ภายใต้พื้นที่กว่า 100 ไร่ของสิงห์ปาร์คเชียงราย ถูกเนรมิตให้กลายเป็นทุ่งดอกไม้จากดวงไฟสีสันสวยงามสุดตระการตา ต้อนรับเทศกาลขึ้นปีใหม่ และลมหนาวที่กำลังพัดมาเยือนจังหวัดเชียงรายในช่วงนี้ งานเทศกาลประดับไฟฤดูหนาว 2564 นี้จะถูกจัดขึ้นในวันที่ 1 มกราคม - 14 กุมภาพันธ์ 2564 โดยภายในงานจะมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อย่างเคร่งครัด สร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะมาเยือน ดังนี้ 1.ตรวจเช็ค - สแกนผ่านแอพพลิเคชั่นไทยชนะ 2.ตรวจวัด - หากมีอุณหภูมิสูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส ขอสงวนสิทธิ์การเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด 3.ตรวจตรา - ผู้เข้าชมงานต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่จัดงาน เจ้าหน้าที่จะคอยตรวจตราและสอดส่อง หากมีการพบเห็นขออนุญาตตักเตือน 4.รักษาระยะห่างระหว่างกัน 1 ถึง 2 เมตรอย่างเคร่งครัด และล้างมือด้วยแอลกกอฮอล์เจลที่จัดไว้ให้บริการก่อนเข้าภายในจุดจัดแสดงต่างๆ และนอกจากนี้ยังมีการขอความร่วมมือจากผู้จัดงานดังต่อไปนี้ 1.ขอจำกัดจำนวนผู้เข้าชมต่อวัน 2.ขอให้ทุกคนลงทะเบียนเข้างานล่วงหน้า สามารถลงทะเบียนและซื้อบัตรล่วงหน้าได้ที่ : bit.ly/3kMfx3I ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook
0 Comments
กำลังจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่อยู่แล้วเชียว หลายคนคงตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้เฉลิมฉลองหลังจากปีที่แสนเนหื่อยกันอย่างเต็มที่ แต่เจ้าโควิดตัวดีก็กลับมาระบาดซะอีก ทำให้หลายๆ ภาคส่วนต้องงดจัดงานเคาท์ดาวน์ไปในปีนี้ แต่ถึงอย่างไรหากในช่วงที่ต้องอยู่บ้านคุณก็จะไม่เหงาอีกต่อไป เพราะ จะพาคุณไปทำความรู้จักกับกิจกรรมเคาท์ดาวน์ออนไลน์ของทาง ICONSIAM ที่จะจัดมหกรรมพลุเฉลิมฉลองแบบจัดเต็มให้ทุกคนได้ชมกันแบบออนไลน์
ในค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2563 นี้ เวลา 23.30 น. ทาง ICONSIAM ยืนยันว่าจะมีการจัดงานเคาท์ดาวน์ขึ้นแบบ New Normal โดยในงานจะมีการจุดพลุเฉลิมฉลองในช่วงเที่ยงคืนเป็นสัญญาณแห่งการขึ้นปีใหม่ ถ่ายทอดสดให้กับประชาชนทั่วประเทศได้ชมกันบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ICONSIAM สำหรับเราทุกคนสามารถเปิดไลฟ์สดชมความสวยงามของงานเคาท์ดาวน์แบบ New Normal นี้กันได้ที่บ้านไม่ต้องออกไปรวมตัวกันให้เสี่ยงติดโควิดแต่อย่างใด ถือเป็นอีกหนึ่งไอเดียดีๆ ที่ช่วยเยียวยาให้กับเราทุกคนได้เป็นอย่างดี บอกเลยว่าห้ามพลาดครับสวยงามแน่นอน ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Peeranut P. ถนนเก่าแก่ที่สุดของไทยอย่างถนนเจริญกรุง เป็นถนนอีกสายที่เต็มไปด้วยบันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ผ่านอาคารบ้านเรือนต่างๆ และ “บ้านเลขที่ ๑ เจริญกรุง” ก็นับเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่งดงามเหนือกาลเวลา ประวัติของบ้านเลขที่ ๑ ในซอยเจริญกรุง 30 หรือตรอกกัปตันบุช มีที่มาตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) พระราชทานที่ดินแก่พระมเหสีของพระองค์เจ้าสายวลีภิรมย์ และลูกๆ พระมหากษัตริย์ทรงขอให้คณะองคมนตรีจัดการที่ดินโดยแบ่งเป็นสองแปลงเพื่อให้เช่า แปลงแรกเป็นที่ตั้งของบ้านเลขที่ 1 โดยสาเหตุที่บ้านกลายเป็นอันดับหนึ่ง เนื่องจากเขตบางรัก (เดิมเป็นเขตสี่พระยา) ถือว่าบ้านหลังนี้เป็นสมบัติขององคมนตรี และได้รับเกียรติเป็นอันดับหนึ่ง อาคารเดิมเป็นสำนักงานของบริษัทโรงกลั่นฝรั่งเศสในอดีต มีสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิกของยุโรป มีสองชั้น สร้างด้วยผนังรับน้ำหนัก ออกแบบหลังคาทรงปั้นหยาพร้อมจั่วกลางที่ด้านหน้า ผนังทาสีเหลือง หน้าต่างสีเขียวมะกอก ตัดกรอบสีขาว ประตูและหน้าต่างมีรูปโค้งแบบโรมันที่งดงาม แสดงความแข็งแกร่งและเคร่งขรึม ตกแต่งด้วยผนังลวดลายร่องในลักษณะเดียวกับการก่ออิฐแบบยุโรป ชั้นล่างปูด้วยกระเเบื้องนำเข้า ส่วนชั้นบนปูด้วยไม้สัก สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ถือว่าบ้านหลังที่ 1 เป็นโครงสร้างที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ซึ่งแสดงถึงสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิคแท้ ตัวบ้านยังสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของสถาปัตยกรรมในสมัยรัชกาลที่ 5 หลังจากเสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรป และการดำเนินการบูรณะอาคารโดยสำนักงานทรัพย์สินฯ ในช่วงปี 2555-2560 ได้มีการค้นพบหลักฐานที่บ่งชี้ว่า พื้นที่ดังกล่าวเคยเป็นชุมชนชาวต่างชาติ จากการค้นพบเครื่องปั้นดินเผาจากจีนและยุโรป ที่ดินแปลงที่สอง หรืออาคารคลังสินค้า ตั้งถัดจากบ้านเลขที่ 1 ทางด้านทิศเหนือ ผู้เช่า คือ นายหลุยส์ทีลีโอโนเวนส์ บุตรชายของนางสาวแอนนา ลีโอโนวนส์ หรือมาดามแอนนา ครูสอนภาษาอังกฤษให้กับพระราชโอรสและพระธิดาในรัชกาลที่ 4 นั่นเอง โดยที่ดินแปลงนี้เช่าเพื่อจุดประสงค์ทางธุรกิจค้าไม้ไปยังประทศในยุโรป ปัจจุบันเป็นสถานที่ใช้ประกอบอาหาร - บ้านเลขที่ ๑ ตรอกกัปตันบุช (ซอยเจริญกรุง 30)
- ปัจจุบันเปิดให้บริการรับจัดเลี้ยง หรือจัดกิจกรรมต่างๆได้ - Facebook: houseno.1bangrak - สอบถาม โทร.02-651-4849 หรือ 02-263-2500 ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Passport นับเป็นปีที่ 33 แล้วที่เว็บไซต์ท่องเที่ยว CN Traveler เปิดโอกาสให้ผู้อ่านร่วมโหวตให้คะแนนเมืองที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมากที่สุด โดยอิงจากความรู้สึกของการต้อนรับอย่างอบอุ่น ความสะดวกสบายในการเดินทาง และความเป็นมิตรของคนท้องถิ่น และแม้ในปี 2020 นักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวกันได้แค่ช่วงต้นปี แต่ "เชียงใหม่" ก็ยังครองใจผู้อ่าน และสามารถคว้าที่หนึ่งได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ทางเว็บไซต์ CN Traveler ได้ให้เหตุผลไว้ว่า หากนักท่องเที่ยวมาอยู่เชียงใหม่สักสองสามวัน คนในท้องถิ่นก็จะเริ่มคุ้นหน้าคุ้นตาและเริ่มทักทายกันอย่างสนิทสนม และยังเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินไปกับเสน่ห์ของเมืองเก่าไปจนถึงอาหารท้องถิ่นริมทาง ซึ่งไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะได้พบกับผู้คนที่เป็นมิตรอย่างแน่นอน สำหรับประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว ก็ตามมาติด ๆ ในอันดับที่ 2 ส่วนเม็กซิโกมาด้วยกันสองเมือง ได้แก่ Merida และ San Miguel de Allende ในอันดับที่ 3 และ 4 ตามลำดับ ตำแหน่งที่ 5 และ 6 นั้นตกเป็นของควีนส์แลนด์และออกแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ อันดับที่ 7 และ 8 ตกเป็นของสองเมืองในประเทศไอร์แลนด์ ได้แก่ กัลเวย์และดับลิน ส่วนกรุงฮอยอัน ประเทศเวียดนามก็ไม่น้อยหน้าที่ตามมาในอันดับที่ 9 และปิดท้ายอันดับที่ 10 คือ เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ตามไปอ่านฉบับเต็มกันได้ที่ The Friendliest Cities in the World: 2020 Readers' Choice Awards
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Passport พาเที่ยวไทยวันนี้จะพาลัดเลาะขึ้นดอยไปแอ่วเหนือกันที่ จังหวัดเชียงใหม่ กับอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ นั่นก็คือ พระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ แลนด์มาร์คสำคัญบนดอยอินทนนท์ ที่นี่จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง ตามไปขึ้นดอย เที่ยวเชียงใหม่ กันได้เลยค่ะ พระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ ตั้งอยู่บนดอยอินทนนท์ ในพื้นที่ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ลักษณะเป็นองค์พระธาตุที่สร้างอยู่คู่กัน โดยพระมหาธาตุนภเมทนีดล ได้สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2530 และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ได้สร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2535 เรียกได้ว่าเป็น พระมหาธาตุคู่พระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชินี พระมหาธาตุนภเมทนีดล มีความหมายว่า “พระสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุที่ยิ่งใหญ่เพียงฟ้าจดดิน” ถือเป็นพระมหาสถูปเจดีย์องค์แรกที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินที่สูงที่สุดในประเทศไทย องค์พระมหาสถูปเจดีย์เป็นสีน้ำตาล มีสัณฐานทรงระฆัง 8 เหลี่ยม และมีลวดลายแบ่งออกเป็น 3 ช่วง แทนพระบารมี 3 ขั้นตอนที่พระพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญ อันประกอบด้วย บารมีขั้นแรก 10 ขั้น อุปบารมี 10 ขั้น และปรมัตถบารมี 10 ขั้น รวมเป็น บารมี 30 ทัศ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทานพร พร้อมด้วยสวนดอกไม้หน้าพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ สำหรับการเดินขึ้นไปพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริจะมีทางเดินที่เป็นสวนบนเนินเขา และขั้นบันไดเล็กๆ สามารถเดินได้สะดวก ซึ่งนักท่องเที่ยวจะชอบมาจุดนี้เพื่อถ้ารูปกับสวยดอกไม้สวยๆ พร้อมชมวิวเมืองเชียงใหม่ รวมถึงถ้าใครไม่สะดวกเดินบนเนินเขาก็ยังมีบันไดเลื่อนอีกด้วย พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ มีความหมายว่า “เป็นกำลังแห่งฟ้า เป็นสิริแห่งดิน” องค์พระธาตุมีรูปทรง 12 เหลี่ยม ประดับโมเสกแก้วสีม่วงอมชมพูสีเดียวกันทั้งองค์ ที่ส่วนยอดขององค์เจดีย์เป็นยอดปลีล้อมด้วยกลีบดอกบัวตูม ประดับด้วยโมเสกแก้วสีทอง ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปหินหยกสีขาวปางรำพึง ซึ่งเป็นพระประจำวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ และได้รับพระราชทานนามว่า “พระพุทธสิริกิติฑีฆายุมงคล” มีความหมายว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นสิริมงคลและทรงเจริญพระชนมพรรษา สำหรับ พระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มา เที่ยวเชียงใหม่ และขึ้นดอยอินทนนท์จะมาเยี่ยมชมที่นี่ ซึ่งนอกจากจะได้ชมความสวยงามขององค์พระธาตุคู่ รวมถึงสวนดอกไม้บริเวณรอบๆ แล้ว ที่นี่ยังอยู่บนจุดที่สูงที่สุดในประเทศไทย สามารถมองเห็นวิวภูเขาสวยๆ โดยรอบจากมุมสูงได้ชัดเจน และอากาศก็เย็นสบาย ซึ่งในบริเวณจะมีป้ายเตือนอากาศเบาบาง เพราะอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 2,142 เมตรเลยทีเดียว พี่เห็ดแนะนำว่าให้เดินเที่ยวชมหรือเดินขึ้นลงเขากันอย่างช้าๆ นะคะ เพื่อที่จะได้หายใจกันได้สะดวกจ้า ค่าเข้าชม : คนไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท, เด็ก 20 บาท / ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท, เด็ก 100 บาท
การเดินทาง : จากจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางโดยใช้เส้นทางถนนสายเชียงใหม่-ฮอด (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108) ผ่านอำเภอหางดงและอำเภอสันป่าตอง ไปยังอำเภอจอมทอง ก่อนถึงอำเภอจอมทองประมาณ 2 กิโลเมตร เลี้ยวขวาตามถนนสายจอมทอง-อินทนนท์ (ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1009) จะเริ่มเข้าเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ที่กิโลเมตรที่ 8 (น้ำตกแม่กลาง) และตัดขึ้นสู่ยอดดอยอินทนนท์เป็นระยะทางทั้งหมด 49.8 กม. ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook,Mushroom Travel "Fish Town Paradise @Nakhon Phanom" ขบวนแห่หุ่นปลายักษ์นานาพันธุ์ครั้งยิ่งใหญ่ประจำปี 256312/22/2020 ชาวศรีสงครามคึกคัก"Fish Town Paradise @Nakhon Phanom" 13-15 ธันวาคม 2563 ณ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ขบวนแห่หุ่นปลายักษ์นานาพันธุ์ครั้งยิ่งใหญ่ประจำปี ประชาชนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเยี่ยมชมกิจกรรมภายในงานอย่างคับคั่ง กระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนเมืองรองให้เติบโตขึ้นอย่างยั่งยืน พร้อมมาตรการคุมเข้ม “โซเชียล ดิสแทนซิ่ง” รักษาระยะห่าง เพิ่มการป้องกันความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว มั่นใจไร้ โควิด-19 ภายในงาน ประกอบไปด้วย เชฟ คิดค้นและรังสรรค์เมนูใหม่ โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นมาทําอาหาร และเพิ่มมูลค่าให้กับอาหารท้องถิ่น และผู้ประกอบการในชุมชนนำไปต่อยอดเป็นธุรกิจได้ต่อไป ยังมีการออกร้านจากคนในชุมชน และชุมชนใกล้เคียง เพื่อเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจ หารายได้เข้าชุมชน เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่น รวมเหล่า Food Truck เพื่อเข้ามาสร้าง ความแปลกใหม่ให้กับคนในท้องถิ่น ได้ลิ้มรสความอร่อยแปลกใหม่จากร้านเคลื่อนที่ นำพาความอร่อยให้ได้ชิมกัน ที่สำคัญ ยังมีเทศกาลดนตรี รับฟังผลงานเพลง เสียงแคนบรรเลงบ่งบอกความเป็นลูกอีสานอย่างจริงใจ ผสมผสานเครื่องดนตรีอีสานอย่างพิณ เข้ากับความ ป๊อปของ เครื่องดนตรีสากล และเนื้อร้องสอดแทรก สําเนียงและภาษาถิ่น อีสานเอาไว้อย่างกลมกลืน ยังมีกิจกรรมการประกวด เทพีปลาลุ่มนํ้าสงคราม ประกวดขบวนปลาลุ่มนํ้าสงคราม กิจกรรมนิทรรศการกษัตริย์เกษตร กิจกรรม เกษตรวิถีลุ่มนํ้าสงคราม กิจกรรมการจัดนิทรรศการ การแสดงและจําหน่ายสินค้า OTOP ศรีสงคราม กิจกรรมครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อทุกภาคส่วนต่างเห็นความสำคัญของชุมชน เพื่อต้องการช่วยส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเมืองรอง เป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงประเพณี วัฒนธรรม และศาสนาจังหวัดนครพนม เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการท่องเที่ยว กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวได้เดินทางไปเที่ยวเยี่ยมชมพื้นที่จังหวัดนครพนมมากยิ่งขึ้น ถือได้ว่าเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดการกระจายรายได้อย่างแท้จริง ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Peeranut P.
ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งปีเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ของประเทศไทยอีกแล้ว ซึ่งในปีนี้กระแสการท่องเที่ยวเริ่มที่จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง และมีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นอย่างแน่นอนในปี 2564 เราได้รวบรวมเอางานเทศกาลและประเพณีไทยรวมถึงวันหยุดยาวตลอดปี 2564 มาแนะนำให้ทุกคนได้เตรียมตัวไปเที่ยวกัน ตามนี้เลยครับ
เดือนมกราคม 1.วันขึ้นปีใหม่ไทย 31-3 มกราคม 2564 2..เทศกาลขึ้นเขาคิชฌกูฏ 14 มกราคม 2564 - 14 มีนาคม 2564 เดือนกุมภาพันธ์ 1.วันตรุษจีน 12 กุมภาพันธ์ 2564 2.วันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 2564 3.วันมาฆบูชา 25 กุมภาพันธ์ 2564 เดือนมีนาคม 1.พระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 39 *ยังไม่กำหนดวันที่แน่นอน เดือนเมษายน 1.วันจักรี 6 เมษายน 2564 2.วันสงกรานต์ 13-15 เมษายน 2564 เดือนพฤษภาคม 1.วันแรงงานแห่งชาติ 1 พฤษภาคม 2564 2.วันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม 2564 3.วันวิสาขบูชา 26 พฤษภาคม 2564 เดือนมิถุนายน 1.วันเฉลิมพระชนพรรษาสมเด็จพระราชินี 3-6 มิถุนายน 2564 เดือนกรกฏาคม 1.วันอาสาฬหบูชา 24 กรกฏาคม 2564 2.วันเข้าพรรษา 25 กรกฏาคม 2564 3.วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฏาคม 2564 เดือนสิงหาคม 1.วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2564 เดือนกันยายน เดือนตุลาคม 1.วันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม 2564 2.วันปิยมหาราช 23 ตุลาคม 2564 เดือนพฤศจิกายน 1.วันลอยกระทง 19 พฤศจิกายน 2564 เดือนธันวาคม 1.วันพ่อ 5 ธันวาคม 2564 2.วันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม 2564 3.วันขึ้นปีใหม่ 2565 31 - 3 มกราคม 2565 ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Peeranut P. ที่สวนสาธารณะบึงทุ่งสร้าง เขตเทศบาลนครขอนแก่น ได้เนรมิตให้เป็นสวนพรรณไม้นานาชนิดมากกว่า 2 แสนดอก ที่มาประดับตกแต่งภายในพื้นที่ เป็นโซนต่างๆ เป็นกิจกรรมงานมหัศจรรย์พรรณไม้นานาชาติขอนแก่น ประจำปี 2563 ภายใต้แนวคิดสวนแห่งความสุข Happy Garden โดยกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2563 ไปจนถึงวันที่ 3 มกราคม 2564 ที่สวนสาธารณะบึงทุ่งสร้างเขตเทศบาลนครขอนแก่น นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น กล่าวว่า การจัดงานในปีนี้ จะมีการคัดกรองนักท่องเที่ยวที่เข้าชมงาน จะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกคน เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งงานมหัศจรรย์พรรณไม้นานาชาติขอนแก่น เป็นความตั้งใจจริงของชาวขอนแก่น ที่ร่วมกันเนรมิตพื้นที่สวนสาธารณะให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่สวยงามด้วยพันธุ์ไม้เมืองหนาว และพันธุ์ไม้พื้นเมืองนับแสนต้น ควบคู่กับกิจกรรมต่างๆที่ได้กำหนดไว้เต็มพื้นที่ของการจัดกิจกรรม เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดและของภูมิภาคที่จะรอรับนักท่องเที่ยว ได้มาท่องเที่ยวในช่วงเดือนแห่งความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่กำลังจะมาถึง ในปีนี้กำหนดพื้นที่จัดงานออกเป็น 18 โซน ที่เข้าชมและบันทึกภาพแห่งความประทับใจเอาไว้ก็เหมือนกับว่ามาไม่ถึงงาน เริ่มจากพื้นที่จัดแสดงความสุขวันวาน เก่าเก็บต้องโชว์ที่มีการเนรมิตรพื้นที่ทางเข้างาน ให้เป็นยุควันวานยังหวานอยู่ ที่เป็นการยกเอาวิถีของขอนแก่นในอดีตมาไว้ในงาน เพื่อร่วมบันทึกภาพแห่งความทรงจำที่สวยงามให้คงอยู่กับเมืองตลอดไป ต่อด้วยแลนด์มาร์คที่สำคัญคือหอแคนดอกไม้ ใจกลางสถานที่จัดงานที่รายล้อมด้วยดอกไม้นานาชนิด ต่อมาคือโดมดอกไม้ผีเสื้อสถานที่ที่เด็กๆจะต้องชื่นชอบ และสวนดอกไม้เมืองหนาวที่เรานำดอกลิลลี่ และดอกไม้เมืองหนาวที่สวยงามมาจัดแสดงอย่างครบถ้วน ขอเชิญชวนชาวจังหวัดขอนแก่น จังหวัดใกล้เคียงและทั่วประเทศ ที่ผ่านในจังหวัดขอนแก่นในช่วงนี้ต่อเนื่องต้นปีใหม่ ได้มาเที่ยวงาน มหัศจรรย์พรรณไม้นานาชาติ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Peeranut P.
ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานเปิดงาน “ศิลปะ สายหมอก ดอกไม้” กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 มี ททท.เลย หอการค้า นายอำเภอภูเรือ พร้อมด้วย หน.ส่วนราชการ นักท่องเที่ยวร่วมเปิดงาน เพื่อรอรับนักเที่ยวมาสัมผัสความหนาวเย็น ชมดอกไม้เมืองหนาวที่สวยงาม ในช่วงการท่องเที่ยว งานศิลปะ สายหมอก ดอกไม้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 63 – 12 มกราคม 64 ณ ลานดอกไม้ รักนะ ภูเรือ (ปรอทยักษ์) บ้านหนองบง อ.ภูเรือ จ.เลย เพื่อรอรับนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หรือช่วงการท่องเที่ยว สัมผัสอากาศที่หนาวเย็น และชมดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์นับแสนล้านต้นที่หาดูที่ไหนไม่ได้ นอกจากนี้แล้วยังมีการแสดงดนตรี กวี ศิลป์ ของ อาจารย์เนารัตน์ พงษ์ไพบูลย์ อาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี อาจารย์ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ ที่จำนำเสนอดนตรี ศิลปะวัฒนะธรรมท้องถิ่นจังหวัดเลย และชิม ช็อป แชะ กับตลาดสดนัดสินค้าและอาหาร ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook ,Peeranut P.
สภาพอากาศจังหวัดเลย ยังคงหนาวเย็นทุกพื้นที่ โดยเฉพาะตามยอดภูแหล่งท่องเที่ยว อุณหภูมิ 8-11 องศา พื้นราบ 12-14 องศา ทำให้มีหมอกในตอนเช้าบางพื้นที่ อากาศหนาวเย็น และที่ภูหินเซา แหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ของ บ้านกกแหนใหม่ ต.ปากหมัน อ.ด่านซ้าย จ.เลย ที่เปิดมานาน 2 ปี ห่างจากอำเภอด่านซ้าย จ.เลย กว่า 20 กม. เส้นทางสะดวก นักท่องเที่ยวนั่งรถอีแต๊กขึ้นภูชมพระอาทิตย์ขึ้น ดูทะเลหมอกที่ขาวโพลนเต็มท้องฟ้าสุดหูสุดตา กันพรมแดนไทย-ลาว โดยมีแม่น้ำเหืองกั้นพรมแดน สามารถมองเห็น 180 องศา นักท่องเที่ยวถ่ายรูปเซลฟี่เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก อุณหภูมิ 12 องศา ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook,Peeranut P.
|
AuthorWrite something about yourself. No need to be fancy, just an overview. Archives
January 2021
Categories |