอมาถึงจุดหมายปลายทาง ต้องบอกว่าคุ้มค่าและสวยงาม สมคำร่ำลือจริง ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวท่านใด อยากมาสัมผัสประสบการณ์มันส์ ๆ แบบนี้ อย่ารอช้านะครับ รีบเก็บกระเป๋า แล้วเดินทางขึ้นเหนือสู่ “จังหวัดตาก” กันโลด ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook, Paapaii
เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาประจำของทุกปี สำหรับการจัดงานประดับไฟคริสต์มาสหน้าลาน centralwOrld งานกิจกรรมที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของใครหลายๆ คน และแน่นอนในปีนี้เองทาง centralwOrld ก็ได้มีการจัดงานประดับไฟคริสมาสต์ขึ้นอีกครั้งภายใต้ชื่องาน "wOrld Of happiness 2562" เทศกาลที่พร้อมจะมอบความสุขให้กับทุกคน ในวันนี้จะพาทุกคนไปเดินสำรวจความสวยงามภายในงานปีนี้เพื่อเตรียมพร้อมก่อนจะเปิดให้เข้าชมจริงในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 นี้ครับ โดยในปีนี้งาน "wOrld Of happiness 2562" จัดขึ้นภายใต้ธีม "spectacular wOrld illuminatiOn" ซึ่งมีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การเนรมิตลานหน้าห้าง centralwOrld พื้นทีก่ว่า 4,000 ตารางเมตร ให้กลายเป็นโชว์ illuminatiOn สุดยิ่งใหญ่ โดยใช้เทคนิคระดับโลกในการผสมผสาน Light & Sound เข้าด้วยกันผสานเข้าสู่จอยักษื panOramix เกิดเป็นโชว์ spectacular wOrld illuminatiOn ขึ้นที่เดียวของเมืองไทยในงานนี้ ในส่วนของการตกแต่งสถานที่ในปีนี้มาในธีม The Santa Kingdom and The Quest of Star อาณาจักรแห่งซานต้าที่ถูกจัดแต่งเอาไว้อย่างงดงาม พร้อมด้วยมุมเช็กอินถ่ายรูปสวยๆ มากมาย เรียกได้ว่ามาที่นี่งานเดียวได้รูปเป็นร้อยๆ แน่นอน ตื่นตาตื่นใจกับความยิ่งใหญ่ของต้นคริสต์มาสยักษ์ที่มีความสูงถึง 35 เมตร ได้ชื่อว่าเป็นต้นคริสต์มาสที่สูงที่สุดใน South - East Asia เลยทีเดียว ความพิเศษอีกสิ่งหนึ่งของปีนี้คือภายในงานจะถูกปกคลุมไปด้วย Christmas Carpet พรมแดงขนาดยักษ์ที่มีความใหญ่ถึง 1,000 ตารางเมตร ประดับประดาด้วยลวดลายสวยงาม เมื่อมองจากมุมสูงลงมาแล้วจะเห็นลวดลายของพรมแดงนี้งดงามมากๆ สำหรับสายมูเตลูต้องห้ามพลาด กับบ่อน้ำพุแห่งความโชคดี The Star Lagoon ที่มีไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาขอพรกันกับน้ำพุแห่งนี้ เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นของงานนี้เลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลแห่งความสุขอย่างสมบูรณ์แบบที่ทุกคนรอคอย ไปดื่มด่ำกับช่วงเวลาสุดพิเศษ ถ่ายรูปสวยๆ เก็บเป็นความทรงจำของปี 2019 ท่ามกลางบรรยากาศรอบข้างที่เต็มไปด้วยความระยิบระยับจากแสงไฟ อากาศที่เย็นสบายในช่วงหน้าหนาว และเสียงเพลงเบาๆ ที่คอยขับกล่อมเราให้ลืมความเหนื่อยล้า ค่อยๆ จางหายไป สมกับเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองในช่วงสิ้นนี้ปีอย่างแท้จริง ข้อมูลเพิ่มเติม - ระยะเวลาในการจัดงาน wOrld Of happiness 2019 : 19 พฤศจิกายน 2562 - 6 มกราคม 2563 - สถานที่จัดงาน : บริเวณลานหน้าศูนย์การค้า centralwOrld ถนน พระรามที่ ๑ แขวง ปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook,Peeranut P.
เริ่มต้นศักราชใหม่ด้วยการไปทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต และขอพรให้ปีใหม่นี้เป็นอีกปีที่มีแต่ความสุขตลอดปีกันดีกว่าค่ะ เริ่มด้วย ปีชง 2563 ซึ่งเป็นปีนักษัตร ปีชวด มาดูกันว่า คนเกิดปีไหนต้องระวังเป็นพิเศษ แล้วถ้าเราเกิดปีชงพอดี จะต้องไป แก้ปีชงที่ไหน ? วิธีแก้ปีชง ต้องทำยังไง? วันนี้ มัชรูมทราเวล รวบรวมข้อมูลมาให้แล้วจ้า ปีชง 2563 ชงตรง (100%) : ปีมะเมีย หรือคนที่เกิดตรงกับปี พ.ศ. 2473, 2485, 2497, 2509, 2521, 2533, 2545, 2557 ชงร่วม : ปีชวด, ปีเถาะ, ปีระกา หรือคนที่เกิดปี พ.ศ. 2464, 2467, 2470, 2476, 2479, 2482, 2488, 2491, 2494, 2500, 2503, 2506, 2512, 2515, 2518, 2524, 2527, 2530, 2536, 2539, 2542, 2548, 2551, ความหมายปีชงแบบต่างๆ - ปีชง คือ ปีที่ได้รับผลเสียมากที่สุดหรือที่เรียกกันว่า ชงโดยตรง (ชง 100%) ได้แก่ ปีมะเมีย - ปีคัก คือ ปีที่เป็นปีนักษัตรเดียวกับปีนั้นๆ ได้แก่ ปีชวด - ปีเฮ้ง คือ ปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องเคราะห์กรรม ได้แก่ ปีเถาะ - ปีผั่ว คือ ปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องสุขภาพ ได้แก่ ปีระกา ตามความเชื่อแบบจีน ปีชง หมายถึงปีที่มีการปะทะ หรือได้รับผลกระทบอะไรบางอย่าง ซึ่งคนที่เกิด ปีชงตรง 100% จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนคนที่เกิดปีชงร่วมก็จะได้รับผลกระทบที่น้อยกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าใครจะเกิดปีไหน เป็นปีชงหรือไม่ ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและรอบคอบอยู่เสมอ คิดดีทำดี ก็จะส่งผลดีกับชีวิตของตนเองตลอดปีและตลอดไปแล้วล่ะค่ะ วิธีแก้ปีชง มาถึงตรงนี้ก็ทราบกันไปแล้วว่าปีเกิดของตัวเองนั้นเป็น ปีชง 2563 หรือไม่ และถ้าใครตรงกับปีชงพอดี ทั้งชงตรงและชงร่วม ก็คงจะอยากไปแก้ปีชงเพื่อความสบายใจ เปลี่ยนปีชงให้เป็นปีที่ชิล ทำอะไรก็ราบรื่นตลอดปีกันแล้วใช่มั้ยคะ? วิธีแก้ปีชง ก็ไม่ยากเลยค่ะ ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ของจีน ผู้ที่เกิดปีชงจะต้องไปแก้ชงด้วยการทำพิธีฝากดวงกับ องค์เทพไท้ส่วย หรือ เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา ซึ่งเป็นเทพผู้มีอิทธิพลต่อดวงชะตาและการดำเนินชีวิตของคนในแต่ละปี ดังนั้นไม่ว่าใครจะเกิดปีไหน ก็สามารถไปกราบไหว้ท่านเป็นการส่งเสริมดวงชะตาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เกิดปีชงก็จะเป็นการบรรเทาเคราะห์กรรมให้เบาบางลงและแคล้วคลาดปลอดภัย วิธีแก้ปีชง อันดับแรกเราต้องเดินทางไปยังวัดที่มีการทำพิธีแก้ปีชง โดยเข้าไปซื้อชุดสะเดาะเคราะห์แก้ปีชง แล้วทำตามขั้นตอนดังนี้ค่ะ 1.เขียนชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด ลงในใบแก้ชง 2.จุดธูป 3 ดอก เพื่อไหว้เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยะ พร้อมกับอธิษฐานขอพรให้พ้นเคราะห์ด้วยความตั้งใจ 3.นำใบแก้ชงมาปัดตัวออกตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยปัดทั้งหมด 12 ครั้ง 4.นำใบแก้ชงไปไว้ที่กล่องรับฝาก ซึ่งทางวัดก็จะนำไปสวดทำพิธีต่อไป 5.ขั้นตอนสุดท้าย ปักธูป อีก 3 ดอก ก็เป็นอันเสร็จพิธีค่ะ สำหรับใครไม่สามารถเดินทางไปแก้ปีชงได้ด้วยตัวเอง ก็สามารถให้ผู้อื่นแก้แทนได้ด้วยนะคะ โดยผู้ที่แก้แทนไม่ต้องนำใบแก้ชงมาปัดตัวค่ะ ทราบวิธีแก้ชงไปแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาไปทำบุญแก้ชงในสถานที่ที่มีการทำพิธีกันเลยค่ะ ใครอยากไปแก้ปีชงให้ถึงถิ่นเชื้อสายจีนแท้ๆ แนะนำให้ไปแก้ปีชงที่มาเก๊าเลยค่ะ มีวัดที่เราสามารถไปทำพิธีแก้ปีชงพร้อมขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล คลิกไปชมได้ที่ ตะลุย แก้ปีชง มาเก๊า … ไปวัดไหนดี…?! ส่วนใครไม่ได้ไปต่างประเทศ จะแก้ปีชงในบ้านเราก็ได้เช่นกันค่ะ มัชรูมทราเวล รวบรวมข้อมูลมาให้เรียบร้อย มีที่ไหนบ้างตามไปดูกัน สถานที่ แก้ปีชง ในกรุงเทพ วันหยุดสุดสัปดาห์ ได้เวลาประจวบเหมาะดีๆ เดินทางไป แก้ปีชง 2563 กันดีกว่า ว่าแต่จะไป แก้ปีชงที่ไหน มัชรูมทราเวลมี สถานที่แก้ปีชงในกรุงเทพ มาฝาก ซึ่งมีหลายแห่งและอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล หยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็สามารถพาครอบครัวออกไปแก้ปีชงได้ แถมยังได้เที่ยวไปในตัวด้วยนะ จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันค่ะ วัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ วัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ เป็นวัดที่รู้จักกันดีในเรื่องของการสะเดาะเคราะห์แก้ปีชง ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงเทพ ใกล้กับสำเพ็ง เยาวราช แถวนั้นเลยค่ะ ซึ่งที่นี้มีองค์เทพเจ้าต่างๆ หลายองค์ รวมถึง เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยะ ที่คนเกิดปีชงควรไปกราบไหว้ด้วยค่ะ - เวลา เปิด-ปิด : 06.00-18.00 น. - ที่ตั้ง : 423 ถนนเจริญกรุง แขวงป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100 - การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT มาลงที่สถานีหัวลำโพง แล้วต่อต่อ Taxi หรือ รถสามล้อ วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ 2 อีกหนึ่งวัดที่ได้รับความนิยมในการแก้ปีชงก็คือที่ วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ หรือเรียกง่ายๆ ว่า วัดเล่งเน่ยยี่ 2 เป็นวัดแห่งใหม่ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ ขนาด 12 ไร่เศษ จัดสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พร้อมด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนที่สวยงามตระการตา ราวกับว่าได้วาร์ปไปเมืองจีนเลยล่ะค่ะ วัดเล่งเน่ยยี่ 2 ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ อยู่ที่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี นี่เองค่ะ วันหยุดนี้พาคุณพ่อคุณแม่ออกไปเที่ยวนนทบุรี พร้อมขอพร แก้ปีชง 2562 ที่วัดแห่งนี้กันนะคะ - เวลา เปิด-ปิด : 06.00-18.00 น. - ที่ตั้ง : 75 ถนนเทศบาลสาย 9 ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110 - การเดินทาง : รถประจำทาง สาย 127,177 หรือ รถตู้สายบางบัวทอง-พระปิ่นเกล้า และรถตู้สายบางบัวทอง-พงษ์เพชร ลงบริเวณตลาดบางบัวทอง รถส่วนตัว จากแคราย ใช้ถนนงามวงศ์วาน ตรงมาจนถึงสี่แยกบางพลู เลี้ยวขวาเข้าเมืองบางบัวทอง จากนั้นจะมีป้ายบอกเมื่อถึงวัด หรือ จากปิ่นเกล้า บางแค ใช้ถนนกาญจนาภิเษกตรงมาทางบางปะอิน ก่อนถึงสะพานข้ามคลองพระพิมลราชา ให้กลับรถใต้สะพานแล้วเลี้ยวเข้าซอยวัดพระแม่สกลสงเคราะห์ จะมีป้ายบอกทางมาวัด วัดทิพยวารีวิหาร หรือ วัดกัมโล่วยี่ วัดกัมโล่วยี่ เป็นอีกหนึ่งวัดในกรุงเทพที่สามารถไปแก้ปีชงได้ค่ะ แถมคนยังไม่ค่อยเยอะเท่าที่อื่นๆ ด้วยนะ เป็นวัดจีนเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งที่นี่ก็มีเทพองค์สำคัญมากมาย การเดินทางก็ไม่ยาก วัดอยู่ตรงข้ามกับห้างดิโอลด์ สยาม พลาซ่า ฝั่งบ้านหม้อค่ะ - เวลา เปิด-ปิด : 08-00-17.00 น. - ที่ตั้ง : 119 ซอยทิพยวารี ถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร - การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT มาลงที่สถานีหัวลำโพง แล้วต่อต่อ Taxi หรือ รถสามล้อ วัดโพธิ์แมนคุณาราม หรือ วัดโพวมิ้งป่ออึงยี่ -เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่รู้จักและยังไม่เคยไปวัดจีนในกรุงเทพแห่งนี้ นั่นก็คือ วัดโพธิ์แมนคุณาราม หรือ วัดโพวมิ้งป่ออึงยี่ วัดนี้ตั้งอยู่ใกล้กับ เซ็นทรัล พระราม 3 ที่นี่เป็นวัดในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน สังกัดคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สามารถไปทำพิธีแก้ปีชงได้ด้วย ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมแบบจีนที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม ล้อมรอบไปด้วยตึกสูงๆ ในเมืองกรุง ดูแล้วก็สวยงามไปอีกแบบ ถ้าอยากไปแก้ปีชงแบบหลบหลีกควันธูปและคนเยอะๆ ลองไปที่วัดนี่ดูนะคะ - เวลา เปิด-ปิด : 07.00-18.00 น. - ที่ตั้ง : 323 ถนนสาธุประดิษฐ์ 19 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร 10120 - การเดินทาง : ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีช่องนนทรี หรือ รถเมล์ สาย 22 , 35 , 62 และ 77 ปีใหม่ปีนี้ มัชรูมทราเวล ก็ขอให้ทุกท่านมีความสุข ใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง แคล้วคลาดปลอดภัยกันตลอดปีเลยนะคะ ส่วนใครที่เกิดตรงกับ ปีชง 2563 พอดี ก็อย่าลืมไปทำบุญเพื่อความสบายใจและเป็นสิริมงคล จะได้ช่วยเปลี่ยนเรื่องร้ายให้เป็นดีกันนะคะ ตรงไปได้ที่วัดแก้ปีชงที่เรานำมาฝากนี้เลยค่า ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook,Mushroom Travel
สัมผัสบรรยากาศสบาย ๆ ของ “อำเภอเชียงคาน” อำเภอเล็ก ๆ จังหวัดเลย ที่น่าไปใช้ชีวิตให้ช้า ๆ หนึ่งวัน แต่สุขไปด้วยบรรยากาศสุดชิล ชมวัฒนธรรมของวิถีชุมชนของคนที่นี่ หลบหนีความวุ่นวาย แล้วไปใช้ชีวิตช้า ๆ พักเหนื่อยกับการทำงานในช่วงวันหยุด แล้วไปผ่อนคลายที่ “อำเภอเชียงคาน” อำเภอเล็ก ๆ ของจังหวัดเลย ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย และวัฒนธรรมวิถีชุมชนของคนท้องถิ่น “เชียงคาน” ถือได้ว่าเป็นอำเภอท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเลย จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อน ชมวิว ชิลบรรยากาศริมแม่น้ำโขง เพลิดเพลินกับบรรยากาศเรือนไม้เก่า ชิมเมนูอาหารยอดฮิต พร้อมซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่นกันในทุกช่วงฤดู การเดินทางมายังที่ “อำเภอเชียงคาน” ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านตัวเมืองสระบุรี ผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ มาเส้นอำเภอหล่มสัก หล่มเก่า ขับมาเรื่อย ๆ เข้าสู่จังหวัดเลย วิ่งเข้าเส้นอำเภอด่านซ้าย อำเภอภูเรือ … ก็มาถึงที่ “อำเภอเชียงคาน” ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 – 8 ชั่วโมง โดยประมาณ แต่ถ้าใครไม่สะดวกขับรถมาก็สามารถขึ้นรถ บขส. รถไฟ และเครื่องบิน มากันได้ด้วยนะคร๊าบ ออกเดินทางจากตอนกลางคืน เพื่อให้มาถึงที่ “อำเภอเชียงคาน” ให้ทัน “ตักบาตรข้าวเหนียว” ในช่วงเช้า วัฒนธรรมท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อของที่อำเภอนี้ หลังจากใส่บาตรกันเสร็จแล้ว มาเดินทางชมบรรยากาศชิล ชิล ริม “แม่น้ำโขง” ชมบรรยากาศของประเทศเพื่อนบ้าน กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์พระพุทธปฏิมาประทับขัดสมาธิราบนาคปรกอายุกว่า 300 ปี ภายใน “วัดศรีคุณเมือง” วัดเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมาอย่างยาวนาน พร้อมชมจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามอันเลื่องชื่อของสถานที่แห่งนี้ เช่าจักรยาน ปั่นชมบรรยากาศรอบ ๆ ภายใน “ถนนคนเดินเชียงคาน” ชมอาคารไม้เก่าแก่ที่ยังคงรักษาไว้เป็นอย่างดี ซึบซัมวิถีชุมชนความเป็นอยู่ของคนที่นี่ แล้วไปถ่ายรูปเช็คอิน เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก อิ่มอร่อยกับเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ “ข้าวปุ่นน้ำแจ่ว” เมนูอาหารเช้าท้องถิ่นที่ร้าน “ป้าบัวหวานข้าวปุ้นน้ำแจ่ว” กินเมนูทานเล่น “กุ้งแม่น้ำโขงย่าง – ปูย่าง” แบบเสียบไม้ ย่างบนเตาถ่านกลิ่นหอม ๆ ชวนชิม และหากินได้เฉพาะที่นี่ เพียงเท่านั้น หลังจากอิ่มอร่อยกับเมนูท้องถิ่น ก็มาชิมเมนูขนมหวาน ขนมไทย ขนมพื้นเมืองท้องถิ่น ออกเดินทางจากถนนคนเดินด้วยระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ไปยังที่ “แก่งคุดคู้” ดื่มด่ำบรรยากาศริมแม่น้ำโขง ชมวิถีการทำอาชีพของเช้าประมงของคนที่นี่ เดินลงไปสัมผัสสายน้ำอันเย็นสบายของแก่งแห่งนี้ ซึมซับธรรมชาติ สายน้ำ สายลม ชิล ชิล กันแล้ว ไปเที่ยวต่อช่วงบ่ายกันที่ “วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน” เยี่ยมชมโบราณสถานเก่าแก่ทางพระพุทธศาสนาอีกแห่งหนึ่งของอำเภอเชียงคาน สักการะรอยพระพุทธบาทยาวบนหินลับมีด และความสวยงามของโบราณสถานแห่งนี้ที่ตั้งโดดเด่นท่ามกลางธรรมชาติล้อมรอบ เดินทางต่อไปยัง “หมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำ” ชมหมู่บ้านวัฒนธรรมแห่งเดียวในภาคอีสาน ที่ยังคงมีการอนุรักษ์และมีการสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ชมเรือนไม้เก่าแก่ ขนบธรรมเนียม การแต่งกาย และประวัติความเป็นมาของชาวไทดำ หลังจากออกเดินทางท่องเที่ยวมาทั้งวันรอบ ๆ เชียงคาน ก็วนกลับมากินมื้อเย็นกันกับเมนูอาหารอีสานเหนือ ภายในถนนคนเดินเชียงคานที่รัาน “เฮือนฝ้ายคำ” ร้านอาหารบรรยากาศดี เมนูอาหารอีสานอร่อย ๆ มากมาย อิ่มอร่อยกับเมนูอาหารเย็น ก็มาเดินชมวิว ชิลบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำโขง กับแสงยามเย็นของพระอาทิตย์ตกดิน … ก่อนจบทริป ชิล ชิล หนึ่งวันช้า ช้า ที่ “อำเภอเชียงคาน” จังหวัดเลย ถึงแม้ว่า “อำเภอเชียงคาน” จะเป็นเพียงอำเภอเล็ก ๆ แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม และธรรมชาติที่สวยงามมากมาย นี่เป็นเพียงแค่การท่องเที่ยวแค่หนึ่งวันเพียงเท่านั้น … แต่ถ้าใครอยากชิลกับบรรยากาศ ลองนอนกันสักคืน จะได้ซึบซับความชิล แล้วไปใช้ชีวิตช้า ช้า กันอย่างเต็มที่ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , พาไป
นายบัญชา รามศิริ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังเปิดเผยว่า เช้าวันนี้ ทะเลหมอกห้วยน้ำดัง ยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่องและวันนี้เป็นทะเลหมอกที่สวยงามมากว่าทุกวัน เนื่องจากเมฆหมอกที่ปกคลุม อยู่ในระดับที่ดูแล้วสวยงามมากที่สุด จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว ให้รีบเดินทางมาเที่ยวชมทะเลหมอก และ สัมผัสกับบรรยากาศหนาวที่อุณหภูมิต่ำสุด 15 องศา แบบชิลๆ สำหรับบรรยากาศการท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ยังมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก หลั่งไหลขึ้นมาถ่ายรูปกับทะเลหมอก และ สัมผัสกับอากาศหนาว อย่างต่อเนื่อง และสำหรับสถานที่กางเต็นท์ ยังคงมีไว้บริการให้กับนักท่องเที่ยวเหมือนเดิม ซึ่งที่พักกางเต็นท์ส่วนหนึ่งได้มีนักท่องเที่ยว จองที่พักไว้บ้างแล้ว แต่ก็ยังคงมีเหลือให้บริการสำหรับผู้ที่สนใจอยู่ โดยนักท่องเที่ยว สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ที่ทำการอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง 08-2187-7834จองบ้านพัก และ เต็นท์ ได้ที่ http://nps.dnp.go.th/reservation.php ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook , Peeranut P.
1.ICONSIAM CHAO PHRAYA RIVER OF GLORY - สถานที่จัดงาน : ICONSIAM - วันที่จัดงาน : 11 พ.ย. 2562 2.River Festival 2019 - สถานที่จัดงาน : วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร, วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร, วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร, วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร, ยอดพิมาน ริเวอร์วอล์ค, ท่ามหาราช, เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์, ท่าล้ง 1919, สุขสยาม ณ ไอคอนสยาม และ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร - วันที่จัดงาน : 9 - 11 พ.ย. 2562 3.ลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย - สถานที่จัดงาน : อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย - วันที่จัดงาน : 2 - 12 พ.ย. 2562 4.งานประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ - สถานที่จัดงาน : ตัวเมืองเชียงใหม่ - วันที่จัดงาน : 9 - 12 พ.ย. 2562 5.งานประเพณีลอยกระทงสาย ไหลประทีปพันดวง - สถานที่จัดงาน : ริมสายธารลานกระทงสาย เชิงสะพานสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี อำเภอเมือง จังหวัดตาก - วันที่จัดงาน : 9 - 13 พ.ย. 2562 6.สีฐานเฟสติวัล บุญสมมาบูชานาค ขอนแก่น - สถานที่จัดงาน : ริมบึงสีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น - วันที่จัดงาน : 9 - 11 พ.ย. 2562 7.ลอยกระทง สังขละบุรี 2562 - สถานที่จัดงาน : สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี - วันที่จัดงาน : 9 - 11 พ.ย. 2562 8.ประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง ประจำปี 2562 - สถานที่จัดงาน : จังหวัดสมุทรสงคราม - วันที่จัดงาน : 10 - 11 พ.ย. 2562 9.งานสืบสานประเพณีลอยกระทง และการแข่งขันเรือยาวเมืองคนสวย - สถานที่จัดงาน : จังหวัดราชบุรี - วันที่จัดงาน : 11 พ.ย. 2562 10.ประเพณีลอยกระทง นนทบุรี 2562 - สถานที่จัดงาน : บริเวณเขื่อนท่าน้ำนนทบุรี - วันที่จัดงาน : 9 - 11 พ.ย. 2562 ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Peeranut P.
|
AuthorWrite something about yourself. No need to be fancy, just an overview. Archives
January 2021
Categories |